นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.ร้องเรียนถึงการจัดรายการ ชิมไปบ่นไป โดยเปิดข้อมูลว่ารับเงินเดือนละ 8 หมื่นบาทว่า หาหลักฐานมาสิ ผู้สื่อข่าวแจงว่า มีการส่งหลักฐานมาแล้ว นายสมัคร กล่าวว่า ทำไมคนรับไม่รู้ คนนอกรู้ได้อย่างไร เมื่อถามว่า จะชี้แจงอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ตนจะพูดกับคนที่เขาดูแลไม่พูดกับใครหรอก ส่วนการชี้แจงกับกกต.นั้น ได้ส่งหนังสือไปแล้ว ก่อนเดินทางไปฟิลิปปินส์ ซึ่งเรื่องรายได้ชี้แจงกับกกต.ว่า ไม่มีรายได้ เรื่องที่จะมีปัญหาเพียงแต่ตนมาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ตอนอยู่เฉยๆ ก็ไม่มีปัญหา เป็นส.ส.ก็ไม่มีปัญหา จนเป็นนายกรัฐมนตรีถึงได้มีปัญหาตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. นี่เอง
ผมก็มีหนังสือบอกตั้งแต่เดือนธ.ค. ที่เป็นส.ส. ว่าให้เตรียมหา ผู้ดำเนินรายการใหม่ แต่จะทำให้โดยไม่รับค่าน้ำมัน ค่าตอบแทนเท่านั้นเองไม่มีปัญหาอะไร
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านบริหารพรรคการเมือง กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือแจ้งให้ กกต.ทราบว่า ยินดีเดินทางมาชี้แจง ข้อกล่าวหา กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกจ้างรายการ ชิมไปบ่นไป แต่ยังไม่กำหนดวัน เวลาที่ชัดเจน โดยประธานกกต.ได้แจกสำเนาเอกสารคำชี้แจงของนายสมัคร ให้กกต. แต่ละคนดูแล้ว ซึ่งเนื้อหาของคำชี้แจงนายสมัคร ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่า ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือรับจ้างใดๆ ให้กับบริษัทเฟช มีเดีย เป็นแค่เพียงพิธีกร กิตติมศักดิ์ ที่รับการเชิญมาแต่ละครั้ง รวมทั้งไม่เคยได้รับเงินเดือนใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นหลักฐานเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ นายสมัคร ระบุว่าได้รับเงินจากบริษัทฯ เดือนละ 8 หมื่นบาทนั้น ตนยังไม่เห็นเรื่องนี้ แต่เบื้องต้นนายกฯยอมรับว่า ได้รับจัดรายการในช่วงก่อนเป็นผู้ว่าฯกทม.
ทั้งนี้ กระบวนการสอบสวนทั้งหมด จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มี พล.อ. ยอดชาย เทพยสุวรรณ เป็นประธาน ที่จะสอบสวนในทุกประเด็น รวมถึงการประสานขอข้อมูลหลักฐานการทำสัญญาไปที่กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพาณิชย์ด้วย
สำหรับแนวของการสรุปผลการสอบสวน คณะกรรมการสอบสวนจะต้องเน้นประเด็นข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายมากกว่าประเด็นที่จะชี้ชัดว่า นายสมัครขาดคุณสมบัติหรือไม่ จากนั้นที่ประชุมใหญ่ กกต.จะนำมาพิจารณาก่อนมีมติ และหากพบว่านายสมัคร ขาดคุณสมบัติการกำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริง ก็ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงหนังสือชี้แจงของ นายสมัครว่า จะส่งหนังสือชี้แจงดังกล่าวให้คณะกรรมการสอบสวน ฯ ไปพิจารณาสืบหา ข้อเท็จจริง ซึ่งในหนังสือของนายสมัครนั้นไม่มีรายละเอียดมากนัก บอกแต่เพียงคร่าว ๆ ว่า ไม่ได้เคยเซ็นสัญญารับจ้างจากบริษัทเฟช มีเดีย อีกทั้งการรับหน้าที่พิธีกร ก็เหมือนกับการไปพูดในเวทีต่างๆ ที่ได้ค่าตอบแทนเป็นน้ำมันรถ ส่วนรายได้อื่นๆ นั้นตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ปฏิเสธไม่ขอรับค่าตอบแทนอื่นๆ นอกจากนี้นายสมัครยังแจ้งอีกว่าหาก กกต.ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมก็พร้อมจะนำหลักฐานมาให้และพร้อมจะมาชี้แจงด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือชี้แจงของสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ได้ทำถึงประธาน กกต. ต่อกรณีการเป็นพิธีกรรายการ ชิมไปบ่นไป นั้น ลงวันที่ 20 พ.ค. มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ผู้กล่าวหาตนเป็นผู้จัดรายการเป็นการขัดต่อข้อกำหนด ของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าตนเป็นลูกจ้างบริษัทผู้ผลิตรายการนั้น ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
