เพลงมีผลต่อรสชาติไวน์ ผลวิจัยใหม่จากนักจิตวิทยาสก็อตต์ยังแนะนำว่าเพลงแนวไหนเหมาะกับไวน์ประเภทใด
การวิจัยที่เกิดจากการร่วมมือระหว่างนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแฮเรียต-วัตต์ในเอดินเบิร์ก สก็อตแลนด์ กับผู้ผลิตไวน์ชิลี ระบุว่าเพลงเฮฟวีร็อคอย่างเช่นผลงานของจิมี เฮนดริกซ์ หรือเดอะ โรลลิง สโตนส์ ไปกันได้ดีกับกาเบอร์เนต์ ซอวิญง ขณะที่โอเปราน่าจะเหมาะกับซีราห์
รายงานสำทับว่า ดนตรีแนวต่างๆ จะกระตุ้นสมองคนฟังคนละส่วนกัน และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ดื่มรับรู้รสชาติของไวน์สอดคล้องกับแนวเพลงที่ได้ยิน
ตัวอย่างเช่น เมื่อผลงานทรงพลังของคาร์มินา บูรานาถูกเปิด ผู้ดื่มจะรู้สึกว่ากาเบอร์เนต์ ซอวิญงแรงและเข้มข้นขึ้นกว่าตอนที่ไม่ได้ฟังเพลงของศิลปินผู้นี้ถึง 60%
ศาสตราจารย์เอเดรียน นอร์ต ผู้นำการวิจัย บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า ดนตรีมีผลต่อประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆ และทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยน
แนวคิดในการศึกษานี้มาจากออเรลิโอ มองเตส ผู้ผลิตไวน์จากชิลี ที่มักเล่นเพลงร้องยุคกลางขับกล่อมไวน์ที่กำลังอยู่ระหว่างการหมักบ่ม โดยให้เหตุผลว่าเสียงพริ้วไหวของตัวโน้ตช่วยยกระดับคุณภาพของไวน์ได้
“ผมได้แรงบันดาลใจจากมองเตส และต้องการค้นหาว่าเพลงมีอิทธิพลกับรสชาติของไวน์จริงหรือไม่” นอร์ต หัวหน้าแผนกจิตวิทยาประยุกต์ของมหาวิทยาลัยแฮเรียต วัตต์ เล่า
เดวิด วิลเลียมส์ บรรณาธิการนิตยสารไวน์ แอนด์ สปิริต สำทับว่า “ผมชอบไอเดียที่ว่าเพลงมีผลอย่างมากต่อรสชาติไวน์ รวมทั้งการที่คนในวงการไวน์อาจนำข้อมูลนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์
“วันหนึ่ง เราอาจเห็นแคมเปญซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง แต่เป็นไวน์ 1 ขวดกับซีดีโมสาร์ต”
นักวิจัยสก็อตต์ให้รายละเอียดของเพลงที่เข้ากันได้ดีกับไวน์ตระกูลต่างๆ ดังนี้
- กาเบอร์เนต์ ซอวิญง: ‘ออล อะลอง เดอะ วอตช์เทาเวอร์’ ของจิมิ เฮนดริกซ์, ‘ฮองกี้ ทองก์ วูแมน’ ของเดอะ โรลลิง สโตนส์, ‘ลีฟ แอนด์ เล็ต ดาย’ ของเดอะ บีตเทิลส์, ‘โวนต์ เก็ต ฟูล อะเกน’ ของเดอะ ฮู
- ชาร์ดอนเน: ‘อะตอมมิก’ ของบลอนดี้, ‘ร็อค ดีเจ’ ของร็อบบี้ วิลเลียมส์, ‘วอตส์ เลิฟ ก็อต ทู ดู วิต อิต’ ของทีนา เทอร์เนอร์, ‘สะปินนิง อะราวด์’ ของไคลี มิน็อก
- ซีราห์: ‘เนสซัน ดอร์มา’ ของปุชชินี ที่ร้องโดยลูเซียโน พาวาร็อตติ, ‘ออริโนโก โฟลว์’ ของเอนยา, ‘แชเรียตส์ ออฟ ไฟร์’ ของแวนเจลิส, ‘แคนนอน’ ของโยฮันน์ พาเคลเบล
- เมอร์โลต์: ‘ซิตติง ออน เดอะ ด็อค ออฟ เดอะ เบย์’ ของโอติส เรดดิง, ‘อิซี่’ ของไลโอเนล ริชชี, ‘โอเวอร์ เดอะ เรนโบว์’ ของอีวา แคสสิดี, ‘ฮาร์ตบีทส์’ ของโฆเซ กอนซาเลซ
การวิจัยที่เกิดจากการร่วมมือระหว่างนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแฮเรียต-วัตต์ในเอดินเบิร์ก สก็อตแลนด์ กับผู้ผลิตไวน์ชิลี ระบุว่าเพลงเฮฟวีร็อคอย่างเช่นผลงานของจิมี เฮนดริกซ์ หรือเดอะ โรลลิง สโตนส์ ไปกันได้ดีกับกาเบอร์เนต์ ซอวิญง ขณะที่โอเปราน่าจะเหมาะกับซีราห์
รายงานสำทับว่า ดนตรีแนวต่างๆ จะกระตุ้นสมองคนฟังคนละส่วนกัน และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ดื่มรับรู้รสชาติของไวน์สอดคล้องกับแนวเพลงที่ได้ยิน
ตัวอย่างเช่น เมื่อผลงานทรงพลังของคาร์มินา บูรานาถูกเปิด ผู้ดื่มจะรู้สึกว่ากาเบอร์เนต์ ซอวิญงแรงและเข้มข้นขึ้นกว่าตอนที่ไม่ได้ฟังเพลงของศิลปินผู้นี้ถึง 60%
ศาสตราจารย์เอเดรียน นอร์ต ผู้นำการวิจัย บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า ดนตรีมีผลต่อประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆ และทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยน
แนวคิดในการศึกษานี้มาจากออเรลิโอ มองเตส ผู้ผลิตไวน์จากชิลี ที่มักเล่นเพลงร้องยุคกลางขับกล่อมไวน์ที่กำลังอยู่ระหว่างการหมักบ่ม โดยให้เหตุผลว่าเสียงพริ้วไหวของตัวโน้ตช่วยยกระดับคุณภาพของไวน์ได้
“ผมได้แรงบันดาลใจจากมองเตส และต้องการค้นหาว่าเพลงมีอิทธิพลกับรสชาติของไวน์จริงหรือไม่” นอร์ต หัวหน้าแผนกจิตวิทยาประยุกต์ของมหาวิทยาลัยแฮเรียต วัตต์ เล่า
เดวิด วิลเลียมส์ บรรณาธิการนิตยสารไวน์ แอนด์ สปิริต สำทับว่า “ผมชอบไอเดียที่ว่าเพลงมีผลอย่างมากต่อรสชาติไวน์ รวมทั้งการที่คนในวงการไวน์อาจนำข้อมูลนี้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์
“วันหนึ่ง เราอาจเห็นแคมเปญซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง แต่เป็นไวน์ 1 ขวดกับซีดีโมสาร์ต”
นักวิจัยสก็อตต์ให้รายละเอียดของเพลงที่เข้ากันได้ดีกับไวน์ตระกูลต่างๆ ดังนี้
- กาเบอร์เนต์ ซอวิญง: ‘ออล อะลอง เดอะ วอตช์เทาเวอร์’ ของจิมิ เฮนดริกซ์, ‘ฮองกี้ ทองก์ วูแมน’ ของเดอะ โรลลิง สโตนส์, ‘ลีฟ แอนด์ เล็ต ดาย’ ของเดอะ บีตเทิลส์, ‘โวนต์ เก็ต ฟูล อะเกน’ ของเดอะ ฮู
- ชาร์ดอนเน: ‘อะตอมมิก’ ของบลอนดี้, ‘ร็อค ดีเจ’ ของร็อบบี้ วิลเลียมส์, ‘วอตส์ เลิฟ ก็อต ทู ดู วิต อิต’ ของทีนา เทอร์เนอร์, ‘สะปินนิง อะราวด์’ ของไคลี มิน็อก
- ซีราห์: ‘เนสซัน ดอร์มา’ ของปุชชินี ที่ร้องโดยลูเซียโน พาวาร็อตติ, ‘ออริโนโก โฟลว์’ ของเอนยา, ‘แชเรียตส์ ออฟ ไฟร์’ ของแวนเจลิส, ‘แคนนอน’ ของโยฮันน์ พาเคลเบล
- เมอร์โลต์: ‘ซิตติง ออน เดอะ ด็อค ออฟ เดอะ เบย์’ ของโอติส เรดดิง, ‘อิซี่’ ของไลโอเนล ริชชี, ‘โอเวอร์ เดอะ เรนโบว์’ ของอีวา แคสสิดี, ‘ฮาร์ตบีทส์’ ของโฆเซ กอนซาเลซ