xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” ล้มโต๊ะประมูลปุ๋ย เร่งเจรจาซื้อแบบรัฐต่อรัฐแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมศักดิ์ เร่งแก้ปัญหาปุ๋ยขาดแคลน สั่งล้มโต๊ะประมูลจัดซื้อ หวั่นถูกครหาฮั้วประมูล พร้อมเดินเจรจาซื้อจากต่างประเทศ มั่นใจได้ปุ๋ยจีน ราคาถูกกว่า 3-4 พันบาท/ตัน ส่วนอินโดฯ “สมัคร” อาสาบินเจรจาเอง เชื่อราคาปุ๋ยยังไม่ถูกลงได้ในระยะสั้น

วันนี้ (24 เม.ย.) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาปุ๋ยขาดแคลนและมีราคาแพง โดยระบุว่า ปัจจุบันรัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะเปิดประมูลซื้อปุ๋ย แบบรัฐบาลชุดเก่า แต่จะใช้วิธีเจรจาซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันข้อครหาในเรื่องของผลประโยชน์เหมือนในอดีต

ทั้งนี้ วงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อปุ๋ยราคาถูก ขณะนี้มีการเจรจากับ 3 ประเทศ โดยทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตนเองได้มีการเจรจากับประเทศจีน ซึ่งคาดว่าราคาจะถูกลงจากที่เคยซื้อมา 3,000-4,000 บาทต่อตัน แต่ทางรัฐบาลจีน ยังไม่ได้ตอบรับ และอยู่ระหว่างการพิจารณา

ส่วนการเจรจากับประเทศอินโดนีเซียนั้น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้เจรจาด้วยตัวเอง และในส่วนของประเทศยูเครนนั้นเป็นผู้มาเสนอราคาให้กับรัฐบาลเอง

“รัฐบาลไทยยังคงต้องเปรียบเทียบราคาของทั้ง 3 ประเทศ ว่าราคาปุ๋ยของประเทศใดถูกที่สุด”

รมว.เกษตรฯ เชื่อว่า ราคาปุ๋ยยังไม่ถูกลงได้ในระยะสั้น และอาจปรับขึ้นต่อเนื่องเพราะอิงกับราคาน้ำมัน รวมทั้งผู้ส่งออกปุ๋ยอย่างจีน ก็มีการปรับภาษีส่งออกปุ๋ยจากเดิมที่ 0% ได้จัดเก็บภาษี 35%ในเดือนกุมภาพันธ์ และ 80% ในเดือนพฤษภาคม และอาจจะขึ้นถึง 120% ในอนาคต

นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์เคมี แทนปุ๋ยเคมีที่ต้องนำเข้าให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดค่าต้นทุนได้ประมาณ 15%

นายบัณฑิต ตันศิริ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า ตนเองได้สั่งการให้โรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพที่อยู่ในสังกัด 359 แห่งทั่วประเทศ เร่งเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันภายในเดือน ก.ค.นี้ โดยคาดว่า ภายในปีนี้จะสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดได้จำนวน 5.1 หมื่นตัน และปุ๋ยน้ำอีก 1.5 ล้านลิตร ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาราคาปุ๋ยแพงให้แก่เกษตรกรได้

สำหรับปัญหาโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพชุมชนบางแห่งยังไม่สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้เต็มศักยภาพนั้น ตนเองได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ซึ่งภายใน 3 เดือน หลังจากนี้ จะต้องได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ขนาดเล็กปัญหาเงินทุน และวัตถุดิบนั้น ทางกรมพัฒนาที่ดินจะเร่งหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาช่วยเหลือ
กำลังโหลดความคิดเห็น