5 พฤษภาคม 2551
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
เมื่อไม่นานมานี้ กระผมได้เขียนจดหมายถึงฯพณฯ ครั้งหนึ่งแล้ว หากบังเอิญ ฯพณฯ จงใจหรือบังเอิญไม่ได้อ่าน โปรดกรุณาให้เจ้าหน้าที่ไปเปิด “ผู้จัดการออนไลน์” ค้นหาเรื่อง “จดหมายถึงสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าคนใช้คนใหม่” เพื่อจะได้นำมาอ่านพร้อมๆ กันเสียกับฉบับนี้
ฯพณฯ คงไม่คาดว่าจะได้รับจดหมายจากกระผม กระผมเองก็ไม่เคยมีความตั้งใจว่าจะเขียนมาถึง ฯพณฯ อีก มูลเหตุสำคัญที่ทำให้กระผมต้องเขียน ก็คือ การปฏิบัติตนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ฯพณฯ เอง ซึ่งแปลกไม่เหมือนนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ประเทศไทยเคยมีมาเลย ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีท่านใดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยกระทำตนเหมือนกับ ฯพณฯ สักคนเดียว
อะไรหรือที่ไม่เหมือนเขา ถ้าหาก ฯพณฯ อยากแน่ใจ ลองให้โพลที่ ฯพณฯ หรือพรรค พปช.ไว้วางใจเชื่อถือสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปดู กระผมมั่นใจกล้าพนันว่าคำตอบที่ได้จะต้องเป็น “นายกฯ คนนี้ปากมาก (ฉิบหาย)”
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น 2-3 วันที่ผ่านมานี้ เราจะได้ยินจากปากท่านนายกฯ เองหรือว่าจะต้องหุบปากสักหน่อย เพราะมีท่านผู้ใหญ่ระดับสูงเตือนมา
กระผมเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านผู้ใหญ่ระดับสูงของฯพณฯ คือท่านผู้ใด แต่คงไม่ใช่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์แน่ๆ เพราะ ฯพณฯ ไม่เคยรู้จักหรือยอมรับว่าพล.อ.เปรมเป็นผู้ใหญ่
เดากันว่า ท่านผู้ใหญ่ของ ฯพณฯ คงมิใช่ใครที่ไหน (กรุณาอย่าพิมพ์ผิดว่าหนวย ถ้าเตือนแล้วไม่เชื่อผมจะฟ้อง) ก็คือ ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณนั่นเอง
แต่เอ กำลังนี้ ทักษิณหลบไปอังกฤษแล้วไม่ใช่หรือ (จำได้มั้ยครับ สำนวนใคร) ไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เห็นนั่งหน้าแป้นดูธงชาติไทยเขียนชื่อตัวเอง แขวนอยู่ใต้ตีนฝรั่งบนอัฒจันทร์ฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีไม่ใช่หรือ ตรงที่แขวนนันเป็นจุดศูนย์กลางที่โดดเด่นที่สุดในสนาม บริษัทที่อยากโฆษณาคงต้องแย่งกันแทบตายกว่าจะได้จุดนั้น ดีไม่ดีจะต้องคอยเป็นปีกว่าจะถึงคิว ที่จะแขวนฟรีนั้นอย่าหวัง หากไม่มีท่านผู้ใหญ่จริงๆ สั่ง
คนเดียวกันใช่ไหมครับ ท่านนายกฯ
แต่เอ เมื่อเร็วๆ นี้ ฯพณฯ พานายกรัฐมนตรีพม่าเข้าเฝ้าฯ คนชอบลือก็พากันเดาอีก หรือว่า ฯพณฯ จะถูกในหลวงทรงเตือนให้หุบปากเสียก็ไม่รู้
กระผมสงสารพระเจ้าอยู่หัวจริงๆ อะไรๆ ก็ลงที่พระองค์ท่านหมด เมื่อตอนที่ ฯพณฯ พาครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ คนก็ลือกันอีกว่าพระราชทานเวลาพิเศษให้ท่านนายกฯ ถึง 30 นาที คงจะทรงแนะนำท่านนายกฯ เป็นแน่ว่าจะจัดการกับทักษิณอย่างไรดี หลายคนก็ค้านว่าไม่มีทางหรอก ในหลวงเข้าพระทัยเรื่องประชาธิปไตยดี เรื่องเขื่อนพระองค์ท่านทรงแนะนำได้ แต่การเมืองเรื่องพรรคอย่าหวังเลยว่าพระองค์จะเข้าใครออกใคร หรือปริพระโอษฐ์กับใคร ท่านนายกฯ ก็ต้องระวังนะครับ อย่าเอาในหลวงไปอ้างกับใคร
