xs
xsm
sm
md
lg

จดหมายขอร้องนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช (2)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

10 พฤษภาคม 2551
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

กระผมได้ขอร้องท่านนายกฯ ไปหนึ่งอย่างแล้ว คือขอให้ถวายคืนหรือจัดระบบการใช้พระราชอำนาจทั่วไปของพระมหากษัตริย์ให้ถูกต้อง ให้นายกรัฐมนตรี (ทุกคน)เข้าเฝ้าฯ ถวายข้อราชการเป็นประจำตามหมายกำหนดที่แน่นอน โดยมิต้องมีการจดบันทึกหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ใดๆ เช่นเดียวกับจารีตที่ปฏิบัติกันอยู่ในประเทศอังกฤษ เรื่องนี้กระทำได้โดยมิต้องเขียนลงในรัฐธรรมนูญ เพียงแต่นายกฯ ปัจจุบันเข้าเฝ้าขอให้พระราชทานบรมราชานุญาต

คำขอร้องที่ 2 คือ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กระผมขอให้ ฯพณฯ เป็นผู้นำปฏิบัติ และลงเสาเข็มของจารีตในระบอบประชาธิปไตยอีกอย่างหนึ่งที่ปฏิบัติกันมานานแล้วในระบบรัฐสภาอังกฤษ นั่นก็คือ การที่นายกรัฐมนตรีจะต้องไปเข้าประชุมและตอบคำถามของสภาฯ ในทุกวันพุธที่มีการประชุมสภาฯ ตลอดสมัยการประชุม จารีตเช่นนี้เรียกว่า Prime Minister’s Questions ไม่จำเป็นต้องแก้หรือเขียนลงในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ท่านนายกฯ ตัดสินใจว่าจะกระทำ ก็กระทำได้ทันที และจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสืบไปชั่วกาลนาน

ประโยชน์ของ Prime Minister’s Questions หรือนายกรัฐมนตรีในสภาฯ อังกฤษเป็นอย่างไร ศึกษาได้จากเว็บนี้

What are Prime Minister’s Questions?
A background to PMQs. The Prime Minister answers questions from MPs at 12 noon every Wednesday when Parliament is sitting. The session takes place in the ...
www.number-10.gov.uk/output/Page5180.asp - 11k

ท่านนายกฯ มีเลือดสภาฯ เต็มตัวอยู่แล้ว หากลดมานะ อุตส่าห์ไปสภาฯ เสียหน่อยเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งในสมัยประชุม การไปดังกล่าวก็ไม่เหมือนกับการไปตอบกระทู้ดังที่ปฏิบัติกันในสภาฯ เรา ท่านนายกฯ สามารถเลือกและตกลงกับสภาฯ ว่าต้องการจะพูด และให้ถามประเด็นใดเพียง 3 ถึง 5 ประเด็นก็พอ กระผมหวังและเชื่อว่าผู้แทนฝ่ายค้านคงเต็มใจเรียนรู้และร่วมมือกับ ฯพณฯ ช่วยกันทำให้สภาฯ เป็นสภาฯ ของผู้ดีเสียที ไม่มีการประท้วงด่าทอหรือเตะตีกันเหมือนสภาฯ อันฑพาล (ตั้งใจสะกด-อย่าแก้) ดังที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้

กระผมขอเพิ่มคำขอร้องย่อยอีกสักข้อหนึ่ง
คำขอร้องที่ 2.1 กระผมยังจำรูปที่ ฯพณฯ เอาหนังสือเล่มหนึ่งมาแบหราบนหน้าอก ด้วยความภูมิใจต่อหน้ามวลสมาชิกพรรค กระผมขอความกรุณาให้ ฯพณฯ พิมพ์หนังสือโบราณแจกอีกสัก 2 เล่ม ไม่ถึงกับโบราณมากนัก แต่ถ้าท่านนายกฯ หาจนทั่ว (ห้องสมุด) พรรคมิได้แล้ว กระผมจะจัดหาให้

