นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า สำนักวิจัยฯ ได้สำรวจเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนเกี่ยวกับนโยบายที่เคยแถลงต่อรัฐสภาก่อนการทำงานในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ของหัวหน้าครัวเรือนในพื้นที่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ขอนแก่น อุบลราชธานี นครพนม อุดรธานี ชลบุรี อยุธยา นนทบุรี นครปฐม ลพบุรี สุราษฎร์ธานี และ ภูเก็ต จำนวน3,404 ตัวอย่าง พบว่า นโยบายเร่งด่วนที่เคยแถลงต่อรัฐสภา ในคะแนนเต็ม 10 หัวหน้าครัวเรือนในต่างจังหวัด ให้คะแนนเฉลี่ยโดยรวมสูงกว่ากลุ่มหัวหน้าครัวเรือนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ในทุกนโยบายเร่งด่วน ดังนี้
อันดับแรก การจัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากร (SML) ให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชน คนต่างจังหวัดให้ 4.65 คะแนน คนกรุงเทพฯ ให้ 3.83 คะแนน รอง ๆ ลงไปได้แก่ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ คนต่างจังหวัดให้ 4.54 คนกรุงเทพฯ ให้ 3.97 มาตรการลดปัญหาโลกร้อน คนต่างจังหวัด ให้ 4.42 คน กรุงเทพฯ ให้ 3.91 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้ 4.43 ต่อ 3.82 ด้านการท่องเที่ยวได้ 4.41 ต่อ 3.95 ด้านการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจนได้ 4.40 ต่อ 4.03 ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ นโยบายเร่งด่วน ที่ได้คะแนน 3 อันดับสุดท้าย ได้แก่ เรื่องการลดผลกระทบจากราคาพลังงานที่คนต่างจังหวัดให้ 3.91 คนกรุงเทพฯ ให้ 3.54 เรื่องการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย คนต่างจังหวัดให้ 3.79 คนกรุงเทพฯ ให้ 3.16 และเรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนต่างจังหวัดให้ 3.50 คะแนน ขณะที่คนกรุงเทพฯ ให้ 2.85 คะแนน ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ค่าคะแนนที่ค้นพบจากการประเมินครั้งนี้ ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง ในทุกนโยบายเร่งด่วน
นอกจากนี้ หัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.8 ระบุถึงอนาคตประเทศไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้าว่า จะเกิดสภาวะข้าวยาก หมากแพง รองลงมาคือ ร้อยละ 80.1 ระบุจะเกิดปัญหาอาชญากรรมรุนแรงมากขึ้น ร้อยละ 55.6 ระบุอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหาร ร้อยละ 54.9 ระบุยังจะรู้สึกอบอุ่นใจที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ร้อยละ 54.6 ระบุจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงไม่คาดฝันขึ้นในกรุงเทพฯ ร้อยละ 53.6 ระบุจะยังมีนายกรัฐมนตรีชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช ร้อยละ 44.1 ระบุคนไทยส่วนใหญ่จะยังคงรักสามัคคีกัน และร้อยละ 21.3 ระบุบ้านเมืองสงบสุขแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ส่วนประเด็นที่ว่าคาดว่าอีกกี่ปีที่ไทยจะมีเสถียรภาพมั่นคง โปร่งใส บริสุทธิ์ ประชาชนเข้มแข็งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ผลสำรวจพบว่า ระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ อีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า โดยค่าสูงสุดอยู่ที่ อีก 90 ปีข้างหน้า และค่าต่ำสุดอยู่ที่อีก 1 ปีข้างหน้า
นายนพดล กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อถามถึงทางเลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปข้างหน้า หรือเลือกที่จะกลัว และกังวลต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศไทย พบว่า หัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 58.8 ยังคงกังวลและกลัวต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศไทย ขณะที่ร้อยละ 41.2 เลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปข้างหน้า
นายนพดล กล่าวว่าที่น่าสนใจ คือ เมื่อหัวหน้าครัวเรือนประเมินการทำงาน 3 เดือนแรกของนายสมัคร สุนทรเวช จำแนกหัวหน้าครัวเรือนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดพบว่า หัวหน้าครัวเรือนในต่างจังหวัดร้อยละ 55.8 ให้ นายสมัคร สอบผ่าน ซึ่งมากกว่า หัวหน้าครัวเรือนในกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ร้อยละ 41.8 หรืออาจกล่าวได้ว่า คนต่างจังหวัดให้นายกรัฐมนตรีสอบผ่าน แต่คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.2 ให้นายกฯสอบตก
อันดับแรก การจัดสรรงบประมาณตามขนาดประชากร (SML) ให้ครบทุกหมู่บ้านและชุมชน คนต่างจังหวัดให้ 4.65 คะแนน คนกรุงเทพฯ ให้ 3.83 คะแนน รอง ๆ ลงไปได้แก่ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ คนต่างจังหวัดให้ 4.54 คนกรุงเทพฯ ให้ 3.97 มาตรการลดปัญหาโลกร้อน คนต่างจังหวัด ให้ 4.42 คน กรุงเทพฯ ให้ 3.91 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้ 4.43 ต่อ 3.82 ด้านการท่องเที่ยวได้ 4.41 ต่อ 3.95 ด้านการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจนได้ 4.40 ต่อ 4.03 ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ นโยบายเร่งด่วน ที่ได้คะแนน 3 อันดับสุดท้าย ได้แก่ เรื่องการลดผลกระทบจากราคาพลังงานที่คนต่างจังหวัดให้ 3.91 คนกรุงเทพฯ ให้ 3.54 เรื่องการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย คนต่างจังหวัดให้ 3.79 คนกรุงเทพฯ ให้ 3.16 และเรื่องการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนต่างจังหวัดให้ 3.50 คะแนน ขณะที่คนกรุงเทพฯ ให้ 2.85 คะแนน ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ค่าคะแนนที่ค้นพบจากการประเมินครั้งนี้ ต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง ในทุกนโยบายเร่งด่วน
นอกจากนี้ หัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.8 ระบุถึงอนาคตประเทศไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้าว่า จะเกิดสภาวะข้าวยาก หมากแพง รองลงมาคือ ร้อยละ 80.1 ระบุจะเกิดปัญหาอาชญากรรมรุนแรงมากขึ้น ร้อยละ 55.6 ระบุอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหาร ร้อยละ 54.9 ระบุยังจะรู้สึกอบอุ่นใจที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ร้อยละ 54.6 ระบุจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงไม่คาดฝันขึ้นในกรุงเทพฯ ร้อยละ 53.6 ระบุจะยังมีนายกรัฐมนตรีชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช ร้อยละ 44.1 ระบุคนไทยส่วนใหญ่จะยังคงรักสามัคคีกัน และร้อยละ 21.3 ระบุบ้านเมืองสงบสุขแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ส่วนประเด็นที่ว่าคาดว่าอีกกี่ปีที่ไทยจะมีเสถียรภาพมั่นคง โปร่งใส บริสุทธิ์ ประชาชนเข้มแข็งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ผลสำรวจพบว่า ระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ อีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า โดยค่าสูงสุดอยู่ที่ อีก 90 ปีข้างหน้า และค่าต่ำสุดอยู่ที่อีก 1 ปีข้างหน้า
นายนพดล กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อถามถึงทางเลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปข้างหน้า หรือเลือกที่จะกลัว และกังวลต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศไทย พบว่า หัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 58.8 ยังคงกังวลและกลัวต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศไทย ขณะที่ร้อยละ 41.2 เลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปข้างหน้า
นายนพดล กล่าวว่าที่น่าสนใจ คือ เมื่อหัวหน้าครัวเรือนประเมินการทำงาน 3 เดือนแรกของนายสมัคร สุนทรเวช จำแนกหัวหน้าครัวเรือนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดพบว่า หัวหน้าครัวเรือนในต่างจังหวัดร้อยละ 55.8 ให้ นายสมัคร สอบผ่าน ซึ่งมากกว่า หัวหน้าครัวเรือนในกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ร้อยละ 41.8 หรืออาจกล่าวได้ว่า คนต่างจังหวัดให้นายกรัฐมนตรีสอบผ่าน แต่คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.2 ให้นายกฯสอบตก