"สมัคร" ทำขึงขังสั่งทนายฟ้องสื่อเสนอข่าวนายกฯหากินกับการขุดน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชาโดยเอาเขาพระวิหารไปแลก ทั้งที่แค่ฟังจากคนมาเล่าให้ฟังยังไม่ได้อ่านข่าว ด้าน”นพดล” เสียงแข็งไม่เอาแผ่นดินไทยไปแลกแก๊สและน้ำมันแน่ อ้างกำลังติดต่อกับนายกฯกัมพูชาเพื่อหารือเรื่องเขาพระวิหาร และเตรียมจะออกแถลงการณ์ร่วมกัน
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์นำเสนอข่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะหากินกับเรื่องการขุดน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในประเทศกัมพูชาโดยจะอาเขาพระวิหารไปแลกว่า อย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด ตนยังไม่ได้เถียงเพราะยังไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ เพราะเป็นฉบับที่ไม่ค่อยอ่าน แต่รู้ข่าวมาอีกทีวันนี้อีกฉบับเอาด้วย เป็นสารคดี เอาแล้ว เขาพระวิหารไปแลกกับผลประโยชน์ คือจะไปหากินกับการขุด
“เรื่องนี้พรุ่งนี้ทนายความผมมีงานทำแน่นอน ให้รวบรวมหลักฐานเสร็จแล้ว คือไม่ชี้แจงอะไรอื่นครับ ต้องไปศาลอย่างเดียวเท่านั้น ทำไมถึงเอากันขนาดนี้ไม่ทราบ คนอย่างผมนี่หรือครับเอาเขาพระวิหารไปแลกผลประโยชน์เพื่อที่จะไปขุด ยุ่งอะไรกับเขาก็ไม่ได้ยุ่ง เขาพระวิหารเขาก็มีเรื่องของเขาเป็นเรื่องการเมืองภายในของเขา เราไปยุ่งอะไร เขาจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ไปโน่น ทางฝ่ายทหาร กระทรวงการต่างประเทศเป็นคนดูแลอย่างใกล้ชิดครับ และการไปเจรจาความก็พูดกันถึงเรื่องที่ว่าพื้นที่ทับซ้อนจะได้พิจารณากันเสียที ทำไมอะไรกันนักหนา ถึงได้แต่งเรื่องอะไรกันได้ขนาดนี้”
นายสมัคร กล่าวว่า เขาพระวิหาร ตัวเขาพระวิหารด้านที่งอกไปนี้เป็นส่วนของกัมพูชาเขา แล้วทางกัมพูชากำลังรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยเดือนกรกฎาคมเขาจะเลือกตั้ง เขาก็เอ่ยกันว่าเขาจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่ไหน ๆ เขาก็ขึ้นมรดกโลกกัน
“เมื่อตอนไปพบคุณฮุนเซ็น (สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา) คุณฮุนเซ็น บอกไม่เป็นปัญหาหรอกถ้าเอาแต่ตัวอาคารไปขึ้น ไม่มีปัญหา ปรากฏว่าเมื่อกลับมาแล้ว ทางฝ่ายมรดกโลก (ยูเนสโก) เขาบอกต้องขึ้นบริเวณพื้นที่ด้วย ทางไทยเขาบอกเลยว่า ถ้าพื้นที่ด้วยไทยต้องขึ้นด้วย เพราะพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อน อาคารเป็นของกัมพูชา แต่ว่าบริเวณของเขาพระวิหารยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน ดูแลด้วยกัน ขึ้นก็ต้องขึ้นด้วยกัน เท่านั้นละครับถึงตรงนี้ แล้วนายซกอัน รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาก็มาเจรจากับทางรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยว่าตกลงถ้าจะขึ้นทะเบียนเขาไม่ขัดข้อง แต่ว่าพื้นที่ทับซ้อนไทยขึ้นด้วย เท่านั้นเองครับ ไม่มีปัญหาอื่นเลย”
นายสมัคร กล่าวย้ำว่า คนที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดเรื่องคือหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย ปลุกปั่นและกล่าวหาว่าตนจะเอาเขาพระวิหารไปแลกกับการจะผลิตน้ำมัน น้ำมันก็ไม่ใช่เรื่องของตน เขาพระวิหารก็ไม่ใช่เรื่องของตน แต่เขาตกลงกันได้เรียบร้อย เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ตรงข้างบนศาลโลกเขาตัดสินอยู่แล้วเพียงแต่ว่าจะไปขึ้นทะเบียนเขาต้องเอาบริเวณรอบๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย ทางไทยก็บอกไม่ได้ ถ้าบริเวณรอบๆ ไทยต้องขึ้นด้วย เพราะบริเวณนั้นเป็นที่ทับซ้อน ไทยกับเขมรดูแลด้วยกัน