1) หนังสือ “สมบัติผู้ดี” ของเจ้าพระยาวิสุทธิ์สุริยศักดิ์ (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) บรรพชนของบุรุษหัวเถิกที่ท่านนายกฯ กล่าวถึงเร็วๆ นี้ เป็นหนังสือที่มีประโยชน์ที่สุดเล่มหนึ่งของประเทศไทย กระผมอยากให้ ฯพณฯ โปรโมตหนังสือนี้ทั่วประเทศ และบังคับให้อยู่ในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ แต่กลุ่มเป้าหมายแรกของท่านนายกฯ น่าจะเป็น ครม.สมาชิกสภาผู้แทนพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ตลอดจนบุคลากรการเมืองโดยทั่วไป

2) หนังสือ “โคลงโลกนิติ” ซึ่งเป็นสุภาษิตที่ล้ำเลิศ เป็นประโยชน์แก่นรชนทั้งมวล บทที่เด่นๆกระผมอยากให้พิมพ์ตัวโตๆ ให้เตะตา โดยเฉพาะบทที่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ในพรรคของท่านนายกฯและผู้ใหญ่ตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง ตัวอย่างเช่น

บทนี้ “รู้น้อย ว่ามากรู้ เริงใจ. กลกบ เกิดอยู่ใน บ่อจ้อย. ไป่เห็น ชเลไกล กลางสมุทร. ชมว่า น้ำบ่อน้อย มากล้ำ ลึกเหลือ”

กับบทนี้ “หมูเห็น ราชสีห์ท้า ชวนรบ. กูสี่ ตีนกูพบ ท่านแล้ว. อย่ากลัว ท่านอย่าหลบ หลีกจาก กูนา. ท่านสี่ตีนอย่าได้ วากเว้ วางหนี”

กระผมชอบคำตอบของราชสีห์มากครับ ฯพณฯ
“สีหราช ร้องว่าโอ้ พาลหมู. ทรชาติ ครั้นเห็นกู เกลียดใกล้. ฤๅมึง ใคร่รบดนู มึงนาศ เองนา. กูเกลียด มึงกูให้ พ่ายแพ้ภัยตัว”.

แต่กระผมพบแล้วครับ คนธรรมดาที่รับคำท้า เขาจบปริญญาโทกฎหมายในประเทศนี่เอง เขาบอกผมว่า มหาบัณฑิตกฎหมายมหาวิทยาลัยเขาต้องรู้ภาษาอังกฤษดี จึงจะผ่าน ส่วนดุษฎีบัณฑิตจะต้องคล่องละติน อีกภาษาหนึ่ง เขายังไม่จบดุษฎีบัณฑิต แต่ยินดีโต้วาทีหลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญกับดุษฎีบัณฑิตกฎหมายจากพรรคพลังประชาชน ให้เลือกเอาว่าจะเอาภาษาอังกฤษหรือละตินก็ได้ ช่วยกรุณาแจ้งต่อด้วยครับ

การพิมพ์หนังสือ 2 เล่มนี้เผยแพร่ กระผมเห็นว่ามีแต่ได้กับได้ ดีกว่าที่ ฯพณฯ เผยแพร่หนังสือ “รัดทำมะนวย หัวคูณ” ฉบับแนบหน้าอกนายกฯหลายเท่า

ส่วนเรื่อง “สมบัติผู้ดี” นั้น เป็นเรื่องทั่วๆ ไปสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองในสภาฯหรือคนที่อยู่ข้างนอก กระผมไม่มีเจตนาตีกระทบหรือเจาะจงไปที่ การุณ โหสกุล หรือ กำนันชัย ชิดชอบ ท่านหลังนี้ กระผมรู้จักมาหลายสิบปี เวลานี้ก็มีความรู้สึกดีๆ เหลืออยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ในครั้งหลังเมื่อพบกัน ก็คุ้นพอที่จะคุยถึงความเก่งกล้าสามารถหรือความก้าวหน้าของลูกแต่ละคนหลายครั้ง ส่วนการุณ ก็เป็น ส.ส.เขตเดียวพรรคเดียวกับหลานของกระผม เวลาพบปะเผินๆ ก็เห็นมีวาจากิริยาเรียบร้อยมีสมบัติผู้ดี ใครพบเห็นก็ชมเชยรักใคร่ ที่จะไปแสดงตรงกันข้ามหน้ามือเป็นหลังมือในที่อื่นๆ นั้น ก็สมควรจะพิจารณาผิดถูกเป็นเรื่องๆ ไป ดังเช่น การตั้งกรรมการพิจารณาในสภาฯ ชุดพันเอกอภิวันท์ กระผมว่าชอบแล้ว กระผมวิตกอยู่ก็แต่ว่ารูปที่ท่านกำนันชัยโอบกอดการุณในวันที่เกิดเหตุในสถานที่เกิดเหตุ จะถูกแปลความในทางลบต่างๆนานา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อท่านกำนันได้ขึ้นแท่นเป็นประมุขอำนาจอธิปไตยฝ่ายนิติบัญญัติ ก็จะไม่สง่างามสำหรับประเทศชาติเลย