เรื่องนี้แหละครับ เป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่กระผมอยากจะพูดกับ ฯพณฯ
กระผมขอถือโอกาสพูดเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศก่อน 2 เรื่องพร้อมกับขออภัยหากจะต้องรบกวนเตือนว่า ต่อไป ฯพณฯ จะต้องระวังอย่าให้ประเทศชาติ ต้องเสียผลประโยชน์ไป เพราะผู้นำประเทศปากเสีย
เรื่องที่ 1 ก็คือ เรื่องการปูพรมแดงรับนายกฯหม่อง ถึงขนาดต้องพาเข้าเฝ้าฯ ด้วย เรื่องนี้บัดซบนะครับ ทั้งกระทรวงต่างประเทศและรัฐบาลน่าจะต้องรู้ว่า โลกเขากำลังจ้องมองพม่าอยู่อย่างไร UN กับอาเซียนเขาว่าอย่างไร ความจริง นายกฯ พม่าจะแจ้นเข้ามาพบนายกฯ ตั้งแต่ครั้งพล.อ.สุรยุทธ์แล้ว ดีแต่พล.อ.สุรยุทธ์รู้จักคิดไม่ยอมเอออวยตามกระทรวงต่างประเทศ การเอาอกเอาใจพม่าตะพึดตะพือไปเพราะบรรดาผู้นำทั้งในอดีตและปัจจุบันมีผลประโยชน์อยู่กับประเทศพม่า มันจะไม่พ้นสายตาชาวโลกไปได้ อีกสักวันไทยจะถูกเขาประจานว่าเป็นหมาหัวเน่า ยิ่งคราวนี้หาก ฯพณฯ พูดมากปากเปรี้ยว ปล่อยให้ผู้นำหม่องเอาไปอ้างผิดๆ เราจะพากันซวยไปทั้งประเทศ
เรื่องที่ 2 คือ เรื่องที่ท่านนายกฯ ไปวิจารณ์เลขาธิการยูเอ็น ว่าตามก้นประเทศผู้ใช้น้ำมัน ไม่เห็นใจประเทศที่เพาะปลูกเลี้ยงโลก ที่หันมาปลูกพืชทำน้ำมันไบโอดีเซล จนทำให้สิ่งแวดล้อมขาดสมดุล เกิดวิกฤตขาดอาหาร ฟังเผินๆ คนอาจจะเห็นว่าท่านนายกฯ พูดดี มีความกล้าหาญเหมือนกับอดีตนายกฯ ทักษิณที่ประกาศว่า “ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ” ความจริง การพูดแบบนี้ธรรมเนียมไทยถือว่า “แกว่ง (เท้า) ปากหาเสี้ยน” แต่วิธีการพูดและคำพูดของท่านนายกฯ และข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง มันสู้ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” ไม่ได้ ถ้าพูดแล้วคนเขาไม่ชอบหน้า ไม่นำพากับเรา หากเป็นนายสมัคร สุนทรเวช ราษฎรธรรมดาก็ไม่เห็นจะเป็นไร แต่นี่มันนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่องนี้ถ้าหากไทยไม่ถูกเขาตอกกลับมา กระผมจะให้เหยียบ ถ้าเลขาฯ ยูเอ็นหมั่นไส้ แล้วไทยจะได้อะไร
ท่านนายกฯ ครับ กระผมเห็นใจท่านนายกฯ ที่เกิดฤกษ์ผีเจาะปากให้พูด อย่างที่กระผมว่านะครับ ถ้า ฯพณฯ เป็นคนธรรมดาก็แล้วไป แต่นี่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมันเป็นสถาบันที่จะต้องรักษาไว้ในฐานะที่ควรเคารพเชิดชู ฯพณฯ ไม่สมควรดึงมันลงให้ต่ำอย่างเด็ดขาด
ในประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนา นายกฯ หรือประธานาธิบดี เขาจะต้องมีโฆษกทั้งประจำตำแหน่งและส่วนตัว เขาจะพูดน้อยราวกับจะกลัวดอกพิกุลหล่น และในทางการเมือง เขาจะต้องมีนักการเมืองคนหรือกลุ่มหนึ่งไว้คอยพูดแทน
ลอร์ดแอตลี อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองปากตะไกร เวลาได้เป็นนายกฯ แล้ว คนเขาพากันกลัวว่าจะเป็นปลาหมอตายเพราะปาก แต่ท่านนายกฯ กลับไม่พูดอะไรเลย เมื่อมีคนถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ท่านนายกฯ ตอบว่า “ทำไมผมจะต้องเห่าเองด้วย ในเมื่อผมมีคนเห่าแทนอยู่แล้ว”
คนปากหมาที่เห่าแทนท่านนายกฯ แอตลี ก็คือ นายอนูลิน บีแวน ส.ส.ปากตะไกรพรรคแรงงานนั่นเอง
กระผมเลยนึกถึงคุณบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีต ส.ส.ตลอดกาล ลำปาง รัฐมนตรีอาวุโสหลายรัฐบาล พี่เท่ง เป็นผู้แนะนำให้พล.อ.ชาติชายหาหมาสักตัวหนึ่งไว้คอยเห่าแทน