“เรื่องนี้ต้องการจะทำทุกวิถีทางให้รัฐบาลนี้พังลงไปให้ได้ ให้เสียหาย คุณต้องขึ้นศาลแน่นอนครับ ทีแรกฉบับเดียว ทีนี้ต้อง 2 ฉบับ มาลองดูครับว่าจะไปขนาดไหนอย่างไร รวบรวมหลักฐานไว้เสร็จแล้ว คือต้องบอกว่า มันบ้ากันถึงขนาด เอากันขนาดนี้ กล่าวหาหมดไม่ว่าจะคิดจะทำอะไรอย่างไร หมดละครับ จะเอากันให้ได้หมด คือต้องเอาให้รัฐบาลนี้พังให้ได้ ยังพยายามอยู่ ผมก็บอกเลยว่า ผมมีหน้าที่จะต้องรักษารัฐบาลชุดนี้ไว้ และดูสิว่าใครจะรักษาได้อย่างไร มันเห่อเหิมโจมตีกัน”
“สถานี ASTV ด่าทุกวัน ด่าหยาบด่าคาย ด่าเสียด่าหาย ด่าทุกวัน และสถานีนี้ศาลคุ้มครองครับ คุ้มครองมา 2 ปีแล้ว ได้รับความคุ้มครอง แต่ทว่าศาลที่ได้ตัดสินเอาไว้แล้วว่าคุณมาทำอะไรอย่างไรใครไม่ได้ บัดนี้คุณทำแล้วครับ ต่อไปนี้คุณต้องได้รู้ว่าส่วนบุคคลที่คดีหมิ่นประมาทที่คุณโดน จะโดนคุ้มครองหรือไม่ ก็ไม่มีทางอื่นหรอกครับ ต้องบอกให้รู้กันตรงนี้ และจะดำเนินการตามกฎหมาย”
นายสมัคร กล่าวตอบคำถามประชาชนที่อยากให้รัฐบาลหยุดการออกอากาศ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ว่า ไม่ได้หรอก ศาลท่านคุ้มครองอยู่ ไม่ได้ แต่มันด่ารุนแรงเหลือเกิน ด่าทุกวัน ด่าเสีย ด่าหาย ด่าเหมือนตนเป็นคนร้าย มาบริหารบ้านเมืองอยู่ คนที่ดูก็ ตนไม่ทราบว่าเขานึกอย่างไรที่เขาทำอย่างนั้นได้ แต่ศาลคุ้มครองอยู่ ตนเรียนได้ว่าศาลคุ้มครองอยู่ คุ้มครองมา 2 ปีแล้ว
ด้านนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ประเทศไทย กำลังจะผ่อนปรนกรณีที่กัมพูชาจะยื่นเสนอยูเนสโกให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงประเทศเดียวเพื่อแลกกับผลประโยชน์ในเรื่องแก๊สและน้ำมันในอ่าวไทยว่า กระทรวงต่างประเทศ กองทัพบก กองทัพอากาศ กระทรวงกลาโหม จะไม่ยอมเสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ที่จะมาแลกกับแผ่นดินไทยได้ ตนในฐานะรมว.ต่างประเทศจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ส่วนถ้อยคำในสัญญาต่างๆ นั้น ตนเป็นนักกฎหมาย ย่อมรู้ดีว่าอะไรที่จะผูกมัดประเทศไทยมากเกินไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เรามีช่องทางที่จะยุติเรื่องนี้ได้ แต่ต้องใช้วิธีที่เข้มข้น
“รู้สึกเห็นใจประเทศกัมพูชาที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม และคณะกรรมการมรดกโลกเตรียมที่จะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกในเดือน กรกฎาคมเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างสองประเทศ ขอยืนยันว่าวันนี้กัมพูชาและไทยยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน การเจรจาในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนนั้น ต้องบริหารจัดการร่วมกัน ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราต้องดูว่าจะสามารถรับได้มากน้อยแค่ไหน”
นายนพดล กล่าวว่า ตนพยายามติดต่อนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรี กัมพูชา เพื่อเจรจาในเรื่องนี้ด้วยเพื่อให้ได้ข้อยุติ ขอให้สบายใจได้ เรื่องเขาพระวิหารจะไม่เป็นไปตามที่หนังสือพิมพ์บางฉบับเสนออย่างแน่นอน และหากมีการตั้งกระทู้ถามผม ผมก็จะขอให้ประชุมลับ และจะชี้แจงอย่างเต็มที่ ไม่มีการเกี๊ยะเซียะหรือเอาแผ่นดิน ไปแลกอะไรอย่างเด็ดขาด การเจรจาทางการทูตตจะต้องวินวินทั้งสองฝ่าย จะวินลูสไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ยังสามารถที่จะเจรจากันได้
