xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯอีสาน-เหนือเปิดเวทีคู่ กทม.ค้านขบวนการฉีก รธน.”ฟอกมารแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภาคอีสาน/เหนือ – “เครือข่ายตักสิลา” เพื่อประชาชนออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ประณามกลุ่มก่อกวนเวทีพันธมิตรฯ พร้อมสรุปสถานการณ์และหาแนวทางเข้าร่วมชุมนุมพร้อมตั้งเวทีคู่ขนานในพื้นที่ควบคู่ไปกับเวทีพันธมิตรฯที่ กทม.เพื่อประจานขบวนการฟอกมาร 28 พ.ค.นี้ เช่นเดียวกับที่ “ชัยภูมิ-เลย” ด้านแกนนำพันธมิตรฯเมืองสองแควเดินหน้าร่วมคัดค้านเต็มเหนี่ยว ขณะที่เครือข่ายเมืองปากน้ำโพ-กล้วยไข่ ส่งตัวแทนหมุนเวียนเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเคลื่อนพลใหญ่อีกเสาร์นี้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อ

วานนี้ (27 พ.ค.) ที่ศูนย์ศึกษาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง (PSEC) จังหวัดมหาสารคาม กลุ่มเครือข่ายตักสิลาเพื่อประชาชน และเครือข่ายประชาคมจังหวัดมหาสารคาม 9 องค์กร ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เพื่อประณามกลุ่มก่อกวนที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค.51 ที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์มีใจความว่า...

“ตามที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 25 พ.ค.51 เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นการกระทำที่อันตรายต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนประชาชนอย่างชัดเจน หวังลบล้างความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และช่วยเหลือนักการเมืองให้หลบหนีคดียุบพรรค รวมทั้ง มีเจตนาล้มล้างแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่จะช่วยเหลือประชาชนให้พึ่งพาตัวเองได้ ลบล้างปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงออกจากรัฐธรรมนูญ และลดอำนาจประชาชนในการตรวจสอบถ่วงดุล ฝ่ายการเมือง

เปิดเวทีคู่ประจานแก๊งฟอกมาร

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมครั้งนี้ กลับถูกขัดขวางจากกลุ่มก่อกวนที่มีพฤติกรรมไร้สติ ขว้างปา วัตถุ สิ่งของ ทำร้ายผู้เข้าร่วมชุมนุมอย่างบ้าคลั่ง แสดงออกให้เห็นซึ่งรสนิยมอันป่าเถื่อนของกลุ่มผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้มาก่อกวน ป่วนเวทีการชุมนุมอย่างสันติของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้แสดงออกเพื่อป้องปรามการกระทำอันป่าเถื่อนหรือเข้าระงับเหตุอย่างทันที จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

กลุ่มพลังตักสิลาเพื่อประชาชน ขอแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ดังกล่าวต่อไปนี้ 1.ขอส่งกำลังใจให้ผู้ชุมนุมในเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกท่านและขอคารวะในหัวใจที่กล้าแกร่งของผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน ขอให้ทุกคนยืนหยัดสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ พวกเราพร้อมที่ยืนเคียงข้างต่อสู้กับทุกคนจนถึงที่สุด

2.ขอประณามกลุ่มคนไร้จิตสำนึกที่ก่อกวนการชุมนุมอย่างสันติและขอสาปแช่งผู้อยู่เบื้องหลังการยั่วยุให้เกิดพฤติกรรมไร้สติ ขว้างปา วัตถุ สิ่งของ ทำร้ายผู้เข้าร่วมชุมนุมฯจนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก 3.ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้เกิดการยั่วยุหรือทำร้ายกันของประชาชน เพราะสิ่งที่ได้ปรากฏออกมาแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือกระทำการเข้าข้างฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน

กลุ่มพลังตักสิลาเพื่อประชาชนและองค์กรเครือข่าย ขอประกาศจุดยืนว่าจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชุมนุมฯและขอเรียกร้องเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่รักชาติ รักประชาธิปไตย และรักประชาชนทุกท่าน ได้มาเข้าร่วมสืบสานภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และทำหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จนถึงที่สุดต่อไป

