ผมอยู่บนท้องถนน ระหว่างการเคลื่อนขบวนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่มาถึงหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับทราบข่าวว่า ปลายขบวนของพันธมิตรฯ ถูกแก๊งถ่อยข้างถนนของ นปก.ที่จัดจ้างมาไล่ตี ขว้างปา และรุมทำร้ายโดยที่ตำรวจไม่ได้เข้าไปห้ามปราม
รุ่งเช้าผมอ่านข่าวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พบว่าส่วนใหญ่นำเสนอในท่วงทำนองว่า ม็อบสองฝ่ายปะทะกัน หรือว่า ม็อบหนุน-ม็อบต้านฟัดกันนัว โดยไม่ได้รายงานข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่มาของเหตุ และเจตนาสื่อออกไปให้เห็นว่า ม็อบทั้งสองฝ่ายสร้างความวุ่นวายและมีพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนพอๆ กัน
ผมคิดว่า ทัศนคติของสื่อมวลชนเช่นนี้เป็นทัศนคติที่อันตราย สื่อมวลชนหรือคอลัมนิสต์บางคนที่มีสิทธิอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อประเด็นการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ แต่ต้องแยกแยะให้ได้ว่า อะไรถูกอะไรผิด
พวกเขามีสิทธิที่จะวิพากษ์แนวทางของพันธมิตรฯ มีสิทธิที่จะโต้แย้งต่อประเด็นการเคลื่อนไหว เช่นเดียวกันพวกเราก็มีสิทธิที่จะทั้งรับฟังและโต้แย้ง แต่พวกเขาไม่มีสิทธิจะบิดเบือนข้อเท็จจริง พวกเขาไม่มีสิทธิอ้างความเป็นกลาง แล้วไม่พินิจพิจารณาว่า ฝ่ายไหนถูกหรือผิด
ประเด็นที่ต้องตั้งคำถามก็คือว่า ทำไมพันธมิตรฯ ต้องออกมาชุมนุมประท้วงบนถนน และการประท้วงบนท้องถนนเป็นสิทธิที่ทำได้หรือไม่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและในสังคมระบอบประชาธิปไตย
ถ้าใช่ เขาควรจะพูดว่า เหตุของความวุ่นวายเกิดจากพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุม หรือเขาควรบอกให้สังคมรู้ว่า เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร
ใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ ออกมาเตือนรัฐบาลตั้งแต่ต้นก็คือ อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้องปล่อยให้คดีความของทักษิณนำสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาล และเรียกร้องให้เอาจริงเอาจังกับกระบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
รัฐบาลได้มีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ พี่น้องสื่อมวลชนบอกผมซิครับว่า ไม่จริง รัฐบาลและพรรคพลังประชาชนพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อขัดขวางคดียุบพรรคและตัดตอนความผิดของระบอบทักษิณใช่หรือไม่ พี่น้องสื่อมวลชนบอกผมสิครับว่า ไม่จริง
กระบวนการบ่อนทำลายโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ พี่น้องสื่อมวลชนบอกผมสิครับว่า มีอยู่จริงหรือไม่
และถ้าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง ถามว่า เราควรเรียกร้องให้พันธมิตรฯ และรัฐบาลหันหน้าเข้าหากัน ถอยหลังคนละก้าว เลิกแล้วต่อกัน หรือว่า ควรจะเรียกร้องรัฐบาลให้หยุดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ตัดทอนการขึ้นสู่ศาลของระบอบทักษิณที่ทุจริตคอร์รัปชัน ยับยั้งกระบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์กันแน่
ถ้าเห็นว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อยากถามว่า การที่ฝ่ายคัดค้านเอาม็อบมายั่วยุเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่ชอบธรรมหรือไม่
ถ้าฝ่ายที่คัดค้านไม่เอาม็อบมาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขว้างปา รุมทำร้าย จะเกิดการปะทะกันหรือไม่ ถ้าอีกฝ่ายมีพฤติกรรมดังกล่าว เราควรจะต้องป้องกันตัวเอง หรือเราควรนิ่งเฉยให้พวกเขาทุบตี ด่าทอโดยไม่ตอบโต้
ผมอยากให้สื่อมวลชนลองตั้งคำถามว่า ทำไมการชุมนุมของ นปก.จึงไม่เห็นความวุ่นวายปะทะกัน (นอกจากความวุ่นวายที่ม็อบ นปก.ก่อขึ้นเอง) ใช่หรือไม่ว่า คำตอบก็เพราะพันธมิตรฯ หรือกลุ่มคนที่คัดค้านการเคลื่อนไหวของ นปก.ไม่เคยจัดม็อบไปก่อกวนหรือเผชิญหน้า
ไม่อยากจะบอกนะครับว่า สื่อมวลชน “บางคน” ที่พยายามลิดรอนเครดิตของพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ต้น (ในมติชนรายวันก็มี) ว่า ม็อบจุดไม่ติด ไม่มีพลังแล้ว คนชั้นกลางไม่เอาด้วย พร้อมกับพยายามทอดเสียงว่า ให้หันหน้าเข้าหากัน เรียกร้องความสมานฉันท์นั้น ก็เพราะ “บางคน” เหล่านั้น ก็คือ คนที่มีปฏิสัมพันธ์อยู่กับระบอบทักษิณ ดื่มไวน์ เล่นกอล์ฟอยู่กับนักการเมือง คอยรับเศษเงินเศษทองที่เขาทำหล่นบนขอบกรีน
พวกเขาไม่ได้ออกมาดูบนท้องถนนด้วยตัวเองว่า คนที่เคยจัดการชุมนุมในลักษณะนี้ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า ม็อบจุดติดแล้ว เร็วกว่าม็อบไล่ทักษิณเมื่อปี 2549 พวกเขาไม่ได้ออกมาดูว่า ประชาชนแห่แหนกันมามากมายขนาดไหน และไม่ได้มาฟังน้ำเสียงของประชาชนในที่ชุมนุมว่า ทำไมพวกเขาต้องออกมาชุมนุมกัน
แทนที่ตั้งคำถามกับฝ่ายพันธมิตรฯ ว่าออกมาชุมนุมทำให้เกิดความวุ่นวาย พวกเขากลับไม่ตั้งคำถามกับตำรวจว่า ปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ตอนที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้ามาเจรจากับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ในจุดที่เราประกาศปักหลัก เพราะตำรวจไม่ยอมให้เคลื่อนขบวนไปต่อ ผมยืนอยู่ตรงนั้นด้วย คุณสนธิได้ถามพล.ต.ท.อัศวิน ว่า ตำรวจปล่อยให้ม็อบถ่อยมาไล่ตีพันธมิตรฯ ได้อย่างไร
รู้ไหมครับ คำตอบของพล.ต.ท.อัศวิน ว่าอย่างไร ท่านบอกด้วยสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมว่า ท่านเพิ่งทราบเรื่องเดี๋ยวนี้ และได้ส่งตำรวจ 2 กองร้อย ไปดูแลแล้ว
เป็นไปได้อย่างไรท่านเพิ่งทราบเรื่องหลังจากที่ม็อบฝ่ายตรงข้ามเข้ามาฮึ่มๆ ขว้างปาและด่าทอพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว แต่กลับไม่ได้เตรียมกำลังรับมือเพื่อระงับเหตุอย่างทันท่วงทีไว้ตั้งแต่ต้น
ผมคิดว่า นายตำรวจเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนของตำรวจที่ไม่ทำหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนของ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ที่ถูกไล่ออกจากราชการและถูกศาลลงโทษจำคุก เพราะปล่อยให้ม็อบถ่อยไล่ตีพันธมิตรฯ
แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะกล้องทีวีทุกกล้องได้บันทึกภาพไว้หมดแล้ว คุณวีระ สมความคิด จะเอาตำรวจทุกนายตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาไปจนถึงตำรวจตัวเล็กตัวน้อยทุกคน ที่ยืนดูปล่อยให้พันธมิตรฯ โดนทำร้ายเข้าคุกอย่างแน่นอน
รุ่งเช้าผมอ่านข่าวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พบว่าส่วนใหญ่นำเสนอในท่วงทำนองว่า ม็อบสองฝ่ายปะทะกัน หรือว่า ม็อบหนุน-ม็อบต้านฟัดกันนัว โดยไม่ได้รายงานข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่มาของเหตุ และเจตนาสื่อออกไปให้เห็นว่า ม็อบทั้งสองฝ่ายสร้างความวุ่นวายและมีพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนพอๆ กัน
ผมคิดว่า ทัศนคติของสื่อมวลชนเช่นนี้เป็นทัศนคติที่อันตราย สื่อมวลชนหรือคอลัมนิสต์บางคนที่มีสิทธิอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อประเด็นการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ แต่ต้องแยกแยะให้ได้ว่า อะไรถูกอะไรผิด
พวกเขามีสิทธิที่จะวิพากษ์แนวทางของพันธมิตรฯ มีสิทธิที่จะโต้แย้งต่อประเด็นการเคลื่อนไหว เช่นเดียวกันพวกเราก็มีสิทธิที่จะทั้งรับฟังและโต้แย้ง แต่พวกเขาไม่มีสิทธิจะบิดเบือนข้อเท็จจริง พวกเขาไม่มีสิทธิอ้างความเป็นกลาง แล้วไม่พินิจพิจารณาว่า ฝ่ายไหนถูกหรือผิด
ประเด็นที่ต้องตั้งคำถามก็คือว่า ทำไมพันธมิตรฯ ต้องออกมาชุมนุมประท้วงบนถนน และการประท้วงบนท้องถนนเป็นสิทธิที่ทำได้หรือไม่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและในสังคมระบอบประชาธิปไตย
ถ้าใช่ เขาควรจะพูดว่า เหตุของความวุ่นวายเกิดจากพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุม หรือเขาควรบอกให้สังคมรู้ว่า เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร
ใช่หรือไม่ว่า สิ่งที่พันธมิตรฯ ออกมาเตือนรัฐบาลตั้งแต่ต้นก็คือ อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ต้องปล่อยให้คดีความของทักษิณนำสู่การพิจารณาคดีในชั้นศาล และเรียกร้องให้เอาจริงเอาจังกับกระบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
รัฐบาลได้มีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ พี่น้องสื่อมวลชนบอกผมซิครับว่า ไม่จริง รัฐบาลและพรรคพลังประชาชนพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อขัดขวางคดียุบพรรคและตัดตอนความผิดของระบอบทักษิณใช่หรือไม่ พี่น้องสื่อมวลชนบอกผมสิครับว่า ไม่จริง
กระบวนการบ่อนทำลายโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ พี่น้องสื่อมวลชนบอกผมสิครับว่า มีอยู่จริงหรือไม่
และถ้าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง ถามว่า เราควรเรียกร้องให้พันธมิตรฯ และรัฐบาลหันหน้าเข้าหากัน ถอยหลังคนละก้าว เลิกแล้วต่อกัน หรือว่า ควรจะเรียกร้องรัฐบาลให้หยุดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ตัดทอนการขึ้นสู่ศาลของระบอบทักษิณที่ทุจริตคอร์รัปชัน ยับยั้งกระบวนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์กันแน่
ถ้าเห็นว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อยากถามว่า การที่ฝ่ายคัดค้านเอาม็อบมายั่วยุเผชิญหน้าเป็นสิ่งที่ชอบธรรมหรือไม่
ถ้าฝ่ายที่คัดค้านไม่เอาม็อบมาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขว้างปา รุมทำร้าย จะเกิดการปะทะกันหรือไม่ ถ้าอีกฝ่ายมีพฤติกรรมดังกล่าว เราควรจะต้องป้องกันตัวเอง หรือเราควรนิ่งเฉยให้พวกเขาทุบตี ด่าทอโดยไม่ตอบโต้
ผมอยากให้สื่อมวลชนลองตั้งคำถามว่า ทำไมการชุมนุมของ นปก.จึงไม่เห็นความวุ่นวายปะทะกัน (นอกจากความวุ่นวายที่ม็อบ นปก.ก่อขึ้นเอง) ใช่หรือไม่ว่า คำตอบก็เพราะพันธมิตรฯ หรือกลุ่มคนที่คัดค้านการเคลื่อนไหวของ นปก.ไม่เคยจัดม็อบไปก่อกวนหรือเผชิญหน้า
ไม่อยากจะบอกนะครับว่า สื่อมวลชน “บางคน” ที่พยายามลิดรอนเครดิตของพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ต้น (ในมติชนรายวันก็มี) ว่า ม็อบจุดไม่ติด ไม่มีพลังแล้ว คนชั้นกลางไม่เอาด้วย พร้อมกับพยายามทอดเสียงว่า ให้หันหน้าเข้าหากัน เรียกร้องความสมานฉันท์นั้น ก็เพราะ “บางคน” เหล่านั้น ก็คือ คนที่มีปฏิสัมพันธ์อยู่กับระบอบทักษิณ ดื่มไวน์ เล่นกอล์ฟอยู่กับนักการเมือง คอยรับเศษเงินเศษทองที่เขาทำหล่นบนขอบกรีน
พวกเขาไม่ได้ออกมาดูบนท้องถนนด้วยตัวเองว่า คนที่เคยจัดการชุมนุมในลักษณะนี้ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า ม็อบจุดติดแล้ว เร็วกว่าม็อบไล่ทักษิณเมื่อปี 2549 พวกเขาไม่ได้ออกมาดูว่า ประชาชนแห่แหนกันมามากมายขนาดไหน และไม่ได้มาฟังน้ำเสียงของประชาชนในที่ชุมนุมว่า ทำไมพวกเขาต้องออกมาชุมนุมกัน
แทนที่ตั้งคำถามกับฝ่ายพันธมิตรฯ ว่าออกมาชุมนุมทำให้เกิดความวุ่นวาย พวกเขากลับไม่ตั้งคำถามกับตำรวจว่า ปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ตอนที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้ามาเจรจากับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ในจุดที่เราประกาศปักหลัก เพราะตำรวจไม่ยอมให้เคลื่อนขบวนไปต่อ ผมยืนอยู่ตรงนั้นด้วย คุณสนธิได้ถามพล.ต.ท.อัศวิน ว่า ตำรวจปล่อยให้ม็อบถ่อยมาไล่ตีพันธมิตรฯ ได้อย่างไร
รู้ไหมครับ คำตอบของพล.ต.ท.อัศวิน ว่าอย่างไร ท่านบอกด้วยสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมว่า ท่านเพิ่งทราบเรื่องเดี๋ยวนี้ และได้ส่งตำรวจ 2 กองร้อย ไปดูแลแล้ว
เป็นไปได้อย่างไรท่านเพิ่งทราบเรื่องหลังจากที่ม็อบฝ่ายตรงข้ามเข้ามาฮึ่มๆ ขว้างปาและด่าทอพันธมิตรฯ มาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว แต่กลับไม่ได้เตรียมกำลังรับมือเพื่อระงับเหตุอย่างทันท่วงทีไว้ตั้งแต่ต้น
ผมคิดว่า นายตำรวจเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนของตำรวจที่ไม่ทำหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนของ พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา ที่ถูกไล่ออกจากราชการและถูกศาลลงโทษจำคุก เพราะปล่อยให้ม็อบถ่อยไล่ตีพันธมิตรฯ
แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะกล้องทีวีทุกกล้องได้บันทึกภาพไว้หมดแล้ว คุณวีระ สมความคิด จะเอาตำรวจทุกนายตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาไปจนถึงตำรวจตัวเล็กตัวน้อยทุกคน ที่ยืนดูปล่อยให้พันธมิตรฯ โดนทำร้ายเข้าคุกอย่างแน่นอน