ผู้จัดการรายวัน- "เทพมนตรี" แฉการบุกทุบรูปปั้น ย้ายศิวลึงค์ ที่ปราสาทพนมรุ้ง หวังแก้เคล็ดทางไสยศาสตร์ เพื่อทำลายพิธีกรรมที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ไปบวงสรวงไว้เมื่อ 5 เม.ย.51 (เสาร์ห้า) "โสภณ" ระบุการย้ายศิวลึงค์ เพื่อปิดทางเชื่อมออกเทวดากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เตรียมเชิญชวนชาวบุรีรัมย์ทำพิธีขอขมา ปูด "เนวิน" คลั่งไสยศาสตร์ ไม่แน่อาจได้เป็นายกฯ
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่มีคนร้ายบุกไปทำลายรูปปั้น และเคลื่อนย้ายศิวลึงค์ ภายในปราสาทเขาพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ว่า เรื่องนี้ได้รับข้อมูลจากชาวบ้านและนักบวชพราหมณ์ ศาสนาฮินดูว่า ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 2 ซึ่งมีการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.บุรีรัมย์ ทาง ครม.ได้มาประชุมกันบริเวณปราสาทเขาพนมรุ้ง โดยที่เจ้าหน้าที่อุทยานและชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วย เพราะสถานที่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ ครม.ชุดนั้นก็ใช้อำนาจทางราชการ บีบให้กรมศิลปากรอนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้ และต่อมาก็มีการโยกย้ายผู้ที่คัคค้าน คือหัวหน้าอุทยานแห่งชาติปราสาทเขาพนมรุ้งไป จ.ลพบุรี ด้วย
"ทราบว่าตอนนั้นมีการใช้สถานที่แห่งนี้ เพื่อแก้เคล็ดพิธีกรรมบางอย่าง เพื่อหวังผลบางด้านทางการเมือง เรื่องนี้ทราบเพราะชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลไว้ และตอนนั้นชาวบ้านก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้พื้นที่นี้ เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาประชุม และมีมติใดๆ ออกมา เท่ากับเป็นคำสาบาน และสัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากใครไปฝ่าฝืนไม่ทำตามหรือคิดไม่ดีกับบ้านเมือง ก็จะมีอันเป็นไป และตอนนั้นเห็นได้ว่า รัฐมนตรี 2 คนที่มีชื่อ มีความหมายถึงพระอาทิตย์ ก็ต้องหลุดจากตำแหน่ง และต่อมาก็ได้ยินมาว่า ใครบางคนมาทำพิธีกรรมบางอย่าง เพื่อแก้เคราะห์กรรมด้วย"
นายเทพมนตรี กล่าวอีกว่า ล่าสุดชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา มีนายพลคนหนึ่งมาประกอบพิธีบวงสรวงบางอย่าง เพื่อขอให้บ้านเมืองสงบสุข แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ทราบข่าวนี้ และก็มาทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยวิธีกรรมและความเชื่อทางเขมร และอินเดียบางด้าน เช่น รูปปั้นโคนนทิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ เคลื่อนย้ายศิวลึงค์ สัญลักษณ์ของพระศิวะ ทำลายรูปปั้นพญานาค สัญลักษณ์ของพระนารายณ์ และอาจมีการเขียนคำอธิษฐานบางอย่างไว้แก้เคล็ดของฝ่ายแรกที่มาทำพิธีไว้ในวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.
ทั้งนี้ ตนทราบมาว่า พราหมณ์คนไทยที่รู้เรื่องเบื้องหลังนี้บอกกับตนว่า ทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนั้นดี และจะทำพิธีทำลายล้างฝ่ายนั้น เพราะการที่มาใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อหวังผลบางอย่างนั้นมันไม่ถูกต้อง
นายโสภณ เพชรสว่าง ประธานกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การกระทำดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้โบราณสถานเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพของชาวบุรีรัมย์
การทุบทำลายดังกล่าว เป็นการใช้เหล็กสกัด เนื่องจากเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการผู้ใหญ่ทางการเมืองได้ไปทำพิธีสืบชะตา บวงสรวงสักการะที่ปราสาทหินพนมรุ้ง และต่อมาวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา ก็ได้มีการทำพิธีแก้พิธีกรรมของคนกลุ่มแรก ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ที่มีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์ บอกว่าเป็นการทำลายพลังอำนาจการบวงสรวง เมื่อวันที่ 5 เม.ย.