นายสันต์ เพียรอดวงษ์ ประธานเครือข่ายตักสิลาเพื่อประชาชน กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่า จะตั้งเวทีอภิปรายและตั้งจอโปรเจกเตอร์ถ่ายทอดสดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯ และแห่รถประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใน จ.มหาสารคามได้รับทราบและมาร่วมแสดงพลังกันที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการจังหวัดฯ ในวันที่ 28 พ.ค.51 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังจะมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ เพื่อถอดถอนนักการเมืองที่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนำส่งสมทบกับส่วนกลางโดยเร็วที่สุด

สมัชชาฯชัยภูมิ-เลยเปิดเวทีในพื้นที่

ที่บริเวณสวนกาญจนาภิเษกฯ หน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กลุ่มแกนนำสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยจังหวัดชัยภูมิ ยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดชัยภูมิ สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จังหวัดเลย ,ยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดเลยและกลุ่มพันธมิตรฯ จ.ชัยภูมิ นำโดยนายนพสณฑ์ เสฏฐรังสี รองประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด และ นายหินชนวน อโศกตระกูล ผู้ประสานงานสมัชชาฯ เลย ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อกรณีการชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพันธมิตรฯที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวาน

นายนพสณฑ์ กล่าวว่า เหตุการณ์กลุ่มอันธพาลที่เรียกตัวเอง ว่า “นปก.” ด่าทอ ยั่วยุ รุมทำร้ายประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบสันติ จนได้รับบาดเจ็บนับสิบราย โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลที่ยืนดูประชาชนถูกทำร้ายอย่างเมินเฉย นั้นเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าความขัดแย้งในชาติ และกลุ่มอันธพาลการเมืองกำลังเหิมเกริมอย่างหนัก โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลเปิดไฟเขียวให้ดำเนินการ เพื่อหาช่องทางสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยความรุนแรงในที่สุด

ดังนั้น สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย จ.ชัยภูมิ และ จ.เลย รวมทั้งเครือข่ายองค์กรพันธมิตร จึงขอประณามการกระทำดังกล่าวและยืนยันจะระดมสรรพกำลังทุกด้าน พร้อมส่งสมาชิกสมัชชาฯของทั้ง 2 จังหวัดเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯเพิ่มมากขึ้นอีก เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการฟอกความผิดให้กับคนในระบอบทักษิณ และพวกพ้องต่อไปอย่างถึงที่สุด จนกว่าชัยชนะจะเป็นของประชาชน

ขณะเดียวกันจะจัดเวทีลานคนเมืองในพื้นที่คู่ขนานกับเวทีพันธมิตรฯ เพื่อหนุนเสริมให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมจัดถ่ายทอดสดการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีให้ประชาชนติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ที่สวนสาธารณะกาญจนาภิเษก หน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ และ จ.เลยตั้งแต่วันนี้ (27) นี้เป็นต้นไป

“เราขอเชิญชวนประชาชนชาว จ.เลย ชัยภูมิ และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมเวทีลานคนเมืองเพื่อชมการถ่ายทอดสดการชุมนุมใหญ่จากกรุงเทพฯ พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นและลงชื่อถอดถอน ส.ส.,ส.ว.ที่เข้าชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ที่หน้าเวทีลานเมืองคู่ขนานพันธมิตรฯทั้ง 2 จังหวัดด้วย” นายนพสณฑ์ กล่าว

เหนือล่างยกพลเข้ากรุงเสาร์นี้

ด้านนายทวี ทองถัน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.พิษณุโลก เปิดเผยหลังเดินทางกลับมาจากการร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ว่า ม็อบถ่อยได้ทำร้ายพันธมิตรฯ ในขณะที่ตำรวจเพิกเฉย ทำให้สมาชิกใน จ.พิษณุโลก บางรายได้รับบาดเจ็บ เมื่อเป็นเช่นนี้ตนและพันธมิตรฯ พิษณุโลก ก็พร้อมที่จะระดมพันธมิตรฯ หนุนเสริมที่กรุงเทพฯ ตลอดเวลา

