xs
xsm
sm
md
lg

"เลือกทางสว่าง 2: เสรีภาพแท้ ไม่ใช่ใต้อำนาจผูกขาด"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วงนี้ผมขอถอดหมวกนักธุรกิจ แต่สวมหมวกฝ่ายวิชาการ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย อดีตนักกิจกรรม นายกสโมสรนิสิต จุฬาฯ ปี 2527 ด้วยความรักและห่วงใยในบ้านเมืองจริงๆครับ ต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว ผมขอแฉเล่ห์เหลี่ยม (คำว่า "เหลี่ยม"ขยายคำว่า "เล่ห์") ของซาตานอีกส่วนหนึ่งครับพระเจ้าทรงสร้างโลก และสรรพสิ่งมาอย่างดี และทรงสร้างมนุษย์อย่างดีเลิศ ตามพระฉายของพระองค์

**สิ่งที่เป็นคุณค่าสูงของมนุษย์ คือ "เสรีภาพ" **พระเจ้าได้ทรงประทานสรรพสิ่งมากมายให้มนุษย์ครอบครอง และมีเพียงผลไม้ต้องห้ามที่ทรงประทานให้เพื่อ (1) ทดลองใจ เพื่อแสดงให้เห็นว่า หากอาดัมกับอีฟ "เชื่อฟัง" ก็จะรู้จัก "พอเพียง" ในสรรพสิ่งที่ได้รับมอบให้เป็นของตน และ (2) แสดงให้เห็นถึง "เสรีภาพ" ที่พระเจ้ามอบให้มนุษย์ เพราะแม้พระองค์จะได้ทรงบัญชาอาดัมกับอีฟ ไม่ให้รับประทานผลไม้นั้น พระองค์ก็ไม่ทรงถึงกับทำให้อาดัมกับอีฟ แตะต้องผลไม้นั้นไม่ได้ หรือรับประทานไม่ได้ แต่ทรงได้ให้เสรีภาพอย่างแท้จริงในการตัดสินใจเลือกว่า** จะเลือก "ทางสว่าง" ตามพระองค์ หรือ จะเลือก "ทางมืด"ตามซาตาน**

หากเราเลือก "ทางสว่าง" เราก็จะเชื่อว่า พระองค์ทรงสร้างทุกอย่างมาดี มีความพอเพียง และยึดถือตามพระบัญญัติและพระบัญชาจากพระองค์ ดำรงชีวิตด้วยหลักธรรม แต่หากเราเลือก "ทางมืด" เราก็จะเชื่อซาตานให้มองอย่างลบ ว่าสิ่งที่พระองค์ไม่ได้ให้เรานั้น ไม่จริง เราควรจะดื้อ และยึดถือมาเป็นของตัว และเมื่อมนุษย์ไม่เชื่อทางสว่าง พระบัญญัติที่ดีก็ไม่ยึดถือ หรืออยากแก้ไขให้เป็นไปตามมาตรฐานของตัวซึ่งไม่ใช่มาตรฐานสูงพอ หรือประกอบด้วยจริยธรรมเพียงพอการที่มนุษย์เราเลือกได้ พิสูจน์ว่าพระเจ้าทรงประทาน** "เสรีภาพ" ให้มนุษย์ พร้อมแนวทางในการเป็นคนดี ที่พร้อมจะเลือกที่จะทำความดี แม้พระเจ้าปรารถนาให้มนุษย์ทำความดี แต่พระองค์ให้เสรีภาพ ไม่ใช่ให้คิดทางเดียวแบบผูกขาด**

ในทางเศรษฐศาตร์ เรามีความเชื่อว่า โดยทั่วไป**ระบบเศรษฐกิจเสรีดีที่สุด ซึ่งกลไกตลาดจากการแข่งขัน จะเป็นกลไกชี้ว่า ใครจะผลิดอะไร จำนวนเท่าใด และสามารถกำหนดราคาได้ระดับใด ในหลักเศรษฐศาสตร์ จะถือว่า มีกลไกตลาดเป็น Invisible Hands** คือ พระหัตถ์ที่มองไม่เห็น (พระหัตถ์ของพระเจ้า) จัดสรรทรัพยากร ระบบเศรษฐกิจอีกแบบคือแบบรวมศูนย์ รัฐบาลมีอำนาจมากในการกำหนดให้ใครผลิต และแบ่งสรรอย่างไร และ**ที่เลวร้ายที่สุดคือ ระบบเศรษฐกิจผูกขาด ที่ทำให้ผู้ผูกขาด** จะกำหนดเงื่อนผลประโยชน์หรือราคาอย่างไรก็ได้ ทำให้ตนได้ประโยชน์สูงสุด บทภาระของผู้บริโภคผู้ผูกขาด จะกำหนดเงื่อนไขให้เป็นประโยชน์กับตนอย่างไรก็ได้

โดยปกติจึงควรมีการกำกับดูแลโดยภาครัฐ และเป็นประโยชน์กับภาครัฐ เช่น กิจการผลิตไฟฟ้า โครงระบบส่งซึ่งต้องผูกขาดจึงยังควรเป็นของรัฐ กิจการ ปตท. ควรรักษาประโยชน์ไว้กับภาครัฐเราก็เห็นการที่มีเอกชนผูกขาดหรือกึ่งผูกขาดกิจการโทรคมนาคม เราก็จะเห็นความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน ทำให้ผู้ประกอบการของพวกพ้องผู้มีอำนาจได้เปรียบกลุ่มอื่น เทคโนโลยีสื่อสาร มีราคาถูกลง และคุณภาพดีขึ้น ผู้ผูกขาดก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา และหาประโยชน์เพิ่มเติมได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวการแข่งขันดังจะเห็นได้ว่า เมื่อ**เจ้าของแท้จริง (ก่อนโอนหุ้นให้โนมินี) ของกิจการโทรคมนาคมครองอำนาจ ก็เร่งแก้เงื่อนไขสัมปทาน ยกประโยชน์ให้กิจการของกลุ่มตนผู้มีอำนาจ โดยหน่วยงานภาครัฐต้องเสียประโยชน์นับหมื่นนับแสนล้านบาท และมีพฤติกรรมชะลอการจัดตั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลอุตสาหกรรมนี้ออกไป** และเราก็เห็น โอเปค ผูกขาดน้ำมันของโลก แม้ในส่วนหนึ่งก็พอเข้าใจได้บ้าง และต้องยอมรับว่า ชาวโลกไม่มีทางเลือก ก็จำต้องยอมทนกับโอเปคไป

ผลคือการกำหนดราคาตามอำนาจของผู้ผูกขาด ทำให้ชาวโลกเดือดร้อน ยิ่งเห็นข่าวช่วงนี้ว่า **ประเทศไทยมียอดขาดดุลการค้า 5.6 หมื่นล้านบาท ในเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ ก็ยิ่งรู้สึกหนักใจ เรารู้ว่า เราเผชิญภาระราคาน้ำมัน ที่ทำให้เกิดปัญหา แต่ในอีกด้านหนึ่ง เราควรจะได้ประโยชน์เต็มที่จากราคาข้าวในตลาดโลกราคาสูง เพราะโลกเราแปรเปลี่ยนไปมาก มีความต้องการข้าว** และมีกำลังซื้อผลิตผลการเกษตรมากมาย ออสเตรเลีย ก็มียอดการผลิดที่ตกต่ำลงหลายเท่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พม่ามีปัญหาเรื่องการผลิตข้าว ปริมาณสำรองข้าวของโลกลดลงจากระดับสูงสุดที่ 140 ล้านตัน เหลือเพียง 60 ล้านตันในช่วงเวลานี้ โดยปริมาณสำรองข้าวของจีนลดลงจาก 97 ล้านตัน เหลือเพียง 30 ล้านตัน

ขณะที่ปริมาณสำรองข้าวของอินเดียลดลงจาก 25 ล้านตัน เหลือเพียง 10 ล้านตัน องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาอีก 3-5 ปีกว่าปริมาณสำรองข้าวของโลกจะกลับสู่ระดับปรกติเราได้มีรัฐบาลที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองใน "ปีทอง" เพราะมีแนวโน้มที่บ้านเมืองจะเดินไปเรียบร้อยมากขึ้น หลังการเลือกตั้ง หลังปีที่ซบเซาจากบรรยากาศความสับสนทางการเมือง และมีราคาข้าวในตลาดโลกที่ดีมากเสียดายที่ประชาชนยังไม่สามารถเห็นชัดถึงความทุ่มเทในการแก้ไขปัญหา หรือการใช้โอกาสที่ดีนี้ **เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน แต่กลับเห็นความทุ่มเทในการเปลี่ยนกติกาที่ชอบธรรม เพียงเพื่อปกปิดความผิดต่อรัฐธรรมนูญของกลุ่มตนและพวกพ้อง ??และยังดีที่มีพรรคชาติไทย เปิดโปงถึงแนวความคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นิยมผูกขาด พามหาเศรษฐีต่างชาติ มาชมการทำนา และมีแนวโน้มจะผูกขาดเหมาซื้อข้าวส่งออกจากไทย และขายปุ๋ยให้กับไทย**

ผมว่าการจ้องเอา "อำนาจผูกขาด" เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แม้ดูว่า เราอาจได้ส่วนต่าง **แต่ทำไมต้องสละสิทธิของชาติ ไปให้นายทุนวงแคบพวกพ้องของตนเองเช่นนั้น ผู้เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐพึงบริหารงานเพื่อรัฐ เพื่อชาติ และเพื่อประชาชน** แต่หากมีท่าที จะมาเอาอำนาจผูกขาด ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน จะทำให้ประชาชนวางใจท่านได้อย่างไร** !! ขอให้คนไทย รู้รักสามัคคี ไม่ยอมรับความแตกแยก เชื่อทางสว่าง ส่งเสริมความดีต่อต้านการใช้อำนาจรัฐ สร้างอำนาจผูกขาดให้พวกพ้อง แต่ต้านพลังทุนผูกขาด บ้านเมืองก็จะไม่เข้าสู่วิกฤต **เศรษฐกิจจึงจะดีต่อไปได้ในระยะยาวครับ

มนตรี ศรไพศาล
(ฝ่ายวิชาการ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย)
montree4life@yahoo.com
กำลังโหลดความคิดเห็น