ผู้จัดการรายวัน-ม็อบถ่อยหน้าเดิมบุกป่วน ด่าทอ ยั่วยุ เปิดฉากก่อเหตุรุนแรง ขว้างปาก้อนหินใส่ตลอดเวลา ผู้ประกาศข่าว ‘เอเอสทีวี’ โดนหินเลือดอาบ ขณะที่แก๊งเถื่อนตบหน้าผู้หญิง โดยที่ตำรวจเมินเข้าเคลียร์เหตุการณ์ สั่งตรึงกำลังรอบทำเนียบก่อนพันธมิตรฯเคลื่อนขบวนปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง
หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เมื่อวานนี้(25 พ.ค.) เวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำ ตร.ทำหน้าที่รอง ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมดังกล่าว ที่ โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร.ให้กำกับดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย โดยนโยบายหลักจะต้องดูแลไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน ซึ่งหากทั้งสองกลุ่มชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ มาตรการรักษาความปลอดภัยการชุมนุมมีการจัดวางกำลังตำรวจอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันก็มีการขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ต้องไม่มีการยั่วยุ หรือไม่กระทำการใดๆที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้า ส่วนมาตรการพิเศษที่จะดำเนินการต่อกลุ่มก่อกวนหากมีการทำผิดกฎหมาย ทำร้ายร่างกาย ตำรวจจะดำเนินการโดยเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจวางตัวเป็นกลางและให้ความเสมอภาคมาโดยตลอด เช่นกรณีการยิงหนังสติ๊ก หรือขว้างขวดเข้าใส่กัน หากมีหลักฐานจะจับกุมดำเนินคดีทันที
"อัศวิน" เน้นป้องกันเหตุปะทะ
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.เปิดเผยถึงมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยว่า ทาง บก.น.6 ซึ่งดูแลพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะตั้งกองอำนวยการส่วนหน้าไว้ที่บริเวณหลังร้านอาหารเมธาวลัยศรแดง ส่วน บก.น.1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ด้านทิศเหนือ ได้ตั้งกองอำนวยการไว้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมห้องสังเกตุการณ์ของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ที่จะเดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อย โดยได้จัดเตรียมห้องเรียนของโรงเรียนสตรีวิทยาไว้ 1 ห้อง
สำหรับกำลังตำรวจที่ใช้ในการดูแลความสงบเรียบร้อย ประกอบด้วย กำลังตำรวจบก.น.1 จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจ บก.น.6 จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจคอมมานโดกองปราบปราม จำนวน 1 กองร้อย นอกจากนี้ ก็จะขอกำลังหน่วยสนับสนุนทางอากาศมาประจำอยู่ที่ ตชด.อีก 1 กองร้อย รวมทั้งได้ประสานด้านการข่าวกับหน่วยข่าวของกองทัพภาคที่ 1
“ตำรวจต้องพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ในการรักษาความปลอดภัย ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้านที่ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง โดยจะพยายามที่จะไม่ให้เผชิญหน้ากันระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม”
ม็อบถ่อยเหิมป่วนเวทีพันธมิตรฯ
อย่างไรก็ตาม มาตรการของตำรวจก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควรเมื่อปรากฎว่า ในเวลาต่อมาประมาณ 16.00 น.กลุ่ม นปก.และม็อบต่อต้านพันธมิตรฯ ประมาณ 100 คน ได้เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาตามถนนราชดำเนิน และมาปักหลักอยู่ด้านหน้าสำนักงานบริษัท เบนซ์ธนบุรี ถนนราชดำเนิน ใกล้กับจุดชุมนุมของพันธมิตรฯที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังจากนั้นได้พยายามฝ่าแนวกั้นเข้ามาก่อกวนพันธมิตรฯ และขว้างปาขวดน้ำเข้าใส่ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามากันออกไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามสกัดกั้นกลุ่มก่อกวนดังกล่าวให้อยู่ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว แต่ไม่สามารถควบคุมไว้ได้ และปล่อยให้เข้ามาประชิดกันที่ชุมนุมของพันธมิตรฯโดยมีการตั้งเวทีย่อยบนรถ 6 ล้อด่าทอพันธมิตรฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคายตลอดเวลา
ตร.เมินจับกุมกลุ่มป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปก่อกวนการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีการตะโกนด่าทอ และขว้างปาขวดน้ำเข้าใส่ผู้ชุมนุม โดยที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯในนาม “นักรบศรีวิชัย” คนหนึ่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขว้างขวดน้ำตอบโต้ออกไป
หลังจากนั้น “นักรบศรีวิชัย” คนดังกล่าวได้ถูกตำรวจเข้าล็อกคอควบคุมตัวไปที่ สน.สำราญราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีข้อหาก่อความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม เขาได้ปฏิเสธไม่ยอมรับสารภาพเพราะเห็นว่าฝ่ายต่อต้านพันธมิตรฯ ขว้างมาก่อน แต่ตำรวจพยายามให้เป็นข่าวว่าฝ่ายพันธมิตรฯถูกจับฐานก่อความวุ่นวาย จึงยอมจ่ายค่าปรับให้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ม็อบป่วนได้ทำพิธีเผาหุ่น 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ขณะที่ ม.ล.วีระยุทธ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ได้นำผ้าพันคอสีเหลืองติดข้อความ "กู้ชาติ" ของกลุ่มพันธมิตรฯ มาเผาไฟ เพื่อเป็นการฌาปนกิจให้กับกลุ่มพันธมิตรฯโดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านจากท้องสนามหลวงเดินขบวนมาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้กลุ่มคนดังกล่าวพยายามยั่วยุฝ่ายพันธมิตรฯ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เข้าไปสลายกลุ่มก่อกวนดังกล่าวแต่อย่างใด โดยอ้างว่ายังไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
ขณะที่การปราศรัยบนเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทยอยขึ้นปราศรัยกันนั้น กลุ่มคัดค้านได้สร้างความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง โดยการขว้างปาสิ่งของใส่กลุ่มพันธมิตรเป็นระยะ จนถึงช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. นายภูวดล ทรงประเสริฐ นักวิชาการ ขึ้นปราศรัยโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลอย่างรุนแรง มีผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และมีการโห่ร้องแสดงความชอบใจกับคำปราศรัยอยู่เป็นระยะ ขณะที่ฝ่ายคัดค้านก็ระดมปาสิ่งของใส่หนักยิ่งขึ้น จนเกือบควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ นายสำราญ รอดเพชร พิธีกรบนเวทีต้องขึ้นมาแทรกเพื่อให้ฝ่ายพันธมิตรอยู่ในความสงบ อย่าตอบโต้ จากนั้นจึงให้นายภูวดลปราศรัยต่อ
ตำรวจปล่อยม็อบต้านทำร้ายผู้หญิง
เวลา 18.40 น.เกิดเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาร่วมฟังการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตร โดย น.ส.ระรินทิพย์ ฐิตานุวงศ์ อายุประมาณ 50 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะที่ตนกำลังจะเดินกลับบ้าน เมื่อผ่านมายังบริเวณป้อมตำรวจด้านตรงข้ามกับโรงเรียนสตรีวิทยา ได้ถูกชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้าโดยไม่รู้สาเหตุ หลังจากที่ตบหน้าตนแล้ว หลานสาวตนที่เดินมาด้วยก็พยายามเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนกว่า 10 คนเตรียมจะเข้ามารุมทำร้าย ซึ่งไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวของพวกเขาทำได้อย่างไร
น.ส.ระรินทิพย์ กล่าวว่า ที่มาวันนี้ก็มาเพียงลงชื่อสนับสนุนการถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ที่ร่วมลงญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ในช่วงที่เกิดเหตุก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่น้อยกว่า 5 นายที่เห็นเหตุการณ์แต่ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยระหว่างที่เกิดเหตุหลานสาวตนได้ตะโกนให้ตำรวจเข้ามาห้ามปราม แต่ตำรวจก็ไม่สนใจ และเมื่อจะแจ้งความทางตำรวจก็ทำท่าเฉยๆ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนไม่ขอแจ้งความ เพราะขนาดเห็นตนถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา แต่กลับไม่ช่วย หากไปแจ้งความก็คงไม่ได้ช่วยอะไร อย่างมากก็เสียค่าปรับ 500 บาท แต่ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มคัดค้านว่า การชุมนุมทุกคนมีสิทธิเสรีภาพจะรักชอบใครก็ได้ แต่ไม่ควรมาทำร้ายแบบนี้ และขอให้หยุดการกระทำอันป่าเถื่อนนี้
