"ตำรวจบุรีรัมย์" สั่งตามประกบกลุ่มทำไสยศาสตร์ในพื้นที่ทั้ง "บุรีรัมย์" และ "สุรินทร์" สงสัยทุบทำลาย "พนมรุ้ง" พร้อมตั้งรางวัลนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส 5 หมื่นบาท ด้าน "หมอไสยเวทเขมร" ชื่อดังเชื่อมีผู้มีอำนาจ "ผู้บงการ" สั่งผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์ทำมุ่งหวังทำลายพลังอำนาจของบ้านเมืองให้เกิดความเสื่อมหรือเกิดการเปลี่ยนแปลง "พระราชครูวามเทพมุนี" ชี้ผู้ก่อเหตุทำลายเทวสถานและเทวรูปในปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นผู้ก่อบาปในศาสนาและจะได้รับผลแห่งการกระทำ"โหรบุญเลิศ" ชี้เป็นจุดเริ่มต้นความรุนแรงในพื้นที่ภาคอีสาน ระบุอาจถูกภัยธรรมชาติทำลาย ขณะที่"เทพมนตรี"เผย"เนวิน" เคยมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ "ทักษิณ" ที่พนมรุ้งมาแล้ว
วานนี้ (21 พ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ สุขะตุงคะ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ระบุถึงการสืบสวนสอบสวนกรณีคนร้ายบุกขึ้นไปทำพิธีกรรมก่อนทุบทำลายปากและเศียรเทวรูป องค์เทพบริวารที่ปกปักษ์รักษาปราสาทพนมรุ้งว่า ขณะนี้ได้เรียกสอบพยานแวดล้อม และหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งเพิ่มเติมได้ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนคืบหน้าเป็นอย่างมาก จากผลสอบมุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งของบุคคลภายใน แต่ยังไม่ทิ้งประเด็นกลุ่มหมอไสยศาสตร์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านคุณไสย ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้บริเวณปราสาทพนมรุ้ง ในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยสังเกตจากพฤติกรรมการก่อเหตุจะเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์ อาจถูกว่าจ้างหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
"ขณะนี้ได้ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มผู้ทำไสยศาสตร์มากที่สุด เนื่องจากลักษณะการก่อเหตุมีการจงใจทุบทำลายเฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญและจัดเครื่องเซ่นไหว้เป็นลักษณะไสยศาสตร์เขมรโบราณ คาดว่าจะเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านนี้เป็นพิเศษ ซึ่งได้จัดกำลังตำรวจติดตามความเคลื่อนไหวทั้งกลุ่มในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยได้เบาะแสจากซองยาเส้นที่นำมามวนบุหรี่เซ่นไหว้ ที่ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุเป็นซองยาเส้นยี่ห้อ "ระบำลาติน" ทราบแหล่งขายส่งแล้วอยู่ใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และมีขายหลายร้านในเขตใกล้ปราสาทพนมรุ้ง
นอกจากนี้ ยังเก็บลายนิ้วมือแฝงได้จากมวนบุหรี่ แก้วน้ำ และซองยาเส้น โดยจะนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งสันนิษฐานว่ากลุ่มเหล่านี้อาจได้รับการจ้างวานจากบุคคลบางกลุ่ม อาจเป็นกลุ่มการเมือง กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ หรือจากความขัดแย้งภายในอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เพราะการกระทำดังกล่าวมีลักษณะความเชื่อว่า เป็นการทำลายพลังศักดิ์สิทธิ์และสิ่งลี้ลับ โดยได้ตั้งรางวัลนำจับให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส 5 หมื่นบาทด้วย" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว
"หมอเขมร" ชี้มี "ผู้บงการ" สั่งทำลาย
ขณะที่ประชาชนหลายสาขาอาชีพใน จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ท่ามกลางความรู้สึกเศร้าสลดใจ พร้อมประณามสาปแช่งกลุ่มคนร้ายที่บุกขึ้นไปทุบทำลายเศียรนาค และเทวรูป องค์เทพบริวารบนปราสาทพนมรุ้ง จนได้รับความเสียหายอันประเมินค่าไม่ได้ เพราะส่งผลกระทบต่อจิตใจชาว จ.บุรีรัมย์ และประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก
นายเสรี พงษ์พณิช ชาวบุรีรัมย์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นพิธีกรรมทางความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่น่าจะไปทุบทำลายเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบุรีรัมย์และประชาชนชาวไทยให้ความเคารพนับถือ จึงขอประณามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ และมั่นใจคนร้ายจะได้รับผลกรรมตามทันในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
ด้านนายปั่น เรืองไพศาล อายุ 92 ปี ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์เวทมนต์เขมรชื่อดังของ จ.บุรีรัมย์ และยังเป็นหมอแก้มนต์ดำและปลุกเสกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้นักการเมืองชื่อดังหลายคน กล่าวว่า ไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้กระทำประสงค์สิ่งใด โดยปกติผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์จะไม่กระทำเช่นนี้ แต่จะทำการบูชาเทพด้วยความเคารพ ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นการแก้เคล็ด เพราะหากแก้เคล็ดหรือแก้มนต์ดำก็จะบูชาเทพไม่ทุบทำลาย
"เชื่อว่าผู้ที่กระทำอาจมีผู้มีอำนาจบงการอยู่เบื้องหลัง มุ่งทำลายพลังอำนาจและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบุรีรัมย์ และของบ้านเมืองเพื่อให้เกิดความเสื่อมในพลังอำนาจ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจากการกระทำเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านไสยเวท เพราะมีการทำพิธีขอขมาก่อนลงมือทุบทำลาย" นายปั่น กล่าว
กรมศิลป์ฯ ชี้ซ่อมเสร้จไม่เกิน 1 เดือน
นายดุสิต ทุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมประชุมวางแผนเพื่อบูรณะซ่อมแซมปราสาทพนมรุ้งส่วนที่เสียหาย โดยนายช่างศิลปกรรมของอุทยานฯ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบเศียรนาคจำลอง จะเป็นผู้บูรณะโดยขณะนี้อยู่ในขั้นจัดหาและเตรียมวัสดุโดยใช้หินทรายเทียม ซึ่งจะเริ่มซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายมากก่อนทั้ง แขนทวารบาล ส่วนหัวของโคนนทิ และหัวสิงห์ ก่อนจะซ่อมแซมส่วนปากของเศียรพญานาค โดยคาดว่าใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 1 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ
ด้านนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากรายงานที่ได้รับมีการบุกรุกและทำความเสียหายให้กับรูปปั้นต่างๆ เช่น ปากนาค หรือทวารบาล สำหรับการซ่อมแซมนั้นสามารถซ่อมคืนให้เหมือนเดิมได้ ซึ่งจะซ่อมโดยการทำพิมพ์หรือหล่อพิมพ์ เอาอิฐและเศษหินทั้งหมดบดแล้วทำแบบหล่อผสมปูนเล็กน้อยเพื่อซ่อมคืนสภาพเดิมที่เสียหายไป ใช้เวลาไม่นาน ไม่เกิน 1 เดือนแล้วเสร็จ
ชี้กรรมจะตามสนองมนุษย์มือบาป
ด้าน พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์ประจำเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กล่าวถึงกรณีการทำลายเทวรูป และศิวลึงค์ที่ปราสาทหินพนมรุ้งว่า การกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะมีเจตนาใดแอบแฝง ถือว่าเป็นการไม่เคารพ เป็นการก่อบาปในศาสนา และจะได้รับผลของการกระทำนั้น เพราะได้ก่อให้เกิดความเสียใจและไม่สบายใจแก่คนที่พบเห็น
อีกทั้งรูปปั้น รูปเคารพดังกล่าวก็เป็นตัวแทนการระลึกถึงคุณความดีของพระเป็นเจ้าที่ก่อสร้างด้วยจิตที่เป็นกุศล มีผู้คนที่มีจิตศรัทธากราบสักการะนานนับพันปี ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่กระทำการเช่นนี้ไม่ใช่คนในพื้นที่ที่ให้ความนับถือ และไม่ใช่คนในศาสนิก จึงอยากให้ทางภาครัฐเพิ่มการตรวจยามถี่มากขึ้น และให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา
พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวต่อว่า การสร้างปราสาทหินพนมรุ้งเปรียบเสมือนกับการสร้างวัดในพระพุทธศาสนา เพื่อระลึกและสร้างความดีถวายแด่พระเป็นเจ้า โดยพระศิวะ เป็นเทพประทานพรและจะประทานพรให้แก่ผู้ที่กระทำความดีด้วยใจที่มุ่งมั่น ฉะนั้น การทำลายเทวสถานและเทวรูปเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามหรือด้วยความโกรธ จึงไม่มีผลต่อการสักการะ และเมื่อได้มีการบูรณะเทวรูปและโบราณสถาน ไม่จำเป็นต้องมีการบวงสรวงเทพใหม่ เพราะความดีที่ได้สะสมยังคงอยู่
"ส่วนการสักการะที่ถูกต้องเมื่อถึงโบราณสถานดังกล่าว ผู้มีจิตศรัทธาสามารถสักการะได้ตามปกติ เพียงแต่ให้ระลึกความดีของพระเป็นเจ้า และผู้ที่ก่อสร้างเทวสถานเท่านั้น" พระราชครูวามเทพมุนี กล่าว
ชี้จุดเริ่มต้นความรุนแรงในพื้นที่อีสาน
ทางด้าน ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ว.ฉะเชิงเทรา และนักโหราศาสตร์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เชื่อหลักไสยศาสตร์ จึงไม่ขอออกความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวในหลักความเชื่อ แต่เมื่อมองในมุมของโหราศาสตร์ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สืบเนื่องจากในทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีดาวมฤตยูอันเป็นดาวบาปเคราะห์ ซึ่งเป็นดาวให้โทษประจำอยู่ ประกอบกับทำมุม 90 องศากับดาวมฤตยูจรราศีเมษดวงเมืองของกรุงเทพฯ ผลจากการโคจรของดวงดาว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย และจะเกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่องไปจนกระทั่งถึงปี 2552
"ดาวมฤตยูนี้เป็นดาวให้โทษที่จะทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ลมพัดกระหน่ำ หรือผลกระทบด้านผลผลิตการเกษตร ซึ่งจะมีลักษณะคงจะไม่ต่างจากพม่า หรือจีนเท่าใดนัก เพราะเมื่อดูดวงดาวแล้วก็พบว่าดาวมฤตยูเล็งไปที่ราศีสิงห์ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งพม่าอยู่ในแกนนั้นของโลกพอดี" นักโหราศาสตร์กล่าว
พร้อมให้คำแนะนำว่า ภัยธรรมชาติเป็นภัยที่ยากจะป้องกัน แต่หากตั้งอยู่ในความไม่ประมาทตามหลักคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ระดับความรุนแรงก็จะไม่มาก โดยจะต้องใช้สติในการแก้ปัญหา กรณีของเขาพนมรุ้งก็เกิดจากความประมาท ถ้าหากผู้ดูแลไม่ประมาท ก็จะไม่มีคนมาทำลายได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องไม่ประมาท เพราะการโคจรของดวงดาวเราห้ามไม่ได้ ต้องปล่อยมันไป
ส่วน อ.พิเศษ เจียรจันทร์พงษ์ นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่น่าจะเกิดจากประเด็นความเชื่อรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมากกว่า พร้อมกับปฏิเสธที่จะฟันธงว่ากรณีการทุบศิวลึงค์ ทวารบาล และวัตถุโบราณอื่นๆ ในปราสาทหินพนมรุ้งที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นความเชื่อในประเด็นใดประเด็นหนึ่งอย่างแน่ชัด
"คิดว่าค่อนข้างจะเกิดจากประเด็นความเชื่อ แต่ที่ว่าจะเกิดจากเพราะก่อนหน้านี้เป็นสถานที่ที่เขาเคยใช้ประชุม ครม.สัญจรยุคนายกฯ ทักษิณหรือไม่นั้น ก็เป็นกระแสที่พูดกันไปที่แน่ๆ คือโบราณสถานนี่เป็นสมบัติของชาติ เป็นของโบราณเก่าแก่ที่ทรงคุณค่า ซึ่งน่าเสียดายมากที่ถูกกระทำแบบนี้ เพียงเพราะความเชื่อ ซึ่งพูดได้ว่า เป็นบริบทที่ปัญญาอ่อนมากกับการทุบทำลายวัตถุอันทรงคุณค่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และศักดิ์ศรี เพียงเพราะความเชื่อ" อ.พิเศษกล่าว
เผย "เนวิน" เคยทำพิธีแก้ดวงให้ "แม้ว"
ขณะที่ อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ มองว่าสิ่งที่ถูกทำลายลงไปไม่น่าจะศักดิ์สิทธิ์พอจะนำมวลสารที่ทุบไปทำเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากสิ่งที่ถูกทุบอย่างศิวลึงค์นั้นเป็นของใหม่ที่อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เป็นคนเอาไปวางไว้ไม่นานมานี้ โคนนทินั่นก็ใหม่ ส่วนอย่างอื่นเช่น สิงห์ นาค ก็ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ เขาก็เป็นทวารบาลประจำเทวาลัย เพียงแต่เขาไม่ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะนำไปทำมวลสาร ถ้าจะเอาไปทำมวลสารส่วนใหญ่จะเอาจากผงพระในกรุเก่า
"ก่อนหน้านี้เคยมีการอนุญาตให้นายเนวิน ชิดชอบ และพราหมณ์อินเดียมาทำพิธีกรรมในปราสาทหินพนมรุ้ง เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมคิดว่าควรจะเลิกอนุญาตให้ทุกคนไม่ว่าใครหรือใหญ่แค่ไหนน่าจะดีที่สุด"อ.เทพมนตรี ให้ความเห็น
วานนี้ (21 พ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ สุขะตุงคะ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ระบุถึงการสืบสวนสอบสวนกรณีคนร้ายบุกขึ้นไปทำพิธีกรรมก่อนทุบทำลายปากและเศียรเทวรูป องค์เทพบริวารที่ปกปักษ์รักษาปราสาทพนมรุ้งว่า ขณะนี้ได้เรียกสอบพยานแวดล้อม และหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งเพิ่มเติมได้ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวนคืบหน้าเป็นอย่างมาก จากผลสอบมุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งของบุคคลภายใน แต่ยังไม่ทิ้งประเด็นกลุ่มหมอไสยศาสตร์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านคุณไสย ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้บริเวณปราสาทพนมรุ้ง ในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยสังเกตจากพฤติกรรมการก่อเหตุจะเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์ อาจถูกว่าจ้างหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
"ขณะนี้ได้ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มผู้ทำไสยศาสตร์มากที่สุด เนื่องจากลักษณะการก่อเหตุมีการจงใจทุบทำลายเฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญและจัดเครื่องเซ่นไหว้เป็นลักษณะไสยศาสตร์เขมรโบราณ คาดว่าจะเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านนี้เป็นพิเศษ ซึ่งได้จัดกำลังตำรวจติดตามความเคลื่อนไหวทั้งกลุ่มในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยได้เบาะแสจากซองยาเส้นที่นำมามวนบุหรี่เซ่นไหว้ ที่ถูกทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุเป็นซองยาเส้นยี่ห้อ "ระบำลาติน" ทราบแหล่งขายส่งแล้วอยู่ใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ และมีขายหลายร้านในเขตใกล้ปราสาทพนมรุ้ง
นอกจากนี้ ยังเก็บลายนิ้วมือแฝงได้จากมวนบุหรี่ แก้วน้ำ และซองยาเส้น โดยจะนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งสันนิษฐานว่ากลุ่มเหล่านี้อาจได้รับการจ้างวานจากบุคคลบางกลุ่ม อาจเป็นกลุ่มการเมือง กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ หรือจากความขัดแย้งภายในอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เพราะการกระทำดังกล่าวมีลักษณะความเชื่อว่า เป็นการทำลายพลังศักดิ์สิทธิ์และสิ่งลี้ลับ โดยได้ตั้งรางวัลนำจับให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส 5 หมื่นบาทด้วย" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว
"หมอเขมร" ชี้มี "ผู้บงการ" สั่งทำลาย
ขณะที่ประชาชนหลายสาขาอาชีพใน จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ท่ามกลางความรู้สึกเศร้าสลดใจ พร้อมประณามสาปแช่งกลุ่มคนร้ายที่บุกขึ้นไปทุบทำลายเศียรนาค และเทวรูป องค์เทพบริวารบนปราสาทพนมรุ้ง จนได้รับความเสียหายอันประเมินค่าไม่ได้ เพราะส่งผลกระทบต่อจิตใจชาว จ.บุรีรัมย์ และประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก
นายเสรี พงษ์พณิช ชาวบุรีรัมย์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นพิธีกรรมทางความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่น่าจะไปทุบทำลายเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบุรีรัมย์และประชาชนชาวไทยให้ความเคารพนับถือ จึงขอประณามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ และมั่นใจคนร้ายจะได้รับผลกรรมตามทันในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
ด้านนายปั่น เรืองไพศาล อายุ 92 ปี ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์เวทมนต์เขมรชื่อดังของ จ.บุรีรัมย์ และยังเป็นหมอแก้มนต์ดำและปลุกเสกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้นักการเมืองชื่อดังหลายคน กล่าวว่า ไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้กระทำประสงค์สิ่งใด โดยปกติผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์จะไม่กระทำเช่นนี้ แต่จะทำการบูชาเทพด้วยความเคารพ ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นการแก้เคล็ด เพราะหากแก้เคล็ดหรือแก้มนต์ดำก็จะบูชาเทพไม่ทุบทำลาย
"เชื่อว่าผู้ที่กระทำอาจมีผู้มีอำนาจบงการอยู่เบื้องหลัง มุ่งทำลายพลังอำนาจและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบุรีรัมย์ และของบ้านเมืองเพื่อให้เกิดความเสื่อมในพลังอำนาจ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจากการกระทำเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านไสยเวท เพราะมีการทำพิธีขอขมาก่อนลงมือทุบทำลาย" นายปั่น กล่าว
กรมศิลป์ฯ ชี้ซ่อมเสร้จไม่เกิน 1 เดือน
นายดุสิต ทุมมากรณ์ หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมประชุมวางแผนเพื่อบูรณะซ่อมแซมปราสาทพนมรุ้งส่วนที่เสียหาย โดยนายช่างศิลปกรรมของอุทยานฯ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบเศียรนาคจำลอง จะเป็นผู้บูรณะโดยขณะนี้อยู่ในขั้นจัดหาและเตรียมวัสดุโดยใช้หินทรายเทียม ซึ่งจะเริ่มซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายมากก่อนทั้ง แขนทวารบาล ส่วนหัวของโคนนทิ และหัวสิงห์ ก่อนจะซ่อมแซมส่วนปากของเศียรพญานาค โดยคาดว่าใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 1 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ
ด้านนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากรายงานที่ได้รับมีการบุกรุกและทำความเสียหายให้กับรูปปั้นต่างๆ เช่น ปากนาค หรือทวารบาล สำหรับการซ่อมแซมนั้นสามารถซ่อมคืนให้เหมือนเดิมได้ ซึ่งจะซ่อมโดยการทำพิมพ์หรือหล่อพิมพ์ เอาอิฐและเศษหินทั้งหมดบดแล้วทำแบบหล่อผสมปูนเล็กน้อยเพื่อซ่อมคืนสภาพเดิมที่เสียหายไป ใช้เวลาไม่นาน ไม่เกิน 1 เดือนแล้วเสร็จ
ชี้กรรมจะตามสนองมนุษย์มือบาป
ด้าน พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์ประจำเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กล่าวถึงกรณีการทำลายเทวรูป และศิวลึงค์ที่ปราสาทหินพนมรุ้งว่า การกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะมีเจตนาใดแอบแฝง ถือว่าเป็นการไม่เคารพ เป็นการก่อบาปในศาสนา และจะได้รับผลของการกระทำนั้น เพราะได้ก่อให้เกิดความเสียใจและไม่สบายใจแก่คนที่พบเห็น
อีกทั้งรูปปั้น รูปเคารพดังกล่าวก็เป็นตัวแทนการระลึกถึงคุณความดีของพระเป็นเจ้าที่ก่อสร้างด้วยจิตที่เป็นกุศล มีผู้คนที่มีจิตศรัทธากราบสักการะนานนับพันปี ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่กระทำการเช่นนี้ไม่ใช่คนในพื้นที่ที่ให้ความนับถือ และไม่ใช่คนในศาสนิก จึงอยากให้ทางภาครัฐเพิ่มการตรวจยามถี่มากขึ้น และให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา
พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวต่อว่า การสร้างปราสาทหินพนมรุ้งเปรียบเสมือนกับการสร้างวัดในพระพุทธศาสนา เพื่อระลึกและสร้างความดีถวายแด่พระเป็นเจ้า โดยพระศิวะ เป็นเทพประทานพรและจะประทานพรให้แก่ผู้ที่กระทำความดีด้วยใจที่มุ่งมั่น ฉะนั้น การทำลายเทวสถานและเทวรูปเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามหรือด้วยความโกรธ จึงไม่มีผลต่อการสักการะ และเมื่อได้มีการบูรณะเทวรูปและโบราณสถาน ไม่จำเป็นต้องมีการบวงสรวงเทพใหม่ เพราะความดีที่ได้สะสมยังคงอยู่
"ส่วนการสักการะที่ถูกต้องเมื่อถึงโบราณสถานดังกล่าว ผู้มีจิตศรัทธาสามารถสักการะได้ตามปกติ เพียงแต่ให้ระลึกความดีของพระเป็นเจ้า และผู้ที่ก่อสร้างเทวสถานเท่านั้น" พระราชครูวามเทพมุนี กล่าว
ชี้จุดเริ่มต้นความรุนแรงในพื้นที่อีสาน
ทางด้าน ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ว.ฉะเชิงเทรา และนักโหราศาสตร์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เชื่อหลักไสยศาสตร์ จึงไม่ขอออกความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวในหลักความเชื่อ แต่เมื่อมองในมุมของโหราศาสตร์ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สืบเนื่องจากในทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีดาวมฤตยูอันเป็นดาวบาปเคราะห์ ซึ่งเป็นดาวให้โทษประจำอยู่ ประกอบกับทำมุม 90 องศากับดาวมฤตยูจรราศีเมษดวงเมืองของกรุงเทพฯ ผลจากการโคจรของดวงดาว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย และจะเกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่องไปจนกระทั่งถึงปี 2552
"ดาวมฤตยูนี้เป็นดาวให้โทษที่จะทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว ลมพัดกระหน่ำ หรือผลกระทบด้านผลผลิตการเกษตร ซึ่งจะมีลักษณะคงจะไม่ต่างจากพม่า หรือจีนเท่าใดนัก เพราะเมื่อดูดวงดาวแล้วก็พบว่าดาวมฤตยูเล็งไปที่ราศีสิงห์ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งพม่าอยู่ในแกนนั้นของโลกพอดี" นักโหราศาสตร์กล่าว
พร้อมให้คำแนะนำว่า ภัยธรรมชาติเป็นภัยที่ยากจะป้องกัน แต่หากตั้งอยู่ในความไม่ประมาทตามหลักคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ระดับความรุนแรงก็จะไม่มาก โดยจะต้องใช้สติในการแก้ปัญหา กรณีของเขาพนมรุ้งก็เกิดจากความประมาท ถ้าหากผู้ดูแลไม่ประมาท ก็จะไม่มีคนมาทำลายได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ต้องไม่ประมาท เพราะการโคจรของดวงดาวเราห้ามไม่ได้ ต้องปล่อยมันไป
ส่วน อ.พิเศษ เจียรจันทร์พงษ์ นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกับความขัดแย้ง แต่น่าจะเกิดจากประเด็นความเชื่อรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมากกว่า พร้อมกับปฏิเสธที่จะฟันธงว่ากรณีการทุบศิวลึงค์ ทวารบาล และวัตถุโบราณอื่นๆ ในปราสาทหินพนมรุ้งที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นความเชื่อในประเด็นใดประเด็นหนึ่งอย่างแน่ชัด
"คิดว่าค่อนข้างจะเกิดจากประเด็นความเชื่อ แต่ที่ว่าจะเกิดจากเพราะก่อนหน้านี้เป็นสถานที่ที่เขาเคยใช้ประชุม ครม.สัญจรยุคนายกฯ ทักษิณหรือไม่นั้น ก็เป็นกระแสที่พูดกันไปที่แน่ๆ คือโบราณสถานนี่เป็นสมบัติของชาติ เป็นของโบราณเก่าแก่ที่ทรงคุณค่า ซึ่งน่าเสียดายมากที่ถูกกระทำแบบนี้ เพียงเพราะความเชื่อ ซึ่งพูดได้ว่า เป็นบริบทที่ปัญญาอ่อนมากกับการทุบทำลายวัตถุอันทรงคุณค่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และศักดิ์ศรี เพียงเพราะความเชื่อ" อ.พิเศษกล่าว
เผย "เนวิน" เคยทำพิธีแก้ดวงให้ "แม้ว"
ขณะที่ อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ มองว่าสิ่งที่ถูกทำลายลงไปไม่น่าจะศักดิ์สิทธิ์พอจะนำมวลสารที่ทุบไปทำเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากสิ่งที่ถูกทุบอย่างศิวลึงค์นั้นเป็นของใหม่ที่อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์เป็นคนเอาไปวางไว้ไม่นานมานี้ โคนนทินั่นก็ใหม่ ส่วนอย่างอื่นเช่น สิงห์ นาค ก็ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ เขาก็เป็นทวารบาลประจำเทวาลัย เพียงแต่เขาไม่ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะนำไปทำมวลสาร ถ้าจะเอาไปทำมวลสารส่วนใหญ่จะเอาจากผงพระในกรุเก่า
"ก่อนหน้านี้เคยมีการอนุญาตให้นายเนวิน ชิดชอบ และพราหมณ์อินเดียมาทำพิธีกรรมในปราสาทหินพนมรุ้ง เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมคิดว่าควรจะเลิกอนุญาตให้ทุกคนไม่ว่าใครหรือใหญ่แค่ไหนน่าจะดีที่สุด"อ.เทพมนตรี ให้ความเห็น
