“โฆษกรัฐบาล” เดินเกมสัญจรตามรอยทัวร์นกขมิ้น จัดโครงการพบสื่อท้องถิ่น 4 ภาค “ณัฐวุฒิ” นั่งหัวเรือใหญ่ แต่ขยาดเลือกลงใต้ถิ่นบ้านเกิดลำดับสุดท้าย พล่ามไปเรื่อยขวาง “อภิรักษ์” ชิงผู้ว่าฯ กทม.ชี้ ไม่เหมาะสม เพราะคดียังอยู่ในศาล
วันนี้ (14 มี.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ทำโครงการรัฐบาลพบสื่อมวลชนท้องถิ่น หรือ “สำนักโฆษกสัญจร” โดยปีนี้จะมีกิจกรรมดังกล่าวจำนวน 4 ครั้ง ที่จะเดินทางไปทั้ง 4 ภาค โดยจะมีการเชิญโฆษกกระทรวงต่างประเทศ รวมทั้งรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานในจังหวัดนั้นๆ หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และถ้าเป็นไปได้จะเชิญนายกรัฐมนตรีเดินทางไปด้วย เพื่อแสดงนโยบายและรับฟังความคิดเห็นเพื่อสะท้อนปัญหาจากสื่อมวลชนท้องถิ่น เบื้องต้นเดือน เม.ย.นี้จะเดินทางไปภาคอีสาน เหนือ อีสาน ใต้ ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม โครงการของ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถ้าทางโครงการโฆษกสัญจรเตรียมการได้ทันก็อาจจะเดินทางไปพร้อมกับนายจักรภพ
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ยุติการทำงาน ว่า ตนเคารพการตัดสินใจแม้กฎหมายจะไม่บังคับให้ยุติบทบาท ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้นำการตัดสินใจครั้งนี้มาเพื่อกดดัน หรือเทียบเคียงคดีรถดับเพลิงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หรือคดีหวยบนดินของรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นคนละกรณี ส่วนทางประชาธิปัตย์จะบอกว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ใครเจอเหตุการอย่างนี้แล้วจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องขอเรียนว่าเรายินดีที่ประชาธิปัตย์ร่วมสร้างบรรทัดฐานที่พลังประชาชนได้สร้างเอาไว้เช่นนี้ เพราะพรรคพลังประชาชนได้แสดงออกและสร้างบรรทัดฐานนี้เอาไว้ก่อนหน้าจากกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประกาศยุติการทำหน้าที่ประธานสภาฯ จึงถือว่านี่จะเป็นภาพลักษณ์ที่สร้างสรรค์
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ที่ นายอภิรักษ์ อธิบายว่า กรณีของคดีความมีการชี้มูลความผิดแล้วต้องยุติการปฏิบัติงานเพื่อรักษาความสง่างาม ก็อาจมีประเด็นจากสังคมว่าถ้าอย่างนั้นผู้ว่ากทม.ที่จะหมดวาระในเดือน ก.ค. นี้ นั่นหมายความว่าอีก 4-5 เดือนจากนี้ จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง ซึ่ง นายอภิรักษ์ จะลงสมัครได้หรือไม่ เหตุผลก็เพราะว่าในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่แล้วมีการชี้มูลความผิดจึงมีการยุติบทบาท นั่นหมายความว่าเดือน ก.ค.คดีนี้อาจจะคืบหน้าไปสู่การดำเนินการในชั้นศาล และในระหว่างการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่ากทม.อย่างนี้นายอภิรักษ์จะตัดสินใจลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ แล้วถ้าตัดสินใจก็จะมีคำถามตามมาว่าเมื่อคดียังดำเนินอยู่ในศาลนายอภิรักษ์จะเสนอตัวทั้งๆ ที่เพิ่งยุติการปฏิบัติงานมาได้อย่างไร
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ถ้าการที่นายอภิรักษ์ยุติการทำงานเป็นการสร้างบรรทัดฐาน คำถามที่จะถามคือว่าแล้วในกรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิ์การครอบครองที่ดินสปก.4-01 ของนายทศพร เทพบุตร เมื่อศาลพิพากษาอย่างนั้นประชาธิปัตย์ยังส่งนายทศพรเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งใน จ.ภูเก็ต และเป็น ส.ส.ในขณะนี้ จึงขอตั้งข้อสังเกตและคิดว่าเรื่องนี้จะได้ข้อยุติ