เช่นเดียวกับ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 เศษ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล ปรากฎว่า กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯได้ขว้างปาก้อนหินเข้าใส่ขบวนเป็นระยะ และผู้ที่ได้รับเคราะห์ถูกก้อนหินขนาดใหญ่ปาเข้าถูกศรีษะ ได้รับบาดเจ็บเลือดอาบร่างเป็นนายยุทธิยง ล้ำเลิศวาที ผู้ประกาศข่าวของเอเอสทีวี ที่ทำหน้าที่อยู่ท้ายขบวน โดยที่ตำรวจไม่ได้เข้าดูแลเหตุการณ์ และ ไม่แสดงท่าทีให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด จนประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
ตร.ตรึงกำลัง "ทบ.-ทำเนียบฯ"
มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ที่แฝงตัวอยู่ภายในกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ได้รายงานสถานการณ์กลับไปยังกองบัญชาการตำรวจสสันติบาล โดยรายงานจำนวนกลุ่มผู้มาร่วมชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย และต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากคาดว่า จะมีการปะทะกันของกลุ่มผู้ก่อกวน กับกลุ่มพันธมิตรฯเป็นระยะๆ
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร.ได้สั่งการให้กำลังตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-2-7 จำนวนทั้งหมด 1,500 นาย เข้าประจำการเพื่อรอการสั่ง อยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกำลังตำรวจจำนวน 1 กองร้อย ได้ตรึงกำลังอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาลแล้ว ภายหลังจากที่แถลงการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯจะเคลื่อนพลไปชุมนุมกันที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตำรวจได้สั่งการให้มีการดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มพันธมิตรอย่างใกล้ชิด
หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เมื่อวานนี้(25 พ.ค.) เวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำ ตร.ทำหน้าที่รอง ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมดังกล่าว ที่ โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รรท.ผบ.ตร.ให้กำกับดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย โดยนโยบายหลักจะต้องดูแลไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้าน ซึ่งหากทั้งสองกลุ่มชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมายก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ มาตรการรักษาความปลอดภัยการชุมนุมมีการจัดวางกำลังตำรวจอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันก็มีการขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ต้องไม่มีการยั่วยุ หรือไม่กระทำการใดๆที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้า ส่วนมาตรการพิเศษที่จะดำเนินการต่อกลุ่มก่อกวนหากมีการทำผิดกฎหมาย ทำร้ายร่างกาย ตำรวจจะดำเนินการโดยเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจวางตัวเป็นกลางและให้ความเสมอภาคมาโดยตลอด เช่นกรณีการยิงหนังสติ๊ก หรือขว้างขวดเข้าใส่กัน หากมีหลักฐานจะจับกุมดำเนินคดีทันที
"อัศวิน" เน้นป้องกันเหตุปะทะ
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.เปิดเผยถึงมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยว่า ทาง บก.น.6 ซึ่งดูแลพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะตั้งกองอำนวยการส่วนหน้าไว้ที่บริเวณหลังร้านอาหารเมธาวลัยศรแดง ส่วน บก.น.1 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ด้านทิศเหนือ ได้ตั้งกองอำนวยการไว้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมห้องสังเกตุการณ์ของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ที่จะเดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อย โดยได้จัดเตรียมห้องเรียนของโรงเรียนสตรีวิทยาไว้ 1 ห้อง
