๐๐ ถึงปากจะบอกว่า “ไม่ผิด” แต่ “สมัคร สุนทรเวช” คงจะหวั่นไหวพอสมควร กับ
ข้อกล่าวหาที่ว่าการทำรายการ “ชิมไปบ่นไป” อาจจะทำให้เขาต้องขาดคุณสมบัติการ
เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้รายการแนวทำอาหารที่นายกฯ วัย 73 มีความเชี่ยวชาญ และ
รับบทเป็นพิธีกรมาหลายปี ต้องหยุดออกอากาศทางช่อง 5 ตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับรายการ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ทางช่อง 3 ที่มีรูปแบบเนื้อหาคล้ายๆ กัน
พิธีกรคนเดียวกัน ก็หยุดออกอากาศไปตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์
๐๐ ประเด็นปัญหานี้ อาจจะทำให้ “สมัคร สุนทรเวช” ต้องตายน้ำตื้น หลังจากที่ก่อน
หน้านี้ เจอข้อกล่าวหาเรื่องขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพ้นจาก
ตำแหน่ง ส.ว.ไม่เกิน 2 ปี และกรณีต้องคำพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญาในคดี
หมิ่นประมาท แต่ กกต.ก็มีมติ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาให้ยกคำร้อง เนื่องจากข้อหา
แรก กกต.ชี้ว่ามีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญยกเว้นเอาไว้ ส่วนข้อหาที่ 2 กกต.
วินิจฉัยว่า ต้องหมายถึงการจำคุกจริง และต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
๐๐ มติ 2 กรณีแรกทำให้นายกฯ คนที่ 26 โล่งอก แต่แล้วกลับมีกรณีที่มีคนร้องเรียนว่า
การที่นายสมัคร ทำรายการ“ชิมไปบ่นไป” อาจทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายก
รัฐมนตรี เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 267 ได้ห้ามนายกรัฐมนตรี “..ดำรงตำแหน่ง
ใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มา
แบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย” และ กกต.ได้มีมติตั้งแต่วันที่ 14
พ.ค. ให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคณะที่ 14 ที่มี พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ
อดีตกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นประธาน ไปสอบสวนข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน
เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของ กกต. ถ้าเป็นไปตามกำหนด ราววันที่ 29 พ.ค.ก็น่าจะรู้
ผลว่า “สมัคร สุนทรเวช” จะต้องกลับไปจัดรายการทำอาหารเพียงอย่างเดียว หรือ จะ
สามารถทำรายการไปด้วย เป็นนายกฯ ไปด้วยได้
๐๐ “สมัคร สุนทรเวช” ชี้แจงผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เช้าวันอาทิตย์ที่ผ่าน
มา โดบ้ยให้เป็นเรื่องของขบวนการที่ “เอานายสมัครออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
อ้างว่า เคยปรึกษานักกฎหมายชั้นยอดในประเด็นนี้แล้ว สรุปออกมาว่า ไม่มีปัญหา
เพราะการทำรายการทีวีเป็นการ “รับจ้าง” ไม่ใช่ “ลูกจ้าง” ซึ่งนี่เป็นคำชี้แจงที่นาย
สมัครจะนำไปยื่นต่อ กกต.ต่อไป ส่วน คำชี้แจงในลักษณะ “เล่นคำ”แบบนี้ จะฟังขึ้น
หรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของ กกต. และถ้าดูบริบทของมาตรา 267 จะเห็นว่า อยู่ในหมวด
“การกระทำซึ่งเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์” เพราะฉะนั้น ประเด็นหลักที่จะต้อง
พิจารณาก็คือ การที่นายกฯ ไปจัดรายการทางโทรทัศน์ ซึ่งมีรายได้ตอบแทน จะเข้าข่าย
“ขัดกันแห่งผลประโยชน์” หรือไม่
๐๐ “ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง” ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชาชน ออกมาให้ความเห็น
กรณี “จักรภพ เพ็ญแข” แสดงปาฐกถาหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยเรียก
ร้องให้ “รมต.ปากสวย” ชี้แจงกรณีดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และถ้าชี้แจงแล้ว
สังคมยังมีข้อสงสัย ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้นำไปสู่เงื่อนไข “ปฏิวัติ”
แต่ดูเหมือนว่า ข้อเสนอของโฆษกพรรค กลับถูกสมาชิกพรรคหลายคนออกมาสวน
กลับว่า ไม่ใช่มติของพรรค
๐๐ “สุนัย จุลพงศธร” สวนอย่างแรง อ้างว่า ส.ส.ในพรรค อึดอัดกับการวางตัวและคำ
พูดของ ร.ท.กุเทพ เพราะ ส.ส.ในพรรคไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้ แถมโยน “กรณีจักรภพ”
ว่าเป็นแผนโจมตีทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ รมต.ปากสวยจะทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าว
หา ขณะที่ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ในฐานะอดีตแกนนำ นปก. สวนเบาะๆ ว่า เป็นความ
เห็นของ ร.ท.กุเทพเพียงคนเดียว ส่วนตัวเขาเองยังเชื่อมั่น “คู่หูหลังคารถ” อย่างเต็ม
ร้อยว่า บริสุทธิ์
๐๐ กระแสภายในพรรค ดูเหมือนจะอุ้ม “จักรภพ” และไม่พอใจ ร.ท.กุเทพ ที่พูดเพื่อ
ภาพของตัวเองฝ่ายเดียว ไม่ได้พูดเพื่อพวกพ้อง แต่หากมองกระแสข่าวการ“ฆ่าตัด
ตอน” ที่อบอวลมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าคนในพรรค “พลังแม้ว”น่าจะรู้ความ
ต้องการของ “นายใหญ่”เป็นอย่างดี การที่หลายคนออกมาปกป้อง “จักรภพ เพ็ญแข”
ก็คงเป็นแค่การปลอบใจเพื่อน ไม่ให้เจ็บปวดเกินไปเท่านั้น
ข้อกล่าวหาที่ว่าการทำรายการ “ชิมไปบ่นไป” อาจจะทำให้เขาต้องขาดคุณสมบัติการ
เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้รายการแนวทำอาหารที่นายกฯ วัย 73 มีความเชี่ยวชาญ และ
รับบทเป็นพิธีกรมาหลายปี ต้องหยุดออกอากาศทางช่อง 5 ตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับรายการ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ทางช่อง 3 ที่มีรูปแบบเนื้อหาคล้ายๆ กัน
พิธีกรคนเดียวกัน ก็หยุดออกอากาศไปตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์
๐๐ ประเด็นปัญหานี้ อาจจะทำให้ “สมัคร สุนทรเวช” ต้องตายน้ำตื้น หลังจากที่ก่อน
หน้านี้ เจอข้อกล่าวหาเรื่องขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพ้นจาก
ตำแหน่ง ส.ว.ไม่เกิน 2 ปี และกรณีต้องคำพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญาในคดี
หมิ่นประมาท แต่ กกต.ก็มีมติ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาให้ยกคำร้อง เนื่องจากข้อหา
แรก กกต.ชี้ว่ามีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญยกเว้นเอาไว้ ส่วนข้อหาที่ 2 กกต.
วินิจฉัยว่า ต้องหมายถึงการจำคุกจริง และต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
๐๐ มติ 2 กรณีแรกทำให้นายกฯ คนที่ 26 โล่งอก แต่แล้วกลับมีกรณีที่มีคนร้องเรียนว่า
การที่นายสมัคร ทำรายการ“ชิมไปบ่นไป” อาจทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายก
รัฐมนตรี เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 267 ได้ห้ามนายกรัฐมนตรี “..ดำรงตำแหน่ง
ใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มา
แบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย” และ กกต.ได้มีมติตั้งแต่วันที่ 14
พ.ค. ให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคณะที่ 14 ที่มี พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ
อดีตกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นประธาน ไปสอบสวนข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน
เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของ กกต. ถ้าเป็นไปตามกำหนด ราววันที่ 29 พ.ค.ก็น่าจะรู้
ผลว่า “สมัคร สุนทรเวช” จะต้องกลับไปจัดรายการทำอาหารเพียงอย่างเดียว หรือ จะ
สามารถทำรายการไปด้วย เป็นนายกฯ ไปด้วยได้
๐๐ “สมัคร สุนทรเวช” ชี้แจงผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เช้าวันอาทิตย์ที่ผ่าน
มา โดบ้ยให้เป็นเรื่องของขบวนการที่ “เอานายสมัครออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
อ้างว่า เคยปรึกษานักกฎหมายชั้นยอดในประเด็นนี้แล้ว สรุปออกมาว่า ไม่มีปัญหา
เพราะการทำรายการทีวีเป็นการ “รับจ้าง” ไม่ใช่ “ลูกจ้าง” ซึ่งนี่เป็นคำชี้แจงที่นาย
สมัครจะนำไปยื่นต่อ กกต.ต่อไป ส่วน คำชี้แจงในลักษณะ “เล่นคำ”แบบนี้ จะฟังขึ้น
หรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของ กกต. และถ้าดูบริบทของมาตรา 267 จะเห็นว่า อยู่ในหมวด
“การกระทำซึ่งเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์” เพราะฉะนั้น ประเด็นหลักที่จะต้อง
พิจารณาก็คือ การที่นายกฯ ไปจัดรายการทางโทรทัศน์ ซึ่งมีรายได้ตอบแทน จะเข้าข่าย
“ขัดกันแห่งผลประโยชน์” หรือไม่
๐๐ “ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง” ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชาชน ออกมาให้ความเห็น
กรณี “จักรภพ เพ็ญแข” แสดงปาฐกถาหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยเรียก
ร้องให้ “รมต.ปากสวย” ชี้แจงกรณีดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และถ้าชี้แจงแล้ว
สังคมยังมีข้อสงสัย ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพื่อไม่ให้นำไปสู่เงื่อนไข “ปฏิวัติ”
แต่ดูเหมือนว่า ข้อเสนอของโฆษกพรรค กลับถูกสมาชิกพรรคหลายคนออกมาสวน
กลับว่า ไม่ใช่มติของพรรค
๐๐ “สุนัย จุลพงศธร” สวนอย่างแรง อ้างว่า ส.ส.ในพรรค อึดอัดกับการวางตัวและคำ
พูดของ ร.ท.กุเทพ เพราะ ส.ส.ในพรรคไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้ แถมโยน “กรณีจักรภพ”
ว่าเป็นแผนโจมตีทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ รมต.ปากสวยจะทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าว
หา ขณะที่ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ในฐานะอดีตแกนนำ นปก. สวนเบาะๆ ว่า เป็นความ
เห็นของ ร.ท.กุเทพเพียงคนเดียว ส่วนตัวเขาเองยังเชื่อมั่น “คู่หูหลังคารถ” อย่างเต็ม
ร้อยว่า บริสุทธิ์
๐๐ กระแสภายในพรรค ดูเหมือนจะอุ้ม “จักรภพ” และไม่พอใจ ร.ท.กุเทพ ที่พูดเพื่อ
ภาพของตัวเองฝ่ายเดียว ไม่ได้พูดเพื่อพวกพ้อง แต่หากมองกระแสข่าวการ“ฆ่าตัด
ตอน” ที่อบอวลมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าคนในพรรค “พลังแม้ว”น่าจะรู้ความ
ต้องการของ “นายใหญ่”เป็นอย่างดี การที่หลายคนออกมาปกป้อง “จักรภพ เพ็ญแข”
ก็คงเป็นแค่การปลอบใจเพื่อน ไม่ให้เจ็บปวดเกินไปเท่านั้น
