ผู้จัดการรายวัน-ชาวนาเตรียมตื่นหนังสือถึง “พาณิชย์” ค้านไฟเขียวขึ้นราคาปุ๋ยยกแผง เพราะจะซ้ำเติมคนปลูกข้าว แนะควรพิจารณาให้ขึ้นเฉพาะปุ๋ยที่ใช้ยูเรียเป็นวัตถุดิบเพราะเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันโดยตรง ส่วนปุ๋ยสูตรอื่นให้ชะลอไปก่อน ขณะที่ผู้ค้ายันต้องขึ้นราคาปุ๋ยทันที เหตุต้นทุนพุ่งกว่า 200% และรัฐไม่ให้ปรับราคามาตั้งแต่ปี 2547
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สมาคมฯจะยื่นหนังสือถึงกรมการค้าภายใน เพื่อขอให้ชะลอการพิจารณาอนุมัติปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมีให้กับผู้ค้าปุ๋ยทั้ง 7 บริษัทที่ได้ยื่นหนังสือขอปรับราคาเข้ามา เพราะเห็นว่าราคาที่ขอปรับเข้ามานั้น สูงเกินไปและอาจกระทบกับเกษตรกรทั้งประเทศ ที่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกพืช ซึ่งกรมฯ ควรจะลงไปดูแลเรื่องค่าการตลาดของบริษัทผู้ค้าปุ๋ยที่ให้กับลูกค้ามากกว่าการอนุมัติให้ปรับราคา เพราะหากผู้ประกอบการตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ออกไป จะสามารถชดเชยต้นทุนปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และยังไม่จำเป็นต้องปรับราคา
นายประสิทธิ์กล่าวว่า หากภาครัฐจำเป็นต้องอนุมัติให้ผู้ค้าปุ๋ยปรับขึ้นราคาปุ๋ยจริง ควรให้ปรับราคาเฉพาะสูตรปุ๋ยยูเรียเท่านั้น ไม่ใช่อนุมัติให้ปรับราคาปุ๋ยทั้งระบบ เพราะปุ๋ยบางชนิดได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันน้อย จึงควรตรึงราคาไว้ก่อน เช่น ปุ๋ยปั้นเม็ดสูตร 16-20-0 ที่ใช้ในการปลูกข้าว หรือปุ๋ยปลูกผักสูตร 15-15-15 หรือ สูตร 16-16-16 เป็นต้น
ที่ขึ้นราคาไปแล้วไม่ว่า แต่ตอนนี้ควรหยุดไว้ก่อน ไม่ใช่ขึ้นยกแผง และรัฐก็ควรลงไปดูเรื่องค่าการตลาดด้วย เพราะบริษัทปุ๋ยมีการใช้ค่าการตลาดมาก บางบริษัทให้ค่าการตลาดมากถึง 2 พันบาท/ตัน ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกษตรกรได้รับผลกระทบไปด้วย” นายประสิทธิ์ กล่าว
นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ควรอนุมัติให้ผู้ค้าปุ๋ยทั้ง 7 รายปรับขึ้นราคา เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 หลังจากนั้นค่อยเข้ามาดูแลราคาวัตถุดิบนำเข้าเป็นรายเดือน โดยหากเดือนไหนราคาวัตถุดิบปรับขึ้น ต้องอนุมัติให้ราคาปุ๋ยปรับขึ้นตามไปด้วย แต่หากเดือนไหนราคาลง ราคาปุ๋ยก็จะลงตามเช่นกัน เพราะวัตถุดิบปุ๋ยเป็นปัจจัยภายนอกที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ได้ ต้องขึ้นลงตามกลไกตลาด
“ผู้ค้าปุ๋ยยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องปรับขึ้นราคาปุ๋ย เพราะปุ๋ยหน้าโรงงานไม่ได้รับอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาตั้งแต่ปี 2547 ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบตลาดโลกปรับขึ้นไปเกือบ 200% หากไม่ให้ปรับราคา ผู้ประกอบการก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งตอนนี้สังคมมองว่าทำไมผู้ค้าปุ๋ยต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่หากดูจากปี 