1.ตนได้รับการเชิญจากผู้เป็นเจ้าของรายการให้เป็นผู้แสดงการทำอาหารไทย ให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษากับทางโทรทัศน์ตั้งแต่เมื่อกลางปี พ.ศ. 2543 ที่กระผมลาออก จากการเป็น ส.ส.มาลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร
2.นับตั้งแต่การได้รับเชิญเป็นพิธีกรดังกล่าวเป็นการออกปากเชิญกันด้วยปากเปล่าและได้ทำรายการติดต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปี โดยบางครั้งเมื่อเป็น ผู้ว่ากทม.แล้วมีหนังสือพิมพ์ลงตำหนิว่ากล่าว ผมก็ไม่รับเป็นพิธีกรอยู่จนพ้นจาก ตำแหน่งหน้าที่ แล้วจึงได้กลับมารับเชิญใหม่ซึ่งก็เป็นการเชิญปากเปล่าเหมือนเดิม ไม่เคยมีการเซ็นต์สัญญาว่าจ้างหรือไม่เคยมีตำแหน่งใด ๆ ในบริษัท ของผู้ผลิตรายการ ไม่ว่าตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้น
3.การรับเป็นพิธีกร ผู้เชิญก็ได้ให้ค่าน้ำมันรถในการไปถ่ายทำ ทำนองเดียวกันกับที่ตนไปเป็นผู้บรรยายทางหน่วยงานอื่นที่เชิญให้ไปพูด โดยได้รับค่าน้ำมันทุกคราที่ไปถ่ายทำ
4.เมื่อก่อนหน้าที่ตนจะได้รับเลือกเป็นส.ส.ในวันที่ 23 ธ.ค. 2550 ประมาณ 2-3 วัน ได้รับจดหมายสอบถามจากเจ้าของรายการว่าถ้าหากผมเป็นส.ส.แล้วยังเป็นพิธีกรให้เขาเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งก็ตอบไปว่าเป็นส.ส.ไม่เป็นไร แต่หากวันข้างหน้าไปทำหน้าที่รัฐมนตรีทางฝ่ายบริหารจะมีกฎระเบียบ ซึ่งแม้จะไม่เข้าเกณฑ์ต้องห้าม แต่อาจไม่เหมาะสม จึงมีหนังสือกลับไปว่าตอนที่ยังเป็นส.ส.อยู่นี้ รับดำเนินรายการเหมือนเดิมได้ แต่หากเป็นผู้บริหารระดับรัฐมนตรีแล้วก็คงจะต้องพิจารณากันอีกที โดยสรุปต่อจากนั้นจะทำรายการให้เปล่า ๆ ไม่รับค่าน้ำมันรถ และขอให้เริ่มมองหาพรีเซนเตอร์คนใหม่เอาไว้ด้วย
ผมขอยืนยันว่าผมไม่เคยมีหรือเซ็นต์สัญญากับทางบริษัทและได้แจ้งไปแล้วว่าตั้งแต่รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ผมไม่ขอรับค่าตอบแทนแต่อย่างใด และยินดีที่จะนำหลักฐานและมาให้ปากคำกับกกต.เองหากต้องการทราบข้อเท็จจริง หนังสือชี้แจงของนายสมัครระบุ
ผมก็มีหนังสือบอกตั้งแต่เดือนธ.ค. ที่เป็นส.ส. ว่าให้เตรียมหา ผู้ดำเนินรายการใหม่ แต่จะทำให้โดยไม่รับค่าน้ำมัน ค่าตอบแทนเท่านั้นเองไม่มีปัญหาอะไร
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านบริหารพรรคการเมือง กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือแจ้งให้ กกต.ทราบว่า ยินดีเดินทางมาชี้แจง ข้อกล่าวหา กรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกจ้างรายการ ชิมไปบ่นไป แต่ยังไม่กำหนดวัน เวลาที่ชัดเจน โดยประธานกกต.ได้แจกสำเนาเอกสารคำชี้แจงของนายสมัคร ให้กกต. แต่ละคนดูแล้ว ซึ่งเนื้อหาของคำชี้แจงนายสมัคร ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่า ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือรับจ้างใดๆ ให้กับบริษัทเฟช มีเดีย เป็นแค่เพียงพิธีกร กิตติมศักดิ์ ที่รับการเชิญมาแต่ละครั้ง รวมทั้งไม่เคยได้รับเงินเดือนใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นหลักฐานเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ นายสมัคร ระบุว่าได้รับเงินจากบริษัทฯ เดือนละ 8 หมื่นบาทนั้น ตนยังไม่เห็นเรื่องนี้ แต่เบื้องต้นนายกฯยอมรับว่า ได้รับจัดรายการในช่วงก่อนเป็นผู้ว่าฯกทม.