สำหรับกำลังตำรวจที่ใช้ในการดูแลความสงบเรียบร้อย ประกอบด้วย กำลังตำรวจบก.น.1 จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจ บก.น.6 จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 จำนวน 1 กองร้อย ตำรวจคอมมานโดกองปราบปราม จำนวน 1 กองร้อย นอกจากนี้ ก็จะขอกำลังหน่วยสนับสนุนทางอากาศมาประจำอยู่ที่ ตชด.อีก 1 กองร้อย รวมทั้งได้ประสานด้านการข่าวกับหน่วยข่าวของกองทัพภาคที่ 1
“ตำรวจต้องพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ในการรักษาความปลอดภัย ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มต่อต้านที่ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวง โดยจะพยายามที่จะไม่ให้เผชิญหน้ากันระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม”
ม็อบถ่อยเหิมป่วนเวทีพันธมิตรฯ
อย่างไรก็ตาม มาตรการของตำรวจก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควรเมื่อปรากฎว่า ในเวลาต่อมาประมาณ 16.00 น.กลุ่ม นปก.และม็อบต่อต้านพันธมิตรฯ ประมาณ 100 คน ได้เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาตามถนนราชดำเนิน และมาปักหลักอยู่ด้านหน้าสำนักงานบริษัท เบนซ์ธนบุรี ถนนราชดำเนิน ใกล้กับจุดชุมนุมของพันธมิตรฯที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังจากนั้นได้พยายามฝ่าแนวกั้นเข้ามาก่อกวนพันธมิตรฯ และขว้างปาขวดน้ำเข้าใส่ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามากันออกไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามสกัดกั้นกลุ่มก่อกวนดังกล่าวให้อยู่ที่บริเวณสี่แยกคอกวัว แต่ไม่สามารถควบคุมไว้ได้ และปล่อยให้เข้ามาประชิดกันที่ชุมนุมของพันธมิตรฯโดยมีการตั้งเวทีย่อยบนรถ 6 ล้อด่าทอพันธมิตรฯ ด้วยถ้อยคำหยาบคายตลอดเวลา
ตร.เมินจับกุมกลุ่มป่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปก่อกวนการชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีการตะโกนด่าทอ และขว้างปาขวดน้ำเข้าใส่ผู้ชุมนุม โดยที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯในนาม “นักรบศรีวิชัย” คนหนึ่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ขว้างขวดน้ำตอบโต้ออกไป
หลังจากนั้น “นักรบศรีวิชัย” คนดังกล่าวได้ถูกตำรวจเข้าล็อกคอควบคุมตัวไปที่ สน.สำราญราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีข้อหาก่อความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม เขาได้ปฏิเสธไม่ยอมรับสารภาพเพราะเห็นว่าฝ่ายต่อต้านพันธมิตรฯ ขว้างมาก่อน แต่ตำรวจพยายามให้เป็นข่าวว่าฝ่ายพันธมิตรฯถูกจับฐานก่อความวุ่นวาย จึงยอมจ่ายค่าปรับให้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ม็อบป่วนได้ทำพิธีเผาหุ่น 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ขณะที่ ม.ล.วีระยุทธ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ได้นำผ้าพันคอสีเหลืองติดข้อความ "กู้ชาติ" ของกลุ่มพันธมิตรฯ มาเผาไฟ เพื่อเป็นการฌาปนกิจให้กับกลุ่มพันธมิตรฯโดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านจากท้องสนามหลวงเดินขบวนมาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้กลุ่มคนดังกล่าวพยายามยั่วยุฝ่ายพันธมิตรฯ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เข้าไปสลายกลุ่มก่อกวนดังกล่าวแต่อย่างใด โดยอ้างว่ายังไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
