xs
xsm
sm
md
lg

“ประสงค์” จี้ “หมัก” ขจัดต้นตอเงื่อนไขปฏิวัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประสงค์” เย้ย “หมัก” ผวาข่าวลือปฏิวัติ ต้องเดินสายพบผู้นำเหล่าทัพ เตือนต้องจัดการต้นตอที่ทำเรื่องไม่บังควร อย่าพูดแค่ปากว่าจงรักภักดี แต่ปล่อย รมต.วาจาจาบจ้วงอยู่ร่วมรัฐบาล ย้ำกองทัพเป็นของในหลวงและอยู่ข้างประชาชน เตือนสติ “ปู่ชัย” ทำตัวให้เหมาะสมประมุขนิติบัญญัติ

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางเอเอสทีวี เมื่อเช้าวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา กรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกเดินสายเยี่ยมผู้นำเหล่าทัพเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ถ้าไปเยี่ยมในฐานะที่นายสมัครเป็น รมว.กลาโหม ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่การไปตอนนี้มันผิดสังเกต หลังจากที่มีข่าวลือการปฏิวัติออกมา นั่นแสดงว่านายสมัครเริ่มหวั่นไหว ขณะเดียวกัน ผู้นำเหล่าทัพก็ออกมาพูดเรื่องการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงด้วย แสดงว่ามันต้องมีเงื่อนไขให้เกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า นายสมัครจะดับข่าวลือด้วยวิธีการนี้ไม่ได้ ถ้าจะดับข่าวลือ นายสมัครต้องดับสิ่งไม่บังควรที่เกิดขึ้น ทำให้มันชัดเจนออกมา การที่มีรัฐมนตรีในรัฐบาลไปพูดกับชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และมีคำแปลออกมา ถ้าตนเป็นนายกรัฐมนตรีคงจะทนไมได้ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลแล้วมีคนของตนไปพูดอย่างนี้ในลักษณะที่ต้องการให้เกิดสงครามประชาชน หรือให้การเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย แม้กระทั่งเรื่องธง ไปอ้างแค่ว่าฝรั่งเป็นคนทำแล้วก็จบ ทั้งที่รัฐมนตรีต่างประเทศจะต้องท้วงว่าคุณปล่อยให้คนของคุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร

“ถ้ามีรัฐมนตรีพูดอย่างนี้ แล้วพูดบ่อยครั้งด้วย ตั้งแต่ก่อนเข้ามาก็พูดจาบจ้วง คนเป็นนายกฯ ไม่ควรพูดแค่ว่าตนเป็นคนจงรักภักดี แต่ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง แม้กระทั่งเว็บไซต์ต่างๆ หลังจากไฮ-ทักษิณปิดตัวไปก็มีเว็บใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก คุณแค่ไปพูดแสดงอย่างโน้นแสดงอย่างนี้ มันช่วยอะไรไม่ได้”

น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า กองทัพนั้นถือเป็นกองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเขียนบทบาทกองทัพเอาไว้ชัดเจนว่ามีหน้าที่รักษาความมั่นคงรักษาเอกราช ผลประโยชน์ประเทศชาติ เพราะฉะนั้น กองทัพจึงไม่ใช่กองทัพของนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ที่ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน

“มีรัฐมนตรีที่เรียกผมว่า ไอ้.. หาว่าผมบอกว่ากองทัพยืนอยู่กับพันธมิตรฯ ซึ่งมันไม่ใช่ ที่จริงพันธมิตรฯ ก็เป็นประชาชน ที่ผมพูดหมายถึงว่ากองทัพจะไม่รับใช้นักการเมือง เขาต้องอยู่กับประชาชน ไมได้หมายความว่ากองทัพเป็นของพันธมิตรฯ แต่รัฐมนตรีคนนี้ก็บิดเบือนหาว่าผมพยายามดึงกองทัพมาอยู่กับพันธมิตรฯ” น.ต.ประสงคต์ กล่าว

กรณีที่พรรคพลังประชาชนเลือก นายชัย ชิดชอบ มาเป็นประสภาผู้แทนราษฎรนั้น น.ต.ประสงค์ ให้ความเห็นว่า คนเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นั้นถือว่าเป็นหัวหน้าของ ส.ส.ทั้งหมด เพราะฉะนั้นจะต้องมีความเป็นกลาง ซึ่งมีความหมายมากกว่าคำพูด จะต้องไม่ผูกพันกับพรรค ไม่ยอมรับคำสั่งพรรค เวลาประชุมพรรคก็ไม่ต้องไป นายกฯ ไปไหนก็ไม่ต้องไปติดตาม เหมือนประธานสภาผู้แทนฯ คนก่อนๆ ที่เมียนายกฯ ไปไหนก็เดินตาม

“คุณต้องนึกตลอดเวลาว่า คุณเป็นหัวหน้าของ ส.ส. ต้องอยู่ในสถานะที่น่าเคารพของเขา ไม่ใช่เรื่องอายุอย่างเดียว ต้องแสดงออกด้วย การกำกับการประชุม ต้องไม่แสดงออกว่าอยู่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ยิ่งเวลาประชุมร่วม 2 สภา คุณต้องเป็นประธานรัฐสภาด้วย เพราะฉะนั้น คุณต้องทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ใครก็ตามขึ้นมาตรงนี้ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ แต่สำหรับนายชัยจะเป็นอย่างไร ต้องดูไปก่อน”

อย่างไรก็ตาม น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า คนที่เป็นประมุขไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ไม่ควรจะมีมลทินด่างพร้อย โดยเฉพาะมลทินที่สังคมรังเกียจ หรือมลทินที่ผิดกฎหมาย อย่างคนที่จะมาเป็นประธานสภาผู้แทนฯ ก็ยังมีคดีที่ดินคาราคาซังอยู่ และยังมีคดีอื่นๆ ที่ยังไม่อยากพูดตอนนี้ โดยที่เขายังไมได้ทำงาน

นอกจากนี้ น.ต.ประสงค์ ยังเห็นว่าการที่นายชัยได้มาเป็นประธานสภาผู้แทนฯ เพราะในพรรคก็มีการเมืองภายในมีการต่างตอบแทนกันอยู่ตลอด เมื่อคนนี้ไม่ได้ตรงนี้ก็เอาตรงโน้น ไมได้ตรงโน้นก็เอาตรงนี้ และเห็นว่าสภาชุดนี้ตั้งแต่เข้ามายังไม่เคยออกกฎหมายสักฉบับเดียว ทั้งที่เป็นหน้าที่ของตัวเอง มัวแต่ไปยุ่งกับการแก้รัฐธรรมนูญ และตั้งกรรมาธิการที่ยืดเยื้อมา 2 เดือน ซึ่งเป็นเพราะ ส.ส.ของพรรคไม่มีตำแหน่ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2550 ห้ามไว้ จึงมาเพิ่มที่กรรมาธิการ โดยเอาคนที่ไม่สามารถหาตำแหน่งอื่นมาอยู่กรรมาธิการ จนมีกรรมาธิการมากเกินความจำเป็นถึง 35 กรรมาธิการ

สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ถึงอย่างไรพรรคพลังประชาชนจะต้องแก้จนได้ โดยเฉพาะต้องทำเพื่อคนที่ยังมีคดีและเร่ร่อนอยู่ประเทศ แต่ถ้าเดินหน้าไม่ได้ เพราะถูกต่อต้านจากพันธมิตรฯ และฝ่ายต่างๆ เขาก็จะชะลอไว้ เขาไม่เดินหน้าแต่ไม่ถอยหลัง แต่อาจจะออกไปทางซ้ายหรือทางขวา

น.ต.ประสงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า โดยพฤติกรรมต่างๆ ของรัฐบาลชุดนี้ที่ผลโพลออกมาสอบตกทั้งหมด แม้แต่คนที่เด่นที่สุดก็ได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง ตนเพิ่งเคยเห็นรัฐบาลอย่างนี้ ซึ่งถ้าปล่อยให้เดินไปอย่างนี้จะทำลายความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมือง ต่างประเทศมองเข้ามาแล้วก็ไม่อยากจะเข้ามา ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือถ้าฝืนอยู่ต่อต่อไปก็อาจโดนแบบพายุนาร์กีสแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น