ทั้งนี้ กระบวนการสอบสวนทั้งหมด จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มี พล.อ. ยอดชาย เทพยสุวรรณ เป็นประธาน ที่จะสอบสวนในทุกประเด็น รวมถึงการประสานขอข้อมูลหลักฐานการทำสัญญาไปที่กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพาณิชย์ด้วย
สำหรับแนวของการสรุปผลการสอบสวน คณะกรรมการสอบสวนจะต้องเน้นประเด็นข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายมากกว่าประเด็นที่จะชี้ชัดว่า นายสมัครขาดคุณสมบัติหรือไม่ จากนั้นที่ประชุมใหญ่ กกต.จะนำมาพิจารณาก่อนมีมติ และหากพบว่านายสมัคร ขาดคุณสมบัติการกำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริง ก็ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงหนังสือชี้แจงของ นายสมัครว่า จะส่งหนังสือชี้แจงดังกล่าวให้คณะกรรมการสอบสวน ฯ ไปพิจารณาสืบหา ข้อเท็จจริง ซึ่งในหนังสือของนายสมัครนั้นไม่มีรายละเอียดมากนัก บอกแต่เพียงคร่าว ๆ ว่า ไม่ได้เคยเซ็นสัญญารับจ้างจากบริษัทเฟช มีเดีย อีกทั้งการรับหน้าที่พิธีกร ก็เหมือนกับการไปพูดในเวทีต่างๆ ที่ได้ค่าตอบแทนเป็นน้ำมันรถ ส่วนรายได้อื่นๆ นั้นตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ปฏิเสธไม่ขอรับค่าตอบแทนอื่นๆ นอกจากนี้นายสมัครยังแจ้งอีกว่าหาก กกต.ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมก็พร้อมจะนำหลักฐานมาให้และพร้อมจะมาชี้แจงด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือชี้แจงของสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ได้ทำถึงประธาน กกต. ต่อกรณีการเป็นพิธีกรรายการ ชิมไปบ่นไป นั้น ลงวันที่ 20 พ.ค. มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ผู้กล่าวหาตนเป็นผู้จัดรายการเป็นการขัดต่อข้อกำหนด ของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าตนเป็นลูกจ้างบริษัทผู้ผลิตรายการนั้น ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
1.ตนได้รับการเชิญจากผู้เป็นเจ้าของรายการให้เป็นผู้แสดงการทำอาหารไทย ให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษากับทางโทรทัศน์ตั้งแต่เมื่อกลางปี พ.ศ. 2543 ที่กระผมลาออก จากการเป็น ส.ส.มาลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร
2.นับตั้งแต่การได้รับเชิญเป็นพิธีกรดังกล่าวเป็นการออกปากเชิญกันด้วยปากเปล่าและได้ทำรายการติดต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปี โดยบางครั้งเมื่อเป็น ผู้ว่ากทม.แล้วมีหนังสือพิมพ์ลงตำหนิว่ากล่าว ผมก็ไม่รับเป็นพิธีกรอยู่จนพ้นจาก ตำแหน่งหน้าที่ แล้วจึงได้กลับมารับเชิญใหม่ซึ่งก็เป็นการเชิญปากเปล่าเหมือนเดิม ไม่เคยมีการเซ็นต์สัญญาว่าจ้างหรือไม่เคยมีตำแหน่งใด ๆ ในบริษัท ของผู้ผลิตรายการ ไม่ว่าตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้น
3.การรับเป็นพิธีกร ผู้เชิญก็ได้ให้ค่าน้ำมันรถในการไปถ่ายทำ ทำนองเดียวกันกับที่ตนไปเป็นผู้บรรยายทางหน่วยงานอื่นที่เชิญให้ไปพูด โดยได้รับค่าน้ำมันทุกคราที่ไปถ่ายทำ
4.เมื่อก่อนหน้าที่ตนจะได้รับเลือกเป็นส.ส.ในวันที่ 23 ธ.ค. 2550 ประมาณ 2-3 วัน ได้รับจดหมายสอบถามจากเจ้าของรายการว่าถ้าหากผมเป็นส.ส.แล้วยังเป็นพิธีกรให้เขาเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งก็ตอบไปว่าเป็นส.ส.ไม่เป็นไร แต่หากวันข้างหน้าไปทำหน้าที่รัฐมนตรีทางฝ่ายบริหารจะมีกฎระเบียบ ซึ่งแม้จะไม่เข้าเกณฑ์ต้องห้าม แต่อาจไม่เหมาะสม จึงมีหนังสือกลับไปว่าตอนที่ยังเป็นส.ส.อยู่นี้ รับดำเนินรายการเหมือนเดิมได้ แต่หากเป็นผู้บริหารระดับรัฐมนตรีแล้วก็คงจะต้องพิจารณากันอีกที โดยสรุปต่อจากนั้นจะทำรายการให้เปล่า ๆ ไม่รับค่าน้ำมันรถ และขอให้เริ่มมองหาพรีเซนเตอร์คนใหม่เอาไว้ด้วย
ผมขอยืนยันว่าผมไม่เคยมีหรือเซ็นต์สัญญากับทางบริษัทและได้แจ้งไปแล้วว่าตั้งแต่รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ผมไม่ขอรับค่าตอบแทนแต่อย่างใด และยินดีที่จะนำหลักฐานและมาให้ปากคำกับกกต.เองหากต้องการทราบข้อเท็จจริง หนังสือชี้แจงของนายสมัครระบุ