xs
xsm
sm
md
lg

ราคาของผู้ทรยศ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ชวินทร์ ลีนะบรรจง

ในที่สุดฉากอวสานของผู้ทรยศก็ใกล้จะมาถึง จะมีบุคคลใดเมื่อช่วงปี 2549 คาดคิดมาก่อนว่าผู้ที่ขายทรัพย์สินของชาติที่มีอำนาจเหลือล้นในขณะนั้น ได้เงินไปหลายหมื่นล้านบาท ปฏิเสธที่จะยอมเสียภาษีเงินได้ ปฏิเสธที่จะพูดถึงจริยธรรม จะต้องประสบกับชะตากรรมเหมือนดังเช่นเผด็จการในอดีตหลายๆ คนที่ถูกยึดทรัพย์ แต่อย่างน้อยก็มีผู้เขียนเชื่อและได้แสดงออกในช่วงเวลานั้นว่า “นี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบ” เหมือนดังเพลง The End ของวง The Doors ช่วงเปิดฉากของหนังมหากาพย์สงครามเวียดนาม Apocalypse Now (1979) ของ Francis Ford Coppola นำแสดงโดย Marlon Brando, Martin Sheen, Robert Duvall

เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของอนุกรรมการไต่สวนฯ ที่ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินจำนวน 76,621,603,061.50 บาท (เจ็ดหมื่นหกพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนสามพันหกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์) ตกเป็นของแผ่นดินตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 80 บางท่านอาจจะเคยเห็นเป็นคำประกาศขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินลงหนังสือพิมพ์อยู่เสมอๆ จำนวนเงินดังกล่าวมีที่มาจากการขายหุ้นชินคอร์ป และเงินปันผลจากหุ้นจำนวนดังกล่าว ซึ่ง คตส.เห็นว่าเป็นการร่ำรวยผิดปกติ

การขอให้ยึดทรัพย์จำนวนเงินดังกล่าวข้างต้น หากศาลฯ เห็นชอบด้วย อาจนำมาฉายภาพให้เห็นเป็นรูปธรรมในหลายแง่มุมดังต่อไปนี้

1. เงินที่จะถูกยึดให้เป็นของแผ่นดินจำนวน เจ็ดหมื่นหกพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนสามพันหกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์ นั้นมีขนาดเท่าใด

ในภาพรวมอาจเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ดังนี้

ประชากรไทยในปัจจุบันมีจำนวน 65,493,298 คน หากนำมาเฉลี่ยจ่ายให้ทุกคน คนไทยแต่ละคนจะได้ส่วนแบ่งเท่ากับ 1,170 บาทต่อคน (ไม่แบ่งให้ทักษิณ)

หากแบ่งตามจำนวนประชากรในแต่ละภาคจะได้ดังนี้คือ

ภาคอีสาน 26,209 ล้านบาท
ภาคเหนือ 14,407 ล้านบาท
ภาคใต้ 10,192 ล้านบาท
ภาคกลาง 25,826 ล้านบาท

2. เนื่องจากหากถูกยึดทรัพย์ เงินจำนวนดังกล่าวจะตกเป็นของแผ่นดิน หากนำมาเปรียบเทียบกับงบประมาณประจำปีของรัฐซึ่งเป็นเงินของแผ่นดินเช่นกัน อาจเปรียบเทียบได้ดังนี้

วงเงินงบประมาณประจำปี 2551 ที่ใช้อยู่มี

วงเงินรายจ่าย 1.66 ล้านล้านบาท
วงเงินรายได้ 1.49 ล้านล้านบาท
รายได้มาจากภาษี 1.35 ล้านล้านบาท

ในส่วนของวงเงินที่มาจากรายได้นั้นมีที่มาจากภาษีเป็นหลักดังแสดงโดยตัวเลขข้างต้น ซึ่งจำนวนเงินภาษีที่รัฐจัดเก็บในเชิงพื้นที่จะมาจากภาคกลางและกทม.เป็นหลัก ส่วนที่เหลืออีก 57,851.80 ล้านบาท จะเป็นรายได้จากภาษีที่เก็บจากภาคเหนือ+ภาคอีสาน+ภาคใต้ ดังนั้นด้วยเงินที่จะตกเป็นของแผ่นดินจำนวนเจ็ดหมื่นหกพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนสามพันหกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์ นอกนั้นอีก 16 กระทรวงมีรายจ่ายต่ำกว่าทั้งสิ้น