เรื่องนายกรัฐมนตรีพบกับสภาฯ เฉพาะของไทย อย่างน้อยที่สุด กระผมเห็นว่ามีอานิสงส์อยู่ดังต่อไปนี้

1) จะช่วยให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเตรียมตัว ตื่นตัว มิตกอยู่ในความประมาท โปร่งใส ไม่เหลิงอำนาจ ทำการบริหารราชการแผ่นดินตามวัตถุประสงค์และโครงการที่ได้แถลงนโยบายไว้ ตามลำดับแห่งความสำคัญ หรือปรับเปลี่ยนเมื่อเกิดวิกฤตหรือความเร่งด่วนเฉพาะหน้า โดยเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านมีส่วนร่วมด้วยอย่างจริงจัง และประชาชนมีโอกาสรับรู้ ติดตาม ได้ตลอดเวลา เสมือนหนึ่งเป็นการตรวจสอบคุณภาพ ประเมินผลเบื้องต้น และทบทวนงานของรัฐบาลไปในตัวทุกระยะ

2) ลดความพร่ำเพรื่อของการตั้งกระทู้เพื่อเอาชนะคะคานหรือประจานกันทางการเมือง หรือการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ทางการเมืององพรรคเป็นใหญ่ หรือสักแต่ว่าเปิดอภิปราย เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้มีสิทธิเปิดอภิปราย ทั้งๆ ที่รู้ว่าผลซึ่งอ้างว่าจะได้รับไม่มีทางปรากฏเป็นจริง อันเป็นเหตุการณ์หรือจารีตที่น่าเบื่อหน่าย ทำให้คนเสื่อมศรัทธาพรรคหรือสถาบันผู้แทนราษฎรมาตลอด เป็นการสร้างวัฒนธรรมและให้ความรู้ทางการเมืองผิดๆ แก่ปวงราษฎร

3) เป็นการเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีพูดกับประชาชนได้โดยตรงผ่านสภาผู้แทนราษฎร และเป็นการพูดในเรื่องที่มีเนื้อหาสาระ มีความสลักสำคัญ มิใช่มโนสาเหร่ ฝนตกขี้หมูไหล เป็นการประชาสัมพันธ์และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ และสามารถออกความคิดเห็น มีส่วนร่วม ซึ่งจะดีขึ้นเป็นลำดับ ต่างกันกับคุณภาพการอภิปรายในสภาฯ ทุกวันนี้ที่ต่ำลงๆ ถ้าหากท่านนายกฯ ตัดสินใจที่จะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ความจำเป็นที่ท่านนายกฯ จะต้องพูดจาประสาสมัครอีกต่อไปก็ไม่มี ท่านนายกฯ จะเลิกได้โดยไม่ต้องเสียหน้า

กระผมขออภัยที่จะต้องพูดตรงๆ ว่า พูดจาประสาสมัครนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และไม่มีรสนิยม เรื่องความเป็นผู้นำตัวอย่างหรือรัฐบุรุษไม่ต้องพูดถึงเลย มีวิธีการและโอกาสอื่นๆ ที่ ฯพณฯ จะสามารถพูดกับประชาชนโดยตรงได้ โดยเฉพาะในยุคดิจิตอลนี้ง่ายมาก กระผมขอเสนอให้ ฯพณฯ เปิดเว็บไซต์เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตามตัวอย่างนี้

www.number-10.gov.uk/
ContactHistory
TourBiography
Prime Minister’s QuestionsPrime Minister’s Office
The Big IssuesLatest News

