ผู้จัดการารายวัน- สคบ.ดึงสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน หน่วยงานเกี่ยวข้องระดมความเห็น กำหนดแนวทางการการจัดทำสัญญาการก่อสร้างที่อยู่อาศัยร่วมระหว่างผู้บริโภคและผู้รับเหมา สางปัญหาความเดือดร้อนผู้บริโภคจากการถูกผู้รับเหมาก่อสร้างเอาเปรียบ ด้านสมาคมฯระบุ สคบ.ต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนและกำหนดกรอบขอบเขตการทำสัญญาเอง หวั่นรับเหมารายย่อยไม่ร่วมด้วย เหตุการณ์ก่อสร้างบางส่วนไม่สามารถทำสัญญาได้เพราะกฎหมายไม่อนุญาต
นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรี.ดี. เฮ้าซิ่ง จำกัด ในฐานะกรรมการบริหารและนายทะเบียนสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 22พ.ค.ที่ผ่านมา ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา และคุ้มครองผู้บริโภคจากกรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างในทุกประเภทเอาเปรียบ อันเป็นผลให้ผู้บริโภคเกิดความเสียหายจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
โดย สคบ.ได้ขอความเห็นจากกลุ่ม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านว่า ควรจะมีการกำหนดให้ทั้งผู้บริโภคและผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องมีการทำสัญญาก่อสร้างเมื่อมีการว่าจ้างให้ก่อสร้างหรือต่อเต็มที่อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา ปัญหาความเดือดร้อนจากการถูกผู้รับเหมาก่อสร้างหรือ ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างทิ้งงานก่อสร้างกลางครัน หรือก่อสร้างผิดแบบ แต่ผู้บริโภคไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ เนื่องจากไม่มีหนังสือสัญญาการก่อสร้างร่วมกันระหว่างผู้รับเหมาและผู้บริโภคทำให้ไม่มีหลักฐานเอาผิดผู้ประกอบการได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคเสียหายและเข้ามาร้องเรียนกับ สคบ. มีจำนวนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ เรื่องการกำหนดให้มีการทำสัญญาก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อป้องการทิ้งงานก่อสร้างกลางครันนั้น สมาคมฯได้ดำเนินการมานานแล้วโดยสมาคมฯได้มีการออกสัญญาก่อสร้างมาตรฐานะ และกำหนดให้บริษัทที่เป็นสมาชิกในสมาคมฯ ทำสัญญาก่อสร้างมาตรฐานกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการการก่อสร้างบ้านของแต่ละบริษัทเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า
ดังนั้น การที่ สคบ. จะเสนอให้มีการกำหนดให้ทำสัญญาก่อสร้างนั้น สมาคมฯจึงเห็นด้วยว่าควรจะมีการกำหนดให้มีการทำสัญญาการก่อสร้างร่วมกันระหว่างผู้บริโภคและบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นกับ สคบ.จะมีการผลักดันการทำสัญญาดังกล่าว ให้ครอบคลุมหรือมีขอบเขตมากน้อยอย่างไร เนื่องจากปัจจุบันงานก่อสร้างบางส่วนนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่สามารถทำสัญญาก่อสร้างได้
"การก่อสร้างบางส่วนของที่อยู่อาศัย เช่นการต่อเติมทาวน์เฮาส์ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าไปรับงานนั้นจริงๆ แล้วเป็นเรื่องผิดกฎหมายและไม่สามารถทำสัญญาได้ เนื่องจากผิดกฎหมายอยู่แล้ว เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้มีการต่อเติม ดังนั้นจึงเห็นว่าเรื่องการทำสัญญานั้นต้องให้ สคบ.เป็นผู้ขับเคลื่อนและต้องพิจารณาเรื่องการกำหนดขอบเขตของการทำสัญญาให้ดี"
นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรี.ดี. เฮ้าซิ่ง จำกัด ในฐานะกรรมการบริหารและนายทะเบียนสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 22พ.ค.ที่ผ่านมา ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา และคุ้มครองผู้บริโภคจากกรณีที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างในทุกประเภทเอาเปรียบ อันเป็นผลให้ผู้บริโภคเกิดความเสียหายจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย
โดย สคบ.ได้ขอความเห็นจากกลุ่ม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านว่า ควรจะมีการกำหนดให้ทั้งผู้บริโภคและผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องมีการทำสัญญาก่อสร้างเมื่อมีการว่าจ้างให้ก่อสร้างหรือต่อเต็มที่อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา ปัญหาความเดือดร้อนจากการถูกผู้รับเหมาก่อสร้างหรือ ผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างทิ้งงานก่อสร้างกลางครัน หรือก่อสร้างผิดแบบ แต่ผู้บริโภคไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ เนื่องจากไม่มีหนังสือสัญญาการก่อสร้างร่วมกันระหว่างผู้รับเหมาและผู้บริโภคทำให้ไม่มีหลักฐานเอาผิดผู้ประกอบการได้ ส่งผลให้ผู้บริโภคเสียหายและเข้ามาร้องเรียนกับ สคบ. มีจำนวนค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ เรื่องการกำหนดให้มีการทำสัญญาก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อป้องการทิ้งงานก่อสร้างกลางครันนั้น สมาคมฯได้ดำเนินการมานานแล้วโดยสมาคมฯได้มีการออกสัญญาก่อสร้างมาตรฐานะ และกำหนดให้บริษัทที่เป็นสมาชิกในสมาคมฯ ทำสัญญาก่อสร้างมาตรฐานกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการการก่อสร้างบ้านของแต่ละบริษัทเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า
ดังนั้น การที่ สคบ. จะเสนอให้มีการกำหนดให้ทำสัญญาก่อสร้างนั้น สมาคมฯจึงเห็นด้วยว่าควรจะมีการกำหนดให้มีการทำสัญญาการก่อสร้างร่วมกันระหว่างผู้บริโภคและบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นกับ สคบ.จะมีการผลักดันการทำสัญญาดังกล่าว ให้ครอบคลุมหรือมีขอบเขตมากน้อยอย่างไร เนื่องจากปัจจุบันงานก่อสร้างบางส่วนนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่สามารถทำสัญญาก่อสร้างได้
"การก่อสร้างบางส่วนของที่อยู่อาศัย เช่นการต่อเติมทาวน์เฮาส์ที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าไปรับงานนั้นจริงๆ แล้วเป็นเรื่องผิดกฎหมายและไม่สามารถทำสัญญาได้ เนื่องจากผิดกฎหมายอยู่แล้ว เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้มีการต่อเติม ดังนั้นจึงเห็นว่าเรื่องการทำสัญญานั้นต้องให้ สคบ.เป็นผู้ขับเคลื่อนและต้องพิจารณาเรื่องการกำหนดขอบเขตของการทำสัญญาให้ดี"