ส่วนพื้นที่ทับซ้อนจะมีการบริหารอย่างไรนั้น นายพลดล กล่าวว่า พื้นที่ทับซ้อนทางทหารที่มีทรัพย์ยากรธรรมชาติที่สำคัญ หรือเจดีเอนั้น มีการประเมินว่ามีทั้งหมด 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร ตรงนี้ต้องตกลง ให้ชัดเจน เด็ดขาด ทั้งสองประเทศต้องมาบริหารจัดการร่วมกัน มาพบกันครึ่งทาง เนื่องจากมีแก๊สธรรมชาติและน้ำมันอยู่ในพื้นที่ถึง 5 ล้านล้านบาท ดังนั้นเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่ที่ทับซ้อนกันอยู่จึงอยู่ที่ เปอร์เซ็นต์การแบ่งเขตว่าแต่ละชาติจะได้เท่าไหร่ ซึ่งต้องวินวินทั้งคู่ ยินยันว่าการเจรจา จะเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่มีเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเจรจาเสร็จแล้ว กัมพูชาอยากจะให้ ปตท.หรือบริษัทเอกชนเข้าไปสำรวจนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาสามารถจะทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังกรณีดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้เคยไปพบกับนายฮุน เซน นากยรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ประเทศกัมพูชา นายนพดล กล่าวว่า ตนขอไม่พูดเรื่องนี้ เพราะจะเป็นการแก้ตัวให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีวันเอาเขาพระวิหารไปแลกกับแก๊ส และน้ำมันอย่างที่มีกระแสข่าวอย่างแน่นอน
“เรื่องเขาพระวิหาร ไทยและกัมพูชากำลังจะออกแถลงการณ์ร่วมกันในเร็วๆ นี้ เพียงแต่ขณะนี้ยังมีบางถ้อยคำที่ยังตกลงกันไม่ได้ ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อผลประโยชน์ทางการฑูตของทั้งสองฝ่าย”นายนพดลกล่าว
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์นำเสนอข่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะหากินกับเรื่องการขุดน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในประเทศกัมพูชาโดยจะอาเขาพระวิหารไปแลกว่า อย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด ตนยังไม่ได้เถียงเพราะยังไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ เพราะเป็นฉบับที่ไม่ค่อยอ่าน แต่รู้ข่าวมาอีกทีวันนี้อีกฉบับเอาด้วย เป็นสารคดี เอาแล้ว เขาพระวิหารไปแลกกับผลประโยชน์ คือจะไปหากินกับการขุด
“เรื่องนี้พรุ่งนี้ทนายความผมมีงานทำแน่นอน ให้รวบรวมหลักฐานเสร็จแล้ว คือไม่ชี้แจงอะไรอื่นครับ ต้องไปศาลอย่างเดียวเท่านั้น ทำไมถึงเอากันขนาดนี้ไม่ทราบ คนอย่างผมนี่หรือครับเอาเขาพระวิหารไปแลกผลประโยชน์เพื่อที่จะไปขุด ยุ่งอะไรกับเขาก็ไม่ได้ยุ่ง เขาพระวิหารเขาก็มีเรื่องของเขาเป็นเรื่องการเมืองภายในของเขา เราไปยุ่งอะไร เขาจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ไปโน่น ทางฝ่ายทหาร กระทรวงการต่างประเทศเป็นคนดูแลอย่างใกล้ชิดครับ และการไปเจรจาความก็พูดกันถึงเรื่องที่ว่าพื้นที่ทับซ้อนจะได้พิจารณากันเสียที ทำไมอะไรกันนักหนา ถึงได้แต่งเรื่องอะไรกันได้ขนาดนี้”