ดังนั้นด้วยเงินจำนวนดังกล่าวสามารถนำมาใช้จ่ายกับงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 65,233 ล้านบาทที่นำมาใช้ในโครงการ 30 บาทฯ หรืองบประมาณสำนักงานอุดมศึกษา 67,266 ล้านบาทที่ใช้ไปสำหรับทุกมหาวิทยาลัย เพื่อให้ผู้ที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยสามารถเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้อย่างพอเพียง

3. หากพิจารณาในเชิงการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง อาจไม่จำเป็นต้องนำมาใช้ให้หมดไปในครั้งเดียว ด้วยเงินจำนวนเจ็ดหมื่นหกพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนสามพันหกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์ สามารถที่จะนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม เช่น

3.1 เพิ่มหมอจำนวน 10,678 คนในช่วงระยะเวลา 10 ปีระหว่าง 2547-2556 ตามโครงการผลิตแพทย์ของสำนักงานอุดมศึกษาตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักศึกษา 1.8 ล้านบาท/คน หรือคิดทั้งโครงการจำนวนเงิน 19,220 ล้านบาท

3.2 หากนำไปเป็นทุนเพื่อจัดตั้งธนาคาร เช่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศ ด้วยเงินทุนจำนวนเจ็ดหมื่นหกพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนสามพันหกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์ ดังกล่าวจะสามารถทำให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศมีวงเงินสินเชื่อที่สามารถปล่อยกู้ได้มากกว่า 900,000 (อ่านว่า เก้าแสน) ล้านบาท เปรียบเทียบกับธนาคารกรุงเทพที่มีเงินทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 19,088 ล้านบาท หรือธนาคารกรุงไทยมีเงินทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 11,179.75 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้กันในด้านสินเชื่อ

3.3 ในเชิงการลงทุนเพื่ออนาคต เงินจำนวนเจ็ดหมื่นหกพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนสามพันหกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์ สามารถนำมาทดแทนกู้เงิน JBIC จำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนขยายบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ที่มีประมาณการผู้โดยสาร 798,000 คนต่อวันได้อย่างพอเพียง หรือหากประสงค์จะกู้เพื่อสร้างสายสีน้ำเงินก็สามารถลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างสายสีแดงเข้ม หัวลำโพง-บางซื่อ-รังสิต และหัวลำโพง-วงเวียนใหญ่-มหาชัย ประมาณการผู้โดยสาร 1,047,000 คนต่อวัน ที่ใช้เงินประมาณ 71,847 ล้านบาทได้อีก 1 สายไปพร้อมกัน ที่จริงคุณทักษิณทำรถไฟฟ้าหายไปอีก 1 เส้นในวงเงินใกล้เคียงกับสายสีม่วงที่จะใช้เงินก่อสร้าง 94,585 ล้านบาท ประมาณการผู้โดยสาร 463,000 คนต่อวัน อันเป็นผลมาจากการตรึงราคาน้ำมันในช่วงปี 2547 เพื่อหาเสียงก่อนเลือกตั้งทำให้เราๆ ต้องเสียเงินไปอย่างไร้ประโยชน์กว่า 9 หมื่นล้านบาท ไม่รู้ว่ากองทุนน้ำมันชดใช้เงินส่วนนี้หมดไปแล้วหรือยัง

4. ที่สำคัญไม่ควรลืมก็คือ ควรจะกันเงินสัก 500 ล้านบาทเป็นรางวัลนำจับไปทั่วโลก หากเจ้าของเงินที่ถูกยึดทรัพย์หนีไม่มาฟังคำพิพากษาของศาล เพื่อที่จะได้เป็นเยี่ยงอย่างสำหรับผู้ที่คิดคดเบียดบังทรัพย์สินของชาติต่อไปในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น