ขณะที่การปราศรัยบนเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทยอยขึ้นปราศรัยกันนั้น กลุ่มคัดค้านได้สร้างความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง โดยการขว้างปาสิ่งของใส่กลุ่มพันธมิตรเป็นระยะ จนถึงช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. นายภูวดล ทรงประเสริฐ นักวิชาการ ขึ้นปราศรัยโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลอย่างรุนแรง มีผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และมีการโห่ร้องแสดงความชอบใจกับคำปราศรัยอยู่เป็นระยะ ขณะที่ฝ่ายคัดค้านก็ระดมปาสิ่งของใส่หนักยิ่งขึ้น จนเกือบควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ นายสำราญ รอดเพชร พิธีกรบนเวทีต้องขึ้นมาแทรกเพื่อให้ฝ่ายพันธมิตรอยู่ในความสงบ อย่าตอบโต้ จากนั้นจึงให้นายภูวดลปราศรัยต่อ
ตำรวจปล่อยม็อบต้านทำร้ายผู้หญิง
เวลา 18.40 น.เกิดเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาร่วมฟังการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตร โดย น.ส.ระรินทิพย์ ฐิตานุวงศ์ อายุประมาณ 50 ปี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะที่ตนกำลังจะเดินกลับบ้าน เมื่อผ่านมายังบริเวณป้อมตำรวจด้านตรงข้ามกับโรงเรียนสตรีวิทยา ได้ถูกชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายด้วยการตบหน้าโดยไม่รู้สาเหตุ หลังจากที่ตบหน้าตนแล้ว หลานสาวตนที่เดินมาด้วยก็พยายามเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนกว่า 10 คนเตรียมจะเข้ามารุมทำร้าย ซึ่งไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวของพวกเขาทำได้อย่างไร
น.ส.ระรินทิพย์ กล่าวว่า ที่มาวันนี้ก็มาเพียงลงชื่อสนับสนุนการถอดถอน ส.ส.-ส.ว.ที่ร่วมลงญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ในช่วงที่เกิดเหตุก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่น้อยกว่า 5 นายที่เห็นเหตุการณ์แต่ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยระหว่างที่เกิดเหตุหลานสาวตนได้ตะโกนให้ตำรวจเข้ามาห้ามปราม แต่ตำรวจก็ไม่สนใจ และเมื่อจะแจ้งความทางตำรวจก็ทำท่าเฉยๆ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนไม่ขอแจ้งความ เพราะขนาดเห็นตนถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา แต่กลับไม่ช่วย หากไปแจ้งความก็คงไม่ได้ช่วยอะไร อย่างมากก็เสียค่าปรับ 500 บาท แต่ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มคัดค้านว่า การชุมนุมทุกคนมีสิทธิเสรีภาพจะรักชอบใครก็ได้ แต่ไม่ควรมาทำร้ายแบบนี้ และขอให้หยุดการกระทำอันป่าเถื่อนนี้
เช่นเดียวกับ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 เศษ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล ปรากฎว่า กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯได้ขว้างปาก้อนหินเข้าใส่ขบวนเป็นระยะ และผู้ที่ได้รับเคราะห์ถูกก้อนหินขนาดใหญ่ปาเข้าถูกศรีษะ ได้รับบาดเจ็บเลือดอาบร่างเป็นนายยุทธิยง ล้ำเลิศวาที ผู้ประกาศข่าวของเอเอสทีวี ที่ทำหน้าที่อยู่ท้ายขบวน โดยที่ตำรวจไม่ได้เข้าดูแลเหตุการณ์ และ ไม่แสดงท่าทีให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด จนประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
ตร.ตรึงกำลัง "ทบ.-ทำเนียบฯ"
มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ที่แฝงตัวอยู่ภายในกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย ได้รายงานสถานการณ์กลับไปยังกองบัญชาการตำรวจสสันติบาล โดยรายงานจำนวนกลุ่มผู้มาร่วมชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย และต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากคาดว่า จะมีการปะทะกันของกลุ่มผู้ก่อกวน กับกลุ่มพันธมิตรฯเป็นระยะๆ
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผบ.ตร.ได้สั่งการให้กำลังตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-2-7 จำนวนทั้งหมด 1,500 นาย เข้าประจำการเพื่อรอการสั่ง อยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกำลังตำรวจจำนวน 1 กองร้อย ได้ตรึงกำลังอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาลแล้ว ภายหลังจากที่แถลงการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯจะเคลื่อนพลไปชุมนุมกันที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตำรวจได้สั่งการให้มีการดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มพันธมิตรอย่างใกล้ชิด