นายสมัคร กล่าวว่า เขาพระวิหาร ตัวเขาพระวิหารด้านที่งอกไปนี้เป็นส่วนของกัมพูชาเขา แล้วทางกัมพูชากำลังรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยเดือนกรกฎาคมเขาจะเลือกตั้ง เขาก็เอ่ยกันว่าเขาจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่ไหน ๆ เขาก็ขึ้นมรดกโลกกัน
“เมื่อตอนไปพบคุณฮุนเซ็น (สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา) คุณฮุนเซ็น บอกไม่เป็นปัญหาหรอกถ้าเอาแต่ตัวอาคารไปขึ้น ไม่มีปัญหา ปรากฏว่าเมื่อกลับมาแล้ว ทางฝ่ายมรดกโลก (ยูเนสโก) เขาบอกต้องขึ้นบริเวณพื้นที่ด้วย ทางไทยเขาบอกเลยว่า ถ้าพื้นที่ด้วยไทยต้องขึ้นด้วย เพราะพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อน อาคารเป็นของกัมพูชา แต่ว่าบริเวณของเขาพระวิหารยังเป็นพื้นที่ทับซ้อน ดูแลด้วยกัน ขึ้นก็ต้องขึ้นด้วยกัน เท่านั้นละครับถึงตรงนี้ แล้วนายซกอัน รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาก็มาเจรจากับทางรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยว่าตกลงถ้าจะขึ้นทะเบียนเขาไม่ขัดข้อง แต่ว่าพื้นที่ทับซ้อนไทยขึ้นด้วย เท่านั้นเองครับ ไม่มีปัญหาอื่นเลย”
นายสมัคร กล่าวย้ำว่า คนที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดเรื่องคือหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย ปลุกปั่นและกล่าวหาว่าตนจะเอาเขาพระวิหารไปแลกกับการจะผลิตน้ำมัน น้ำมันก็ไม่ใช่เรื่องของตน เขาพระวิหารก็ไม่ใช่เรื่องของตน แต่เขาตกลงกันได้เรียบร้อย เขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ตรงข้างบนศาลโลกเขาตัดสินอยู่แล้วเพียงแต่ว่าจะไปขึ้นทะเบียนเขาต้องเอาบริเวณรอบๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย ทางไทยก็บอกไม่ได้ ถ้าบริเวณรอบๆ ไทยต้องขึ้นด้วย เพราะบริเวณนั้นเป็นที่ทับซ้อน ไทยกับเขมรดูแลด้วยกัน
“เรื่องนี้ต้องการจะทำทุกวิถีทางให้รัฐบาลนี้พังลงไปให้ได้ ให้เสียหาย คุณต้องขึ้นศาลแน่นอนครับ ทีแรกฉบับเดียว ทีนี้ต้อง 2 ฉบับ มาลองดูครับว่าจะไปขนาดไหนอย่างไร รวบรวมหลักฐานไว้เสร็จแล้ว คือต้องบอกว่า มันบ้ากันถึงขนาด เอากันขนาดนี้ กล่าวหาหมดไม่ว่าจะคิดจะทำอะไรอย่างไร หมดละครับ จะเอากันให้ได้หมด คือต้องเอาให้รัฐบาลนี้พังให้ได้ ยังพยายามอยู่ ผมก็บอกเลยว่า ผมมีหน้าที่จะต้องรักษารัฐบาลชุดนี้ไว้ และดูสิว่าใครจะรักษาได้อย่างไร มันเห่อเหิมโจมตีกัน”
“สถานี ASTV ด่าทุกวัน ด่าหยาบด่าคาย ด่าเสียด่าหาย ด่าทุกวัน และสถานีนี้ศาลคุ้มครองครับ คุ้มครองมา 2 ปีแล้ว ได้รับความคุ้มครอง แต่ทว่าศาลที่ได้ตัดสินเอาไว้แล้วว่าคุณมาทำอะไรอย่างไรใครไม่ได้ บัดนี้คุณทำแล้วครับ ต่อไปนี้คุณต้องได้รู้ว่าส่วนบุคคลที่คดีหมิ่นประมาทที่คุณโดน จะโดนคุ้มครองหรือไม่ ก็ไม่มีทางอื่นหรอกครับ ต้องบอกให้รู้กันตรงนี้ และจะดำเนินการตามกฎหมาย”
นายสมัคร กล่าวตอบคำถามประชาชนที่อยากให้รัฐบาลหยุดการออกอากาศ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ว่า ไม่ได้หรอก ศาลท่านคุ้มครองอยู่ ไม่ได้ แต่มันด่ารุนแรงเหลือเกิน ด่าทุกวัน ด่าเสีย ด่าหาย ด่าเหมือนตนเป็นคนร้าย มาบริหารบ้านเมืองอยู่ คนที่ดูก็ ตนไม่ทราบว่าเขานึกอย่างไรที่เขาทำอย่างนั้นได้ แต่ศาลคุ้มครองอยู่ ตนเรียนได้ว่าศาลคุ้มครองอยู่ คุ้มครองมา 2 ปีแล้ว