การที่นายกรัฐมนตรีจะพูดโดยตรงกับประชาชนอย่างนายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชนหรือพูดจาประสาสมัคร ซึ่งนายกรัฐมนตรีพูดจาเรื่อยเปื่อย บางทีก็อวดโอ้ตัวเอง บางทีก็ทับถมผู้อื่นนั้นมัน หมดสมัยแล้ว สู้เอาไว้พูดโอกาสที่เหมาะเยี่ยงรัฐบุรุษและประมุขของฝ่ายบริหารในประเทศอารยประชาธิปไตยจะเหมาะกว่า หากจะเก็บเอาแต่ความคิดความแค้นของตนมาพร่ำบ่นไม่เว้นแต่ละอาทิตย์ จะถือว่าเป็นบุรุษที่ควรค่าเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ที่มี ทมะ คือ ความข่มใจ และ ขันติ คือ ความอดทน ได้อย่างไร

ท่านนายกฯ อาจจะหลงเอาตัวอย่าง Fireside Chats ที่ท่านประธานาธิบดีรูสเวลส์ของอเมริกา นั่งหน้าเตาผิงและพูดไปถึงประชาชนโดยตรงมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งกระผมก็จะไม่เถียงว่าเขาทำมาแล้ว เป็นการสร้างตำนานที่ประมุขของประเทศ (ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายบริหารหรือนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภา ซึ่งมิใช่ประมุขของประเทศ) พูดกับราษฎรโดยตรงผ่านสื่อ ไม่ผ่านองค์กรหรือสถาบันตัวกลาง แต่สิ่งที่ท่านประธานาธิบดีพูดนั้น จำกัดครั้งละ 1 หัวข้อ เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับวิกฤตและหลักการและวิธีการแก้วิกฤตในภาวะสงคราม ซึ่งประชาชนจำเป็นต้องรับรู้และให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ไม่เหมือนกับ “พูดจาประสาสมัคร” ของท่านนายกฯ หรือนายกฯทักษิณเลย และในยุคปัจจุบัน หากผู้นำรัฐบาลจะพูด โดยผ่านสื่อของรัฐ เขาก็จะต้องจัดให้ผู้นำฝ่ายค้านได้พูด โดยใช้สื่อและเวลาที่เท่าๆ กัน ตามมารยาทและกฎหมายที่เรียกว่า Equal Time Provision (การจัดเวลาโฆษณาในสื่อให้ยุติธรรมและเท่าเทียมกัน)

ส่วนในระบบรัฐสภาอังกฤษ กระผมอยากจะให้ ฯพณฯ อ่านความลำบากใจของนายกรัฐมนตรีที่อยากจะพูดหรือโต้ตอบสื่อ แต่ไม่สามารถกระทำได้ หากกระผมจะนำมาลงเป็นภาษาอังกฤษหรือแปลก็ตาม คงจะทำให้จดหมายนี้ยาวมาก กระผมจึงขอสรุปแต่เพียงว่า เขาเห็นว่าไม่สมควรกระทำ และไม่สามารถกระทำ อย่างที่ ฯพณฯ กระทำอยู่ทุกวันนี้ เพราะมันจะไม่ถูกต้อง ไม่มีเกียรติ และไม่เป็นประชาธิปไตย กระผมแนบต้นฉบับมาให้ ฯพณฯ อ่านดูเอาเองพร้อมนี้

สรุปแล้ว กระผมเห็นว่า ฯพณฯ ควรจะฉลาดเลือกเอาวิธียิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือเลือกสร้างจารีต “นายกรัฐมนตรีพูดกับสภาฯ” และเลิกรายการ “พูดจาประสาสมัคร” เสียโดยเร็ว

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นายปราโมทย์ นาครทรรพ
กำลังโหลดความคิดเห็น