กระผมแน่ใจว่า ฯพณฯ ทราบว่าหมาตัวนั้นคือใคร
ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีครับ เรื่องสำคัญที่สุดที่กระผมอยากเสนอแนะ ก็คือ ให้ ฯพณฯ เป็นผู้นำสร้างจารีตประชาธิปไตย ด้วยการให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ รายงานราชการแผ่นดินต่อพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำทุกสัปดาห์
นายกฯ จะได้ทำการบ้าน และได้อานิสงส์จากการพระราชทานคำปรึกษา แนะนำ ตักเตือน และให้กำลังใจ
ข้อสำคัญในการเข้าเฝ้าฯ นั้นจะต้องไม่มีการจดบันทึกหรือเผยแพร่ใดๆ และจะไม่มีการนำในหลวงไปแอบอ้างอย่างเด็ดขาด
และข้อสำคัญที่สุด ท่านนายกฯ สมัครจะต้องพยายามควบคุมปากตนเอง มีความอดกลั้นอดทนให้สมกับเป็นผู้นำและผู้ใหญ่ ไม่ว่ากระจอกงอกง่อยที่ไหนเขาจะพูดอะไร ก็ไม่ต้องร้อนตัวร้อนท้องโต้ตอบเขาไปเสียหมด ถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่ เกรงว่าในหลวงจะทรงลำบาก ทนเห็นหน้าคนที่ชื่อสมัคร สุนทรเวชไม่ไหว
ถ้ากระผมไม่ปรารถนาดี เรื่องอะไรกระผมจะต้องพูดเรื่องนี้
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นายปราโมทย์ นาครทรรพ
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
เมื่อไม่นานมานี้ กระผมได้เขียนจดหมายถึงฯพณฯ ครั้งหนึ่งแล้ว หากบังเอิญ ฯพณฯ จงใจหรือบังเอิญไม่ได้อ่าน โปรดกรุณาให้เจ้าหน้าที่ไปเปิด “ผู้จัดการออนไลน์” ค้นหาเรื่อง “จดหมายถึงสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าคนใช้คนใหม่” เพื่อจะได้นำมาอ่านพร้อมๆ กันเสียกับฉบับนี้
ฯพณฯ คงไม่คาดว่าจะได้รับจดหมายจากกระผม กระผมเองก็ไม่เคยมีความตั้งใจว่าจะเขียนมาถึง ฯพณฯ อีก มูลเหตุสำคัญที่ทำให้กระผมต้องเขียน ก็คือ การปฏิบัติตนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ฯพณฯ เอง ซึ่งแปลกไม่เหมือนนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่ประเทศไทยเคยมีมาเลย ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีท่านใดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยกระทำตนเหมือนกับ ฯพณฯ สักคนเดียว
อะไรหรือที่ไม่เหมือนเขา ถ้าหาก ฯพณฯ อยากแน่ใจ ลองให้โพลที่ ฯพณฯ หรือพรรค พปช.ไว้วางใจเชื่อถือสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปดู กระผมมั่นใจกล้าพนันว่าคำตอบที่ได้จะต้องเป็น “นายกฯ คนนี้ปากมาก (ฉิบหาย)”
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น 2-3 วันที่ผ่านมานี้ เราจะได้ยินจากปากท่านนายกฯ เองหรือว่าจะต้องหุบปากสักหน่อย เพราะมีท่านผู้ใหญ่ระดับสูงเตือนมา
กระผมเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านผู้ใหญ่ระดับสูงของฯพณฯ คือท่านผู้ใด แต่คงไม่ใช่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์แน่ๆ เพราะ ฯพณฯ ไม่เคยรู้จักหรือยอมรับว่าพล.อ.เปรมเป็นผู้ใหญ่
เดากันว่า ท่านผู้ใหญ่ของ ฯพณฯ คงมิใช่ใครที่ไหน (กรุณาอย่าพิมพ์ผิดว่าหนวย ถ้าเตือนแล้วไม่เชื่อผมจะฟ้อง) ก็คือ ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณนั่นเอง
แต่เอ กำลังนี้ ทักษิณหลบไปอังกฤษแล้วไม่ใช่หรือ (จำได้มั้ยครับ สำนวนใคร) ไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เห็นนั่งหน้าแป้นดูธงชาติไทