ชงอีก "ออมสิน-ธอส.-ธ.ก.ส." ประชานิยมรากหญ้าล๊อตใหม่เข้า ครม. วันนี้ "ประดิษฐ์" ทำแทนเลี้ยบ ลดดอกเบี้ยธนาคารประชาชน 0.75% อัดฉีดเงินกู้หมื่นล้านสำหรับบ้านใหม่ พร้อมรวบแผน ธ.ก.ส.พักหนี้-ปล่อยกู้ 3.2 แสนล้าน เป็นผลงาน
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (1 เม.ย.) กระทรวงการคลังเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้คนมีรายได้น้อย ด้วยการช่วยเหลือผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ที่จะมีการลดดอกเบี้ยโครงการธนาคารประชาชนแบบขั้นบันได คือเงินกู้อายุ 1-3 ปี ลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.75% ทำให้ดอกเบี้ยเหลือ 0.5% ต่อเดือน
ยังมีการปล่อยกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ดอกเบี้ยคงที่ 7 ปี 4% คงที่ 10 ปี 4.5% โดยกระทรวงการคลังจะออกพันธบัตร 10,000 ล้านบาท สนับสนุน ส่วนโครงการอื่นของ ธอส. เช่น ธอส.-กบข. ครั้งที่ 5 วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท โครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 2 วงเงิน 20,000 ล้านบาท โครงการ ธอส.-สปส. เพื่อผู้ประกันตน 10,000 ล้านบาท และโครงการบ้านมั่นคง ที่ขยายวงเงินเป็น 400 ล้านบาท เป็นต้น
ในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.เสนอของบประมาณ 4,074 ล้านบาท เพื่อนำไปชดเชยให้กับเกษตรกรที่เข้าโครงการฟื้นฟูและพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจน ที่คาดว่าจะมีจำนวน 336,633 ราย มียอดหนี้คงค้างล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2551 จำนวน 17,990 ล้านบาท โดยกำหนดให้เกษตรกรไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2551- 31 มี.ค. 2553 แยกเป็นเงินชดเชยสำหรับดอกเบี้ยที่พักชำระหนี้ปีละ 1,350 ล้านบาท รวม 2 ปี ไม่เกิน 2,700 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูพัฒนาอาชีพให้กับเกษตร 2 ปี รวม 1,374 ล้านบาท โดยโครงการนี้ถือเป็นการพักหนี้เกษตรกรรอบที่ 2 แต่ยังไม่มีมาตรการลดภาระหนี้ให้กับเกษตรกร เพราะรัฐบาลต้องการช่วยเกษตรกรที่มีปัญหาจริงๆ
"ธ.ก.ส.จะจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพของครัวเรือนเกษตรกร พัฒนาความรู้ ศักยภาพในการประกอบอาชีพภายใต้กระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาของโครงการ ซึ่ง ธ.ก.ส.ต้องคัดเลือกและประเมินศักยภาพลูกค้าที่ต้องได้รับการพักหนี้อย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดความช่วยเหลือกับผู้ที่จำเป็นได้รับการฟื้นฟูที่แท้จริง ขณะเดียวกันธ.ก.ส.ต้องศึกษาโครงสร้างการให้สินเชื่อ การคิดอัตราดอกบี้ยและการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาภาระหนี้ของเกษตรกรลูกค้าต่อไปด้วย"
ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อเกษตรกรของ ธ.ก.ส.ที่มีเป้าหมายจะอนุมัติสินเชื่อในปีบัญชี 2551 อีก 325,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนปลูกพืชพลังงานทดแทน,การปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตไบโอดีเซล,โครงการปลูกมันสำปะหลัง,โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชน เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการเงินทุนเพื่อประชาชนและเศรษฐกิจฐานราก ยังมีมาตรการขยายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้กับหมู่บ้านที่เกิดขึ้นใหม่และพร้อมดำเนินการอีก 1,600 หมู่บ้านทั่วประเทศ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินกู้ในปี2552 ให้อีก 1,600 ล้านบาท ขณะที่วงเงินกู้สำหรับกองทุนหมู่บ้านฯ ยังมีคงเหลือที่ธนาคารออมสินและธ.ก.ส.อีก 7,769.61 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,700 ล้านบาท
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (1 เม.ย.) กระทรวงการคลังเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้คนมีรายได้น้อย ด้วยการช่วยเหลือผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ที่จะมีการลดดอกเบี้ยโครงการธนาคารประชาชนแบบขั้นบันได คือเงินกู้อายุ 1-3 ปี ลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.75% ทำให้ดอกเบี้ยเหลือ 0.5% ต่อเดือน
ยังมีการปล่อยกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ดอกเบี้ยคงที่ 7 ปี 4% คงที่ 10 ปี 4.5% โดยกระทรวงการคลังจะออกพันธบัตร 10,000 ล้านบาท สนับสนุน ส่วนโครงการอื่นของ ธอส. เช่น ธอส.-กบข. ครั้งที่ 5 วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท โครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 2 วงเงิน 20,000 ล้านบาท โครงการ ธอส.-สปส. เพื่อผู้ประกันตน 10,000 ล้านบาท และโครงการบ้านมั่นคง ที่ขยายวงเงินเป็น 400 ล้านบาท เป็นต้น
ในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม.เสนอของบประมาณ 4,074 ล้านบาท เพื่อนำไปชดเชยให้กับเกษตรกรที่เข้าโครงการฟื้นฟูและพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจน ที่คาดว่าจะมีจำนวน 336,633 ราย มียอดหนี้คงค้างล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2551 จำนวน 17,990 ล้านบาท โดยกำหนดให้เกษตรกรไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2551- 31 มี.ค. 2553 แยกเป็นเงินชดเชยสำหรับดอกเบี้ยที่พักชำระหนี้ปีละ 1,350 ล้านบาท รวม 2 ปี ไม่เกิน 2,700 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูพัฒนาอาชีพให้กับเกษตร 2 ปี รวม 1,374 ล้านบาท โดยโครงการนี้ถือเป็นการพักหนี้เกษตรกรรอบที่ 2 แต่ยังไม่มีมาตรการลดภาระหนี้ให้กับเกษตรกร เพราะรัฐบาลต้องการช่วยเกษตรกรที่มีปัญหาจริงๆ
"ธ.ก.ส.จะจัดทำแผนฟื้นฟูอาชีพของครัวเรือนเกษตรกร พัฒนาความรู้ ศักยภาพในการประกอบอาชีพภายใต้กระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาของโครงการ ซึ่ง ธ.ก.ส.ต้องคัดเลือกและประเมินศักยภาพลูกค้าที่ต้องได้รับการพักหนี้อย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดความช่วยเหลือกับผู้ที่จำเป็นได้รับการฟื้นฟูที่แท้จริง ขณะเดียวกันธ.ก.ส.ต้องศึกษาโครงสร้างการให้สินเชื่อ การคิดอัตราดอกบี้ยและการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาภาระหนี้ของเกษตรกรลูกค้าต่อไปด้วย"
ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อเกษตรกรของ ธ.ก.ส.ที่มีเป้าหมายจะอนุมัติสินเชื่อในปีบัญชี 2551 อีก 325,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนปลูกพืชพลังงานทดแทน,การปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตไบโอดีเซล,โครงการปลูกมันสำปะหลัง,โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชน เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการเงินทุนเพื่อประชาชนและเศรษฐกิจฐานราก ยังมีมาตรการขยายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้กับหมู่บ้านที่เกิดขึ้นใหม่และพร้อมดำเนินการอีก 1,600 หมู่บ้านทั่วประเทศ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินกู้ในปี2552 ให้อีก 1,600 ล้านบาท ขณะที่วงเงินกู้สำหรับกองทุนหมู่บ้านฯ ยังมีคงเหลือที่ธนาคารออมสินและธ.ก.ส.อีก 7,769.61 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,700 ล้านบาท