นอกจากนี้ ยังมีพรามณ์โทรมาบอกตนว่า การย้ายศิวลึงค์นั้น เป็นการปิดทางเชื่อมระหว่างเทวดา กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้ไปพวกตนจะเชิญพรามณ์มาทำพิธีบวงสรวง เพื่อขอขมากับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะเชิญชาวบุรีรัมย์ทั้งหมดมาร่วมพิธีขอขมาครั้งนี้ด้วย ดังนั้น การทำลายปราสาทหินพนมรุ้งครั้งนี้ เป็นเรื่องไสยศาสตร์อย่างแน่นอน ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่จะเห็นว่าการทำลายครั้งนี้ เป็นการทำลายพญานาค ซึ่งเป็นพาหนะของพระศิวะ ซึ่งถือว่าเป็นเทพที่อยู่ในปราสาท
นายโสภณ กล่าวด้วยว่า หากใครพบเบาะแสเรื่องนี้ และสามารถแจ้งบุคคลที่กระทำการดังกล่าว ทางกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ จะให้รางวัลเป็นเงินสด 100,000 บาทให้มาเบิกเงินที่ตนได้เลย โดยติดต่อมาที่เบอร์โทรศัพท์ 081-8085555 พร้อมทั้งขอเรียกร้องต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เอาใจใส่ในเรื่องนี้ด้วย ไม่ให้เป็นไฟไหม้ฟาง แล้วก็ปล่อยเรื่องเงียบหายไป เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการทำลายโบราณสถานที่สำคัญของชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า มีผู้มีอำนาจบงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง นายโสภณ กล่าวว่า นายเนวิน ชิดชอบ เป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และยังเดินทางไปนั่งวิปัสสนาที่ประเทศอินเดียมาตลอด และการประชุม ครม.สัญจรที่จ.บุรีรัมย์ ครั้งนั้น นายเนวิน ก็เป็นคนที่ทำพิธีบวงสรวงปราสาทหินพนมรุ้ง แต่คนก็มองว่าคนอยู่เบื้องหลัง จึงอยากบอกว่า อย่าไปมองนายเนวินในแง่ร้าย เพราะในอนาคต นายเนวิน อาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยก็ได้
เมื่อถามว่า แสดงว่าเรื่องนี้คนที่ทำลายเป็นคนที่อยู่ตรงกันข้ามกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มาบวงสรวง นายโสภณ กล่าวว่า ใช่ เป็นคนที่อยู่คนละฝ่ายกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มาบวงสรวงในวันนั้น เพื่อต้องการทำลายสิ่งที่เขาทำพิธีบรวงสรวงขอไว้ และไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ในสิ่งที่ขอไว้
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่มีคนร้ายบุกไปทำลายรูปปั้น และเคลื่อนย้ายศิวลึงค์ ภายในปราสาทเขาพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ว่า เรื่องนี้ได้รับข้อมูลจากชาวบ้านและนักบวชพราหมณ์ ศาสนาฮินดูว่า ในช่วงรัฐบาลทักษิณ 2 ซึ่งมีการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.บุรีรัมย์ ทาง ครม.ได้มาประชุมกันบริเวณปราสาทเขาพนมรุ้ง โดยที่เจ้าหน้าที่อุทยานและชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วย เพราะสถานที่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ ครม.ชุดนั้นก็ใช้อำนาจทางราชการ บีบให้กรมศิลปากรอนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้ และต่อมาก็มีการโยกย้ายผู้ที่คัคค้าน คือหัวหน้าอุทยานแห่งชาติปราสาทเขาพนมรุ้งไป จ.ลพบุรี ด้วย
"ทราบว่าตอนนั้นมีการใช้สถานที่แห่งนี้ เพื่อแก้เคล็ดพิธีกรรมบางอย่าง เพื่อหวังผลบางด้านทางการเมือง เรื่องนี้ทราบเพราะชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลไว้ และตอนนั้นชาวบ้านก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้พื้นที่นี้ เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาประชุม และมีมติใดๆ ออกมา เท่ากับเป็นคำสาบาน และสัญญากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากใครไปฝ่าฝืนไม่ทำตามหรือคิดไม่ดีกับบ้านเมือง ก็จะมีอันเป็นไป และตอนนั้นเห็นได้ว่า รัฐมนตรี 2 คนที่มีชื่อ มีความหมายถึงพระอาทิตย์ ก็ต้องหลุดจากตำแหน่ง และต่อมาก็ได้ยินมาว่า ใครบางคนมาทำพิธีกรรมบางอย่าง เพื่อแก้เคราะห์กรรมด้วย"
นายเทพมนตรี กล่าวอีกว่า ล่าสุดชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา มีนายพลคนหนึ่งมาประกอบพิธีบวงสรวงบางอย่าง เพื่อขอให้บ้านเมืองสงบสุข แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ทราบข่าวนี้ และก็มาทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยวิธีกรรมและความเชื่อทางเขมร และอินเดียบางด้าน เช่น รูปปั้นโคนนทิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ เคลื่อนย้ายศิวลึงค์ สัญลักษณ์ของพระศิวะ ทำลายรูปปั้นพญานาค สัญลักษณ์ของพระนารายณ์ และอาจมีการเขียนคำอธิษฐานบางอย่างไว้แก้เคล็ดของฝ่ายแรกที่มาทำพิธีไว้ในวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.
ทั้งนี้ ตนทราบมาว่า พราหมณ์คนไทยที่รู้เรื่องเบื้องหลังนี้บอกกับตนว่า ทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนั้นดี และจะทำพิธีทำลายล้างฝ่ายนั้น เพราะการที่มาใช้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อหวังผลบางอย่างนั้นมันไม่ถูกต้อง
นายโสภณ เพชรสว่าง ประธานกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การกระทำดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้โบราณสถานเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพของชาวบุรีรัมย์
การทุบทำลายดังกล่าว เป็นการใช้เหล็กสกัด เนื่องจากเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการผู้ใหญ่ทางการเมืองได้ไปทำพิธีสืบชะตา บวงสรวงสักการะที่ปราสาทหินพนมรุ้ง และต่อมาวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา ก็ได้มีการทำพิธีแก้พิธีกรรมของคนกลุ่มแรก ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ที่มีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์ บอกว่าเป็นการทำลายพลังอำนาจการบวงสรวง เมื่อวันที่ 5 เม.ย.
นอกจากนี้ ยังมีพรามณ์โทรมาบอกตนว่า การย้ายศิวลึงค์นั้น เป็นการปิดทางเชื่อมระหว่างเทวดา กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งหลังจากนี้ไปพวกตนจะเชิญพรามณ์มาทำพิธีบวงสรวง เพื่อขอขมากับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะเชิญชาวบุรีรัมย์ทั้งหมดมาร่วมพิธีขอขมาครั้งนี้ด้วย ดังนั้น การทำลายปราสาทหินพนมรุ้งครั้งนี้ เป็นเรื่องไสยศาสตร์อย่างแน่นอน ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่จะเห็นว่าการทำลายครั้งนี้ เป็นการทำลายพญานาค ซึ่งเป็นพาหนะของพระศิวะ ซึ่งถือว่าเป็นเทพที่อยู่ในปราสาท
นายโสภณ กล่าวด้วยว่า หากใครพบเบาะแสเรื่องนี้ และสามารถแจ้งบุคคลที่กระทำการดังกล่าว ทางกลุ่มพิทักษ์เมืองบุรีรัมย์ จะให้รางวัลเป็นเงินสด 100,000 บาทให้มาเบิกเงินที่ตนได้เลย โดยติดต่อมาที่เบอร์โทรศัพท์ 081-8085555 พร้อมทั้งขอเรียกร้องต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เอาใจใส่ในเรื่องนี้ด้วย ไม่ให้เป็นไฟไหม้ฟาง แล้วก็ปล่อยเรื่องเงียบหายไป เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการทำลายโบราณสถานที่สำคัญของชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า มีผู้มีอำนาจบงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง นายโสภณ กล่าวว่า นายเนวิน ชิดชอบ เป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และยังเดินทางไปนั่งวิปัสสนาที่ประเทศอินเดียมาตลอด และการประชุม ครม.สัญจรที่จ.บุรีรัมย์ ครั้งนั้น นายเนวิน ก็เป็นคนที่ทำพิธีบวงสรวงปราสาทหินพนมรุ้ง แต่คนก็มองว่าคนอยู่เบื้องหลัง จึงอยากบอกว่า อย่าไปมองนายเนวินในแง่ร้าย เพราะในอนาคต นายเนวิน อาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยก็ได้
เมื่อถามว่า แสดงว่าเรื่องนี้คนที่ทำลายเป็นคนที่อยู่ตรงกันข้ามกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มาบวงสรวง นายโสภณ กล่าวว่า ใช่ เป็นคนที่อยู่คนละฝ่ายกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มาบวงสรวงในวันนั้น เพื่อต้องการทำลายสิ่งที่เขาทำพิธีบรวงสรวงขอไว้ และไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ในสิ่งที่ขอไว้