ชัยภูมิ - พันธมิตรฯ ชัยภูมิ ลั่นยืนหยัดต้าน “แก้รัฐธรรมนูญฉบับฟอกมาร” ถึงที่สุด เผยส่งขุนพลเข้ากรุงร่วมชุมนุมกว่า 200 ตน และเตรียมมวลชนกองหนุน 2-3 กลุ่มรับมือชุมนุมยืดเยื้อ พร้อมเปิดเวทีคู่ขนาน “ลานเมือง ปชต.” ชมถ่ายทอดสดการชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดฯ จี้สิ่งแรกที่ “รบ.หมักหุ่นเชิด” ควรทำคือแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน พร้อมแสดงความจริงใจเร่งดำเนินการตาม กม.กรณีละเมิดสถาบันเบื้องสูง และหยุดตะแบง ชี้หากไม่สามารถเคลียร์เรื่องนี้ได้นายกฯ สมัครก็ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีกแล้ว และเป็นการเปิดประตูให้รถถังออกมา
วันนี้ (25 พ.ค.) นายนพสณฑ์ เสฏฐรังสี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดชัยภูมิ และรองประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด เปิดเผยถึงการชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรม พ.ศ.2550 ในวันนี้ (25 พ.ค.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ ว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดชัยภูมิ, กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดชัยภูมิ และกลุ่มองค์กรเครือข่ายต่างๆ มีมติร่วมกันในการยืนหยัด ต่อสู้ ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงแม้การต่อสู้ครั้งนี้จะยืดเยื้อ ใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม
โดยจะแบ่งการเคลื่อนไหวเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะเดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ ช่วงบ่ายวันนี้ (25 พ.ค.) ซึ่งต่างได้ทยอยเดินทางไปกันแล้ว ซึ่งชุดสุดท้ายได้ออกเดินทางกันเมื่อเวลาประมาณ 08.00 วันเดียวกันนี้ รวมทั้งหมดที่ไปร่วมชุมนุมครั้งนี้กว่า 200 คน
ส่วนกลุ่มที่ 2 จะจัดลานคนเมืองโรงเรียนประชาธิปไตยที่สวนสาธารณะกาญจนาภิเษก หน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ คู่ขนานไปกับการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ พร้อมติดตั้งจอโปรเจกเตอร์ เพื่อชมถ่ายทอดสดการชุมนุมใหญ่ผ่าน ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV โดยจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยน ประเด็นต่างๆเหมือนทุกครั้งที่เคยได้ทำมา นอกจากนี้จะมีการตั้งโต๊ะเพื่อระดมรายชื่อถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้งกว่า 160 คนที่เข้าชื่อร่วมยื่นญัติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสมทบกับทางกรุงเทพฯ
นายนพสณฑ์ กล่าวต่อว่า คาดว่าการจัดลานคนเมืองโรงเรียนประชาธิปไตยที่สวนสาธารณะกาญจนาภิเษก หน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ครั้งนี้จะมีเครือข่ายพันธมิตรฯ และยามชัยภูมิ มารวมพลังร่วมกันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการชุมนุมอย่างสงบ สันติวิธี เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการปกป้องรัฐธรรมนูญปี 2550
“หากการชุมนุมที่กรุงเทพฯ ต้องต่อสู้ที่ยืดเยื้อ เราก็ได้จัดเตรียมอีก 2-3 กลุ่มเพื่อเดินทางไปสลับสับเปลี่ยนกับกลุ่มที่ไปร่วมชุมนุมครั้งแรก เพื่อเป็นกำลังเสริมในการชุมนุมใหญ่ โดยค่าใช้จ่ายทั้งค่าเดินทางไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือลานคนเมือง โรงเรียนประชาธิปไตย ต่างเป็นเงินที่เครือข่ายได้ร่วมสละทรัพย์ ปัจจัย สิ่งของร่วมกัน เพราะถือว่านี่เป็นด่านแรกของการเสียสละ ซึ่งอีกไม่นานคงจะมีการเสียสละที่มากกว่านี้ และทุกคนก็พร้อมที่จะเสียสละ หากมีการร้องขอ เพราะถือว่าสถานการณ์ขณะนี้สุกงอมแล้ว” นายนพสณฑ์ กล่าว
นายนพสณฑ์ กล่าวต่อว่า เป้าหมายการเคลื่อนไหวของพันธมิตรและยามเฝ้าแผ่นดินชัยภูมิ ตรงกันอยู่แล้ว คือ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกเรื่อง ทุกมาตรา เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ถึงแม้จะเกิดในช่วงใด แต่ก็มีความถูกต้อง มีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าในช่วงปกติเสียอีก และที่สำคัญได้รับการยอมรับจากประชาชนด้วยประชามติที่ไม่มีการซื้อเสียง และถึงแม้รัฐบาลชุดนี้ จะมีการทำประชามติในการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ให้เขาทำไป แต่เชื่อว่าทำไม่ได้ เนื่องจากกฎหมาย ประชามติของรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ไม่มี ต้องไปใช้ ปี 2540 ซึ่งก็ต้องออกเป็น พ.ร.ก.แล้วกว่าจะทำกระบวนการนั้นเสร็จก็ไม่ทัน เหมือนออกมาตีกลองสองหน้า เพื่อลดแรงกดดันในการชุมนุมครั้งนี้ของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการโกหกหน้าด้านๆ ของนายกฯ สมัคร
ตนคิดว่าสิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลชุดนี้ควรทำเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม หากคิดยังคิดว่าตัวเองเป็นคนไทย คือบอกให้ ส.ส.ที่ยื่นญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้ถอนญัติออกมา เพื่อยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญซะ แล้วกลับไปช่วยกันคิดเรื่องการแก้ไขเรื่องปากท้องของประชาชนในยุคข้าวยากหมากแพง ที่กำลังเผชิญปัญหาค่าครองชีพสูง รายได้ต่ำ น้ำมันแพง แก้ไขเรื่องเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน เพื่อให้คนไทยได้อยู่ดีมีสุข ไม่ใช่ว่าจะเอาหวยบนดินมาหลอกล่อ มอมเมาชาวบ้านให้ทุกข์ซ้ำไปอีก
“ที่สำคัญรัฐบาลนายสมัครต้องแสดงความจริงใจ กรณีละเมิดสถาบันเบื้องสูงที่คนไทยทั้งประเทศให้ความเคารพ ศรัทธาสูงสุด ควรเร่งตรวจสอบ ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง อย่าตะแบง เพราะนั่นคือจุดตาย ถ้าไม่สามารถชี้แจง หรือเคลียร์ตัวเองในเรื่องนี้ได้ นายกฯ สมัครก็ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีกแล้ว และนั่นเป็นการเปิดประตูให้รถถังออกมา” นายนพสณฑ์ กล่าวในที่สุด