รอยเตอร์ – เจ้าหน้าที่ระดับกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) 2 คน ออกมาเตือนในวันพุธ(28)ว่าอาจจะถึงเวลาแล้วที่เฟดจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ไม่ควรจะปล่อยให้เนิ่นช้าออกไปอีก แม้ว่าสหรัฐฯยังต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม
คำกล่าวของเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งสองคน ยิ่งเป็นการตอกย้ำความคาดหมายก่อนหน้านี้ของภาคการเงินในสหรัฐฯที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของเฟด(เอฟโอเอ็มซี) จะเลิกใช้แนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยที่ทำมาต่อเนื่องมาหลายเดือน และอาจหันมาดำเนินนโยบายตรงกันข้ามในช่วงที่เหลือของปีนี้
ริชาร์ด ฟิสเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส และ แกรี สเติร์น ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส ซึ่งเป็นสมาชิกเอฟโอเอ็มซีที่มีสิทธิ์ลงมติในปีนี้กันทั้งคู่ ต่างก็ออกมาบอกว่ากำลังจับตาดูความคาดหมายเรื่องเงินเฟ้อ
“หากว่าการพัฒนาของภาวะเงินเฟ้อเริ่มเห็นได้ชัด หรือสำคัญยิ่งไปกว่านั้น ความคาดหมายเรื่องเงินเฟ้อย่ำแย่ลงไป ผมก็คาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินขึ้นในเร็ว ๆนี้ ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่าที่จะยืดเวลาออกไป” ฟิสเชอร์กล่าวที่ซานฟรานซิสโก
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะ “อยู่ในระดับที่เท่าเทียมกับความร้ายแรงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ” ฟิสเชอร์กล่าวต่อหน้าผู้ฟังในชมรมคอมมอนเวลธ์แห่งแคลิฟอร์เนีย และเขาก็เพิ่มเติมอีกว่าเขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะถดถอย
นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าเป็นเรื่องที่ “ไม่สามารถยอมรับได้” หากเฟดถูกตีความว่ายินยอมปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในระดับสูงๆ
ทั้งนี้หากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวจะถือว่ามีความเสี่ยงอย่างยิ่ง เนื่องจากมาตรการลดดอกเบี้ยที่เฟดทำมาอย่างต่อเนื่อง กำลังจะบังเกิดผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตขยายตัว แต่แล้วในช่วงจังหวะนั้นเอง อัตราเงินเฟ้อกลับอยู่ในระดับที่ “สูงเกินไป” เรียบร้อยแล้ว โดยที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็กำลังพุ่งลิ่วๆ จากแรงฉุดของความต้องการในตลาดโลก
ก่อนหน้าที่ฟิสเชอร์จะมาแสดงความเห็น สเติร์นก็ออกมาพูดให้คำมั่นในวันเดียวกันว่า เฟดจะเข้าแทรกแซงสยบเงินเฟ้อด้วยวิธีที่ “เหมาะสมและทันกาล”
“กุญแจสำคัญที่จะประคับประคองอัตราเงินเฟ้อรวมทั้งความคาดหมายต่อเงินเฟ้อ ให้ยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป น่าจะอยู่ที่ความทันเวลาและความแรงของมาตรการที่เฟดจะนำมาใช้เพื่อหันเหพลิกกลับทิศทางไปตรงกันข้าม” ในเรื่องเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย สเติร์นพูดกับผู้ฟังที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจในเมืองอัลทูนา รัฐวิสคอนซิน
เฟดจับดูความคาดหวังต่อเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ในฐานะที่มันเป็นแบบทดสอบที่บ่งบอกว่าตอนนี้ประชาชนกำลังคิดอะไรอยู่ รวมทั้งยังเป็นการบ่งบอกโดยทางอ้อม ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคด้วย
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลายคนกำลังแสดงความกังวลว่า สหรัฐฯอาจต้องเผชิญกับสัญญาณที่เศรษฐกิจเติบโตขยายตัวต่ำ แต่ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อก็พุ่งสูง หรือที่เรียกกันว่า “stagflation” ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนแก้ไขยากที่ได้ทำความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงในช่วงทศวรรษที่ 1970 ถึง 1980 มาแล้ว
อย่างไรก็ตามสเติร์นก็กล่าวว่าเฟดนั้นสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
“ตอนนี้ความคาดหมายเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี” เขากล่าว
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปซึ่งรวมราคาอาหารและพลังงาน “เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถจะหน่วงเหนี่ยวไว้ได้” สเติร์นกล่าว แต่สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่คำนวณโดยตัดปัจจัยที่เปลี่ยนแปรตามฤดูกาลอย่างราคาอาหารและพลังงานออกไป “ยังคงอยู่ในสภาพน่าพอใจ”
เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์เรต หรืออัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารชั่วข้ามคืน ลงมาเหลือ 2.0% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ทยอยลดลงหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่อัตรายังอยู่ที่ระดับ 5.25% เมื่อกลางเดือนกันยายนปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจจากแรงฉุดของตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤตตลาดสินเชื่อ
ฟิสเชอร์เป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายของเฟดที่มีเน้นนโยบายปราบเงินเฟ้อมากที่สุดคนหนึ่ง เขาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงินลดอัตราดอกเบี้ยในสามครั้งหลัง เพราะ”อัตราการเติบโตไม่สามารถจะดำเนินไปได้หากว่าตลาดยังคงถูกกัดเซาะด้วยอัตราเงินเฟ้อ ราคาสินค้าที่มีเสถียรภาพนั้นเกี่ยวก้อยไปด้วยกันกับการบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”
คำกล่าวของเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งสองคน ยิ่งเป็นการตอกย้ำความคาดหมายก่อนหน้านี้ของภาคการเงินในสหรัฐฯที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของเฟด(เอฟโอเอ็มซี) จะเลิกใช้แนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยที่ทำมาต่อเนื่องมาหลายเดือน และอาจหันมาดำเนินนโยบายตรงกันข้ามในช่วงที่เหลือของปีนี้
ริชาร์ด ฟิสเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส และ แกรี สเติร์น ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส ซึ่งเป็นสมาชิกเอฟโอเอ็มซีที่มีสิทธิ์ลงมติในปีนี้กันทั้งคู่ ต่างก็ออกมาบอกว่ากำลังจับตาดูความคาดหมายเรื่องเงินเฟ้อ
“หากว่าการพัฒนาของภาวะเงินเฟ้อเริ่มเห็นได้ชัด หรือสำคัญยิ่งไปกว่านั้น ความคาดหมายเรื่องเงินเฟ้อย่ำแย่ลงไป ผมก็คาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินขึ้นในเร็ว ๆนี้ ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่าที่จะยืดเวลาออกไป” ฟิสเชอร์กล่าวที่ซานฟรานซิสโก
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะ “อยู่ในระดับที่เท่าเทียมกับความร้ายแรงของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ” ฟิสเชอร์กล่าวต่อหน้าผู้ฟังในชมรมคอมมอนเวลธ์แห่งแคลิฟอร์เนีย และเขาก็เพิ่มเติมอีกว่าเขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะถดถอย
นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าเป็นเรื่องที่ “ไม่สามารถยอมรับได้” หากเฟดถูกตีความว่ายินยอมปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในระดับสูงๆ
ทั้งนี้หากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวจะถือว่ามีความเสี่ยงอย่างยิ่ง เนื่องจากมาตรการลดดอกเบี้ยที่เฟดทำมาอย่างต่อเนื่อง กำลังจะบังเกิดผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตขยายตัว แต่แล้วในช่วงจังหวะนั้นเอง อัตราเงินเฟ้อกลับอยู่ในระดับที่ “สูงเกินไป” เรียบร้อยแล้ว โดยที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็กำลังพุ่งลิ่วๆ จากแรงฉุดของความต้องการในตลาดโลก
ก่อนหน้าที่ฟิสเชอร์จะมาแสดงความเห็น สเติร์นก็ออกมาพูดให้คำมั่นในวันเดียวกันว่า เฟดจะเข้าแทรกแซงสยบเงินเฟ้อด้วยวิธีที่ “เหมาะสมและทันกาล”
“กุญแจสำคัญที่จะประคับประคองอัตราเงินเฟ้อรวมทั้งความคาดหมายต่อเงินเฟ้อ ให้ยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป น่าจะอยู่ที่ความทันเวลาและความแรงของมาตรการที่เฟดจะนำมาใช้เพื่อหันเหพลิกกลับทิศทางไปตรงกันข้าม” ในเรื่องเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย สเติร์นพูดกับผู้ฟังที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจในเมืองอัลทูนา รัฐวิสคอนซิน
เฟดจับดูความคาดหวังต่อเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ในฐานะที่มันเป็นแบบทดสอบที่บ่งบอกว่าตอนนี้ประชาชนกำลังคิดอะไรอยู่ รวมทั้งยังเป็นการบ่งบอกโดยทางอ้อม ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคด้วย
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลายคนกำลังแสดงความกังวลว่า สหรัฐฯอาจต้องเผชิญกับสัญญาณที่เศรษฐกิจเติบโตขยายตัวต่ำ แต่ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อก็พุ่งสูง หรือที่เรียกกันว่า “stagflation” ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนแก้ไขยากที่ได้ทำความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงในช่วงทศวรรษที่ 1970 ถึง 1980 มาแล้ว
อย่างไรก็ตามสเติร์นก็กล่าวว่าเฟดนั้นสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้
“ตอนนี้ความคาดหมายเงินเฟ้อยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี” เขากล่าว
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปซึ่งรวมราคาอาหารและพลังงาน “เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถจะหน่วงเหนี่ยวไว้ได้” สเติร์นกล่าว แต่สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่คำนวณโดยตัดปัจจัยที่เปลี่ยนแปรตามฤดูกาลอย่างราคาอาหารและพลังงานออกไป “ยังคงอยู่ในสภาพน่าพอใจ”
เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ยเฟดฟันด์เรต หรืออัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารชั่วข้ามคืน ลงมาเหลือ 2.0% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ทยอยลดลงหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่อัตรายังอยู่ที่ระดับ 5.25% เมื่อกลางเดือนกันยายนปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจจากแรงฉุดของตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤตตลาดสินเชื่อ
ฟิสเชอร์เป็นหนึ่งในผู้กำหนดนโยบายของเฟดที่มีเน้นนโยบายปราบเงินเฟ้อมากที่สุดคนหนึ่ง เขาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงินลดอัตราดอกเบี้ยในสามครั้งหลัง เพราะ”อัตราการเติบโตไม่สามารถจะดำเนินไปได้หากว่าตลาดยังคงถูกกัดเซาะด้วยอัตราเงินเฟ้อ ราคาสินค้าที่มีเสถียรภาพนั้นเกี่ยวก้อยไปด้วยกันกับการบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”
