xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯลุ้นการเมืองนิ่ง หนุนดัชนีทะลุพันจุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - บล.เคจีไอ มั่นใจดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อาจแตะ 1 พันจุด บนพื้นฐานจีดีพีขยายตัวเกิน 5% และกำไรบริษัทจดทะเบียนโต 19% โดยมีกลุ่มธุรกิจการเงินเป็นตัวนำที่โดดเด่น ด้าน "ทิสโก้" คาดเห็น 900 จุดภายในเดือนมิถนายนนี้ หลังปัจจัยการเมืองคลี่คลาย บวกกับการลดดอกเบี้ยเฟดอีก 0.25% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยวานนี้ได้รับแรงผลักดันจากหุ้นพลังงาน วอลุ่มคึกคักกว่า 2.2 หมื่นล้าน แม้ดัชนีบวกแค่ 2.88 จุด

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI กล่าวว่า บริษัทประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว โดยคาดว่า GDP จะโตถึง 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.8% เนื่องจากการขยายตัวของการบริโภคในประเทศ หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถูกกดดันจากปัจจัยทางการเมือง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยนั้น ดัชนีตลาดหุ้นไม่น่าจะต่ำกว่า 888 จุด โดยมีกรอบสูงสุดที่ 1,020 จุด พีพี 11-15 เท่า บนสมมติฐานจีดีพีขยายตัว 5% และกำไรบริษัทจดทะเบียนขยายตัว 19.3% โดยอุตสาหกรรมการเงินที่จะเติบโตสูงสุด 370% เนื่องจากกลุ่มธนาคารที่จะเติบโตถึง 1082.8% หลังไม่ต้องตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่เช่นเดียวกันปีที่ผ่านมา ตามด้วยกลุ่มบริการ 19% และเกษตรอาหาร 16.1% ขณะที่เทคโนโลยีและสินค้าอุตสาหกรรมจะเติบโตติดลบที่ -4.4% และ -23.4% ตามลำดับ
ส่วนแนวโน้มกลุ่มพลังงาน กำไรสุทธิน่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 7.5% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไม่รวมบมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) จะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการภาษีรัฐบาล ขยายตัวได้ 25%

ขณะเดียวกัน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ 19,477 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 11.7% ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักทรัพย์ ส่วนนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 6 พ.ค. ยังขายสุทธิ 12,418 ล้านบาท แต่เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวจะติดลบลดลงเรื่อยๆ และในไม่ช้านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิ โดยมองว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนตัดสินหากบวกเยอะจะเป็นสัญญาณว่านักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุน และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2/51 มีแนวโน้มที่ดี ระยะสั้นมีแนวต้านสำคัญที่ 860 จุด โดยมีเป้าหมายดัชนีไตรมาส 2/51 ที่ 900-920 จุด ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ โดยประเด็นเรื่องการปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 19 พ.ค. น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่กระตุ้นให้ราคาหุ้นในตลาดค่อยๆ ดัดตัวขึ้นได้ เนื่องจากแรงกดดันทางการเมืองเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะคลี่คลายลง

สำหรับปัจจัยในประเทศมองว่าตัวชี้ทางเศรษฐกิจ 5 ตัวยังคงเกื้อหนุนตลาดหุ้นไทยอยู่ คือ 1. การฟื้นตัวของวงจรธุรกิจ จากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง 2. การลดลงของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากี่แท้จริง ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยปกติจะกระตุ้นให้เม็ดเงินภายในประเทศไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น 3. ภคการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้น อัตราการใช้กำลังการผลิตยังอยู่ในระดับสูง และปรับตัวดีขึ้นมาโดยตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 4. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ 5. การเพิ่มงบประมาณขาดดุล

ด้านปัจจัยต่างประเทศ คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะดีขึ้นในไตรมาส 2/51 เพราะการประเมินมูลค่าหุ้นที่ถูกลง หลังราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา จากรอบภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 11 เดือน ตลาดหุ้นโดยหุ้นเฉลี่ยจะตกต่ำสุดในช่วง 5 เดือนล่วงหน้าก่อนที่เศรษฐกิจจะสิ้นสุดภาวะถดถอย โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ Deutsche Bank (DB) มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาส 1 และยังคงอยู่ในภาวะถดถอยต่อไปในไตรมาส 2 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 3 ตามการลดอัตราดอกเบี้ยลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ ดังนั้นตลาดหุ้นเริ่มสะท้อนภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปแล้วนับตั้งแต่เดือนม.ค. และตอนนี้อยู่ในช่วง 3 ใน 4 ของรอบเวลาเฉลี่ยของภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว

พร้อมกันนี้คาดว่าเฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ เป็นรอบสุดท้ายในปีนี้ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังไม่ควรปรับลดเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง

หุ้นไทยอิงผลงานQ1บจ.
ด้านภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (7 พ.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ มีจุดสูงสุดที่ 852.98 จุด ต่ำสุด 845.80 จุด ก่อนจะปิดที่ 848.71 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 2.88 จุด คิดเป็น 0.34% มูลค่าการซื้อขายรวม 22,528.69 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 164.96 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,068.79 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 903.84 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงรับปัจจัยเรื่องผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/51 โดยในหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดี เช่น PTTEP เป็นต้น และขายทำกำไรหุ้นที่ผลประกอบการไม่ดี เช่น TOP เป็นต้น ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยังได้รับแรงผลักจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติรอบใหม่คืนที่ผ่านมา

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวโดยมีกรอบแนวรับที่ 842 จุด และแนวต้านที่ 860 จุด แนะนำติดตามทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ถ้ามีแรงขายออกมาจะทำให้ตลาดหุ้นปรับฐานได้ แต่ยังเชื่อว่าสัปดาห์นี้จะมีแรงผลักให้ดัชนีวิ่งขึ้นไปถึง 860 จุดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น