ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาใน อ.หาดใหญ่ ยังเติบโตสวนกระแสธุรกิจอื่นๆ ท่ามกลางการแข่งขันที่กระจุกอยู่กว่า 100 แห่ง แต่มีเม็ดเงินสะพัดราว 100 ล้าน/ปี ดึงดูดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ “คุณครูสมศรี” ขยายสาขาใหม่ที่กลางเมืองหาดใหญ่เป็นแห่งแรก ชี้ช่องว่างมาตรฐานการศึกษาและภาวะการแข่งขันของการศึกษาไทยยังสูง โรงเรียนกวดวิชาจะเป็นทางเลือกให้นักเรียนได้มากขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนใต้ที่จ่ายราคาเบาและเดินทางไม่ไกล
สถาบันกวดวิชายังให้ความสำคัญกับ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้เป็นศูนย์กลางทางการการศึกษา ซึ่งล่าสุดมีการสำรวจว่ามีมากกว่า 100 แห่ง การกระจุกตัวของธุรกิจนี้มีการประมาณตัวเลขว่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีอัตราการเติบโตทุกปีปีละไม่ต่ำกว่า 30% โดยย่านถนนจุติอนุสรณ์ถือเป็นแหล่งรวมสถาบันกวดวิชามีราว 30 แบรนด์ ซึ่งมีทั้งแบรนด์จากกรุงเทพฯ เข้ามาปักหลักชิงชัยอยู่ก่อนล่วงหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เดอะติวเตอร์ พลัส, แอพพลายด์ฟิสิกส์ ของ นพ.ประกิตเผ่า ทมชิตชงค์, เอ็นคอนเซ็ปต์, แอคเซส หรือไม่ว่าจะเป็นโรงรียนกวดวิชาวรรณสรณ์ ที่รู้จักกันว่า เคมี อ.อุ๊ เป็นต้น
ล่าสุดสถาบันกวดวิชา “คุณครูสมศรี” จากกรุงเทพฯ ได้เจาะตลาดภูธรใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นแห่งแรก และเลือกที่จะแจ้งเกิดทำเลทองย่านจุติอนุสรณ์ หลังจากประสบความสำเร็จกับสาขาศรีย่านซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ ก่อนจะขยายมาสู่ร่วมจิตต์, บางกะปิ ซึ่งมีนักเรียนราว 5,000 คน และเพิ่มสาขาพญาไท พร้อมๆ กับสาขาหาดใหญ่ซึ่งในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมามีนักเรียนเข้าชั้นแล้วกว่า 700 คน
นางสมศรี ธรรมสารโสภณ เจ้าของแบรนด์โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ “คุณครูสมศรี” เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า ในช่วงปิดภาคเรียนจะมีนักเรียนต่างจังหวัด โดยเฉพาะในภาคใต้เดินทางไปเรียนกวดวิชาสาขาที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายทั้งค่าเดินทาง ที่พัก และค่าอาหารมากกว่าค่าคอร์สเรียนเสียอีก จึงตัดสินใจเปิดสาขาใหม่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นศูนย์กลางทั้งทางเศรษฐกิจ คมนาคม และการศึกษาในภาคใต้ เปิดโอกาสให้นักเรียนจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ตอนล่างใช้บริการที่นี่ ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักเรียนในจังหวัดชายแดนใต้ที่ประสบกับความไม่สงบ การเรียนการสอนไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยที่เพิ่มความมั่นใจภาษาอังกฤษด้วยค่าเรียนไม่แพงและไม่ไกล
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า การแข่งขันของสถาบันกวดวิชาใน อ.หาดใหญ่ จะมีสูงมาก แต่นางสมศรีเชื่อมั่นว่าตราบใดที่มาตรฐานการศึกษายังมีความแตกต่างกัน ตลอดจนมีการแข่งขันเพื่อสอบเข้าสถาบันศึกษาสูง สถาบันกวดวิชาก็จะเติบโตขึ้นและเป็นที่พึ่งให้กับนักเรียน และเป็นความหวังของผู้ปกครองที่จะผลักดันให้บุตรหลานสามารถเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง จึงต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการกวดวิชาเพื่อเพิ่มคะแนนในชั้นเรียนหรือสอบเข้าเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัยก็ตาม
ทั้งนี้ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรีจะรองรับนักเรียนตั้งแต่ระดับ ม.3-ม.6 ซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทำคะแนนเพื่อชิงสอบเข้าเรียนต่อ คอร์สเรียน ผ่านดีวีดี 2,800 บาท/คน และเรียนแบบสอนสดนั้น 3,000 บาท/คน ส่วนการรุกสู่ตลาดหาดใหญ่ซึ่งใช้ระบบการสอนผ่านดีวีดี ซึ่งจะบันทึกการสอนสดจากกรุงเทพฯ ส่งถึงสาขานี้ภายใน 1 สัปดาห์หลังจากนั้น โดยมี 10 ห้องเรียน ห้องละ 30 คน
นางสมศรี กล่าวต่อว่า การตัดสินใจเปิดสาขาที่หาดใหญ่ นอกจากได้นักเรียนกลุ่มเดิมที่เคยเรียนในสาขากรุงเทพฯ แล้ว จะสามารถเจาะกลุ่มใหม่ที่ยังไม่เคยเรียนโดยตรงเพิ่มขึ้นซึ่งยังมีอีกมาก โดยมีจุดเด่นที่การสอนภาษาอังกฤษที่มากกว่าภาษาอังกฤษ แม้โรงเรียนกวดวิชาจะเป็นธุรกิจ แต่สำหรับตนไม่ใช่การพาณิชย์เพียงอย่างเดียว เพราะให้ค่าต้นทุนที่แพงสุดอยู่ที่อาคารสถานที่
ส่วนความรู้จะนำมาทำประโยชน์ให้แก่สังคม ทำให้โรงเรียนกวดวิชาแห่งนี้มีการให้ทุนแก่นักเรียนที่ครอบครัวมีปัญหาสถานะทางการเงิน หรือบุตรของทหาร ตำรวจ ที่มีรายได้ไม่สูงนักด้วย และหากนักเรียนคนใดมีความตั้งใจเรียน เข้าเรียนครบก็จะเพิ่มเวลาเรียนให้ฟรีเพื่อเป็นกำลังใจ ย้ำให้เห็นว่าถึงมีเงินแต่ไม่มีความตั้งใจก็ไม่สามารถเรียนฟรีได้
“ถ้าคิดว่าการเรียนกวดวิชา เป็นเพียงแฟชั่นที่ต้องตามกลุ่มเพื่อนมาโดยไม่มีความตั้งใจ และไม่พึ่งพาตัวเอง ก็อย่ามาเรียน เพราะเสียดายเงินทอง ซึ่งปัจจุบันผู้ปกครองแต่ละท่านหามาด้วยความยากลำบาก และการเข้ามาแบบนั้นจะยิ่งทำให้เกิดการกวดวิชาแบบพาณิชย์มากขึ้น” นางสมศรีกล่าว