ด้านนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ประเทศไทย กำลังจะผ่อนปรนกรณีที่กัมพูชาจะยื่นเสนอยูเนสโกให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงประเทศเดียวเพื่อแลกกับผลประโยชน์ในเรื่องแก๊สและน้ำมันในอ่าวไทยว่า กระทรวงต่างประเทศ กองทัพบก กองทัพอากาศ กระทรวงกลาโหม จะไม่ยอมเสียแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ที่จะมาแลกกับแผ่นดินไทยได้ ตนในฐานะรมว.ต่างประเทศจะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ส่วนถ้อยคำในสัญญาต่างๆ นั้น ตนเป็นนักกฎหมาย ย่อมรู้ดีว่าอะไรที่จะผูกมัดประเทศไทยมากเกินไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เรามีช่องทางที่จะยุติเรื่องนี้ได้ แต่ต้องใช้วิธีที่เข้มข้น
“รู้สึกเห็นใจประเทศกัมพูชาที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม และคณะกรรมการมรดกโลกเตรียมที่จะขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกในเดือน กรกฎาคมเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างสองประเทศ ขอยืนยันว่าวันนี้กัมพูชาและไทยยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน การเจรจาในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนนั้น ต้องบริหารจัดการร่วมกัน ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราต้องดูว่าจะสามารถรับได้มากน้อยแค่ไหน”
นายนพดล กล่าวว่า ตนพยายามติดต่อนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรี กัมพูชา เพื่อเจรจาในเรื่องนี้ด้วยเพื่อให้ได้ข้อยุติ ขอให้สบายใจได้ เรื่องเขาพระวิหารจะไม่เป็นไปตามที่หนังสือพิมพ์บางฉบับเสนออย่างแน่นอน และหากมีการตั้งกระทู้ถามผม ผมก็จะขอให้ประชุมลับ และจะชี้แจงอย่างเต็มที่ ไม่มีการเกี๊ยะเซียะหรือเอาแผ่นดิน ไปแลกอะไรอย่างเด็ดขาด การเจรจาทางการทูตตจะต้องวินวินทั้งสองฝ่าย จะวินลูสไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ยังสามารถที่จะเจรจากันได้
ส่วนพื้นที่ทับซ้อนจะมีการบริหารอย่างไรนั้น นายพลดล กล่าวว่า พื้นที่ทับซ้อนทางทหารที่มีทรัพย์ยากรธรรมชาติที่สำคัญ หรือเจดีเอนั้น มีการประเมินว่ามีทั้งหมด 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร ตรงนี้ต้องตกลง ให้ชัดเจน เด็ดขาด ทั้งสองประเทศต้องมาบริหารจัดการร่วมกัน มาพบกันครึ่งทาง เนื่องจากมีแก๊สธรรมชาติและน้ำมันอยู่ในพื้นที่ถึง 5 ล้านล้านบาท ดังนั้นเรื่องการแบ่งเขตพื้นที่ที่ทับซ้อนกันอยู่จึงอยู่ที่ เปอร์เซ็นต์การแบ่งเขตว่าแต่ละชาติจะได้เท่าไหร่ ซึ่งต้องวินวินทั้งคู่ ยินยันว่าการเจรจา จะเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่มีเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อเจรจาเสร็จแล้ว กัมพูชาอยากจะให้ ปตท.หรือบริษัทเอกชนเข้าไปสำรวจนั้นก็เป็นเรื่องที่เขาสามารถจะทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังกรณีดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้เคยไปพบกับนายฮุน เซน นากยรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ประเทศกัมพูชา นายนพดล กล่าวว่า ตนขอไม่พูดเรื่องนี้ เพราะจะเป็นการแก้ตัวให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่มีวันเอาเขาพระวิหารไปแลกกับแก๊ส และน้ำมันอย่างที่มีกระแสข่าวอย่างแน่นอน
“เรื่องเขาพระวิหาร ไทยและกัมพูชากำลังจะออกแถลงการณ์ร่วมกันในเร็วๆ นี้ เพียงแต่ขณะนี้ยังมีบางถ้อยคำที่ยังตกลงกันไม่ได้ ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อผลประโยชน์ทางการฑูตของทั้งสองฝ่าย”นายนพดลกล่าว