2547 ที่ภาครัฐไม่ยอมรับความจริงว่าต้นทุนขึ้น ทำให้การปรับราคาปุ๋ยรอบนี้จึงขึ้นแบบพรวดพราดเช่นนี้” นายเปล่งศักดิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สมาคมฯจะยื่นหนังสือถึงกรมการค้าภายใน เพื่อขอให้ชะลอการพิจารณาอนุมัติปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมีให้กับผู้ค้าปุ๋ยทั้ง 7 บริษัทที่ได้ยื่นหนังสือขอปรับราคาเข้ามา เพราะเห็นว่าราคาที่ขอปรับเข้ามานั้น สูงเกินไปและอาจกระทบกับเกษตรกรทั้งประเทศ ที่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกพืช ซึ่งกรมฯ ควรจะลงไปดูแลเรื่องค่าการตลาดของบริษัทผู้ค้าปุ๋ยที่ให้กับลูกค้ามากกว่าการอนุมัติให้ปรับราคา เพราะหากผู้ประกอบการตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ออกไป จะสามารถชดเชยต้นทุนปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และยังไม่จำเป็นต้องปรับราคา
นายประสิทธิ์กล่าวว่า หากภาครัฐจำเป็นต้องอนุมัติให้ผู้ค้าปุ๋ยปรับขึ้นราคาปุ๋ยจริง ควรให้ปรับราคาเฉพาะสูตรปุ๋ยยูเรียเท่านั้น ไม่ใช่อนุมัติให้ปรับราคาปุ๋ยทั้งระบบ เพราะปุ๋ยบางชนิดได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันน้อย จึงควรตรึงราคาไว้ก่อน เช่น ปุ๋ยปั้นเม็ดสูตร 16-20-0 ที่ใช้ในการปลูกข้าว หรือปุ๋ยปลูกผักสูตร 15-15-15 หรือ สูตร 16-16-16 เป็นต้น
ที่ขึ้นราคาไปแล้วไม่ว่า แต่ตอนนี้ควรหยุดไว้ก่อน ไม่ใช่ขึ้นยกแผง และรัฐก็ควรลงไปดูเรื่องค่าการตลาดด้วย เพราะบริษัทปุ๋ยมีการใช้ค่าการตลาดมาก บางบริษัทให้ค่าการตลาดมากถึง 2 พันบาท/ตัน ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกษตรกรได้รับผลกระทบไปด้วย” นายประสิทธิ์ กล่าว
นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ควรอนุมัติให้ผู้ค้าปุ๋ยทั้ง 7 รายปรับขึ้นราคา เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 หลังจากนั้นค่อยเข้ามาดูแลราคาวัตถุดิบนำเข้าเป็นรายเดือน โดยหากเดือนไหนราคาวัตถุดิบปรับขึ้น ต้องอนุมัติให้ราคาปุ๋ยปรับขึ้นตามไปด้วย แต่หากเดือนไหนราคาลง ราคาปุ๋ยก็จะลงตามเช่นกัน เพราะวัตถุดิบปุ๋ยเป็นปัจจัยภายนอกที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ได้ ต้องขึ้นลงตามกลไกตลาด
“ผู้ค้าปุ๋ยยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องปรับขึ้นราคาปุ๋ย เพราะปุ๋ยหน้าโรงงานไม่ได้รับอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาตั้งแต่ปี 2547 ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบตลาดโลกปรับขึ้นไปเกือบ 200% หากไม่ให้ปรับราคา ผู้ประกอบการก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งตอนนี้สังคมมองว่าทำไมผู้ค้าปุ๋ยต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่หากดูจากปี 2547 ที่ภาครัฐไม่ยอมรับความจริงว่าต้นทุนขึ้น ทำให้การปรับราคาปุ๋ยรอบนี้จึงขึ้นแบบพรวดพราดเช่นนี้” นายเปล่งศักดิ์ กล่าว