นายนิวัฒน์ ปองแก้ว ตัวแทนสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แกนนำพันธมิตรฯ พิษณุโลก กล่าวว่า ต้องมีการเคลื่อนไหวรณรงค์แจกแถลงการณ์และบอกเล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้ประชาชนในพิษณุโลกรับทราบข้อมูล พร้อมที่จะเปิดการถ่ายทอด ASTV ซึ่งล่าสุดแกนนำพันธมิตรฯ พิษณุโลก ได้ร่วมกันสรุปการไล่รัฐบาลและการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นความชอบธรรมของประชาชน เพราะทั้ง 2 กรณีถูกครอบงำจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเดินเกมทางการเมืองเพื่อให้หลุดพ้นจากการขึ้นศาลตัดสินคดี และขอให้สมาชิกพันธมิตรฯ ที่เคยประสานในการขับไล่ทักษิณ ต่อสายแลกเปลี่ยนส่งข่าวถึงกันอย่างเร่งด่วน เพราะสถานการณ์สุกงอม และเข้าขั้นแตกหัก พันธมิตรฯ พิษณุโลก พร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนกับพันธมิตรที่อยู่ในกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม แกนนำพันธมิตรฯ พิษณุโลกได้ประชุมเร่งด่วนเพื่อกำหนดแผนสนับสนุนพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ และร่วมประเมินสถานการณ์ที่จะเคลื่อนไหวค้านแก้รัฐธรรมนูญ ใน จ.พิษณุโลก โดยสนับสนุนพี่น้องร่วมกับพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ ตั้งโต๊ะถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ที่ลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญ และเผยแพร่ข้อมูลที่ตัวแทนพันธมิตรฯพิษณุโลก ถูกทำร้าย โดยจะแจกจ่ายแถลงการณ์และข้อเท็จจริง พร้อมที่จะรื้อฟื้นกลไกพันธมิตรฯของเครือข่ายภาคประชาชน และฉายการถ่ายทอด ASTV ที่สวนริมน่านเย็นนี้ (27) ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นเป็นต้นไป

ด้านนายสุวัฒน์ วัฒนศิริ เลขาธิการสมัชชาประชาชนฯภาคเหนือ แกนนำพันธมิตรฯกำแพงเพชร เปิดเผยว่า ทางพันธมิตรฯกำแพงเพชร ได้หารือกันเมื่อคืน 26 พ.ค.หลังจากที่เดินทางกลับจากการร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค.ตลอดทั้งคืน มีมติออกมาชัดเจนว่าจะส่งกำลังหมุนเวียนเข้าสนับสนุนการชุมนุมในกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง

"ในวันนี้ (27) มีตัวแทนส่วนหนึ่งเดินทางโดยรถทัวร์เข้าร่วมการชุมนุม 3-5 วัน และบ่ายวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.จะมีกำลังเข้าสมทบเพิ่มขึ้นโดยเดินทางด้วยรถตู้ไม่น้อยกว่า 2 คันขึ้นไป และวันเสาร์ที่ 31 พ.ค.หากสถานการณ์การชุมนุมในกรุงเทพฯ ยังยืดเยื้อก็จะส่งกำลังชุดใหญ่ด้วยรถบัสเข้าสมทบการชุมนุมอีก"

นายสุวัฒน์ บอกอีกว่า ขณะนี้แรงสนับสนุนจากภาคประชาชนที่มีต่อพันธมิตรฯทั้งส่วนกลาง และในส่วนของกำแพงเพชร ตลอดจน ASTV กำลังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปการบริจาคปัจจัยสนับสนุนการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ การโอนเงินบริจาคผ่านตู้เอทีเอ็มเข้าบัญชี ASTV เป็นต้น

เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ ปากน้ำโพ หรือ จ.นครสวรรค์ นายพอพันธุ์ จินันทุยา หนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า วันนี้ (27) มีประชาชนร่วมเดินทางมากับพันธมิตรฯปากน้ำโพไม่น้อยกว่า 3 คันรถตู้ คาดว่าจะถึงกรุงเทพฯ ประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง ซึ่งทางแกนนำในนครสวรรค์มีมติร่วมกันแล้วว่าจะร่วมส่งกำลังคนสนับสนุนการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาร่วม

นอกจากนี้ ยังพบว่าเริ่มมีแนวร่วมจากประชาชนทั่วไปเข้ามาสนับสนุนมากขึ้น โดยมีผู้แจ้งความประสงค์บริจาคปัจจัยการเดินทาง อาสาสมัครไรต์แผ่นวีซีดีการชุมนุมแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไปในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน บางส่วนจะบริจาคเงินโดยแบ่งเป็นค่าน้ำมันรถให้ผู้เดินทาง อีกส่วนหนึ่งให้กับการจัดเวทีใหญ่ที่กรุงเทพฯ อีกส่วนบริจาคให้กับเอเอสทีวี เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นกลุ่มคนหน้าใหม่ๆ ทั้งสิ้น

“ขณะเดียวกันแกนนำพันธมิตรฯ ในภาคเหนือตอนล่างยังได้หารือกันเบื้องต้นว่า นอกจากจะร่วมกันส่งกำลังร่วมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯแล้ว หากจังหวัดไหนพร้อม มีความปลอดภัยพอก็จะตั้งจอโปรเจกเตอร์ ถ่ายถอดสดการชุมนุมในกรุงเทพฯ ขึ้น เหมือนกับเมื่อคราวการชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อ 2 ปีก่อนด้วย”

ประท้วงส.ว.ถอนชื่อหนุนแก้ รธน.

ที่ จ.กาฬสินธุ์วานนี้เวลา 10.30 น. นายสำรอง โพธิ์ซก ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนอีสาน นำชาวบ้านประมาณ 500 คนที่เดินทางมาจากหลายอำเภอเข้าไปประท้วง ที่หน้าบริษัทโตโยต้ากาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นของนายสิทธิศักดิ์ ยนตระกูล ส.ว.กาฬสินธุ์ เนื่องจากไม่พอใจที่นายสิทธิศักดิ์ ไม่สนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แกนนำ อ้างว่า การกระทำของนายสิทธิศักดิ์ เสมือนเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดความแตกแยก เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของทหาร มีความเป็นเผด็จการในตัว ประชาชน จ.กาฬสินธุ์ ก็มีแนวคิดที่สนับสนุนให้แก้ไขอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการถอนชื่อออกจึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมขาดความรับผิดชอบ จึงได้พาชาวบ้านเข้ามาประท้วง

สำหรับการประท้วงครั้งนี้ยังได้มีการเผาหุ่น ส.ว.และมีการปิดถนนอีกด้วย

ด้านนายสิทธิศักดิ์ ยนตระกูล ส.ว.กาฬสินธุ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่าในการถอนชื่อออกจากการเข้าร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุผลส่วนตัวและเป็นความเห็นจาก ส.ว.ส่วนรวมเนื่องจากในตอนแรกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการแก้ไขโดยรัฐบาลที่ไม่มีการดำเนินการทำประมติ ส.ว.หลายคนจึงได้ลงความเห็นว่าต้องการให้ทุกอย่างเป็นประชาธิปไตย

“การที่ได้ถอนชื่อออกจากการสนับสนุนจึงเป็นการกระทำส่วนตัวและได้ทำการถอนชื่อออกเพราะเห็นว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ผ่านประชามติประชาชนก็จะเป็นการกระทำของกลุ่มเผด็จการ ในส่วนความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หลังจากที่รัฐบาลออกมาประกาศว่าจะดำเนินการทำประชามติแล้วนั้น ตนก็เห็นด้วย แต่จะต้องรอประชามติว่าประชาชนมีความเห็นเช่นไร การที่จะมีการแก้ไขหรือไม่นั้นจึงขึ้นอยู่ที่ประชามติของประชาชน ส่วนในกรณีที่ประชาชนไม่พอใจนั้นคิดว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของนักการเมืองในพื้นที่มากกว่า" นายสิทธิ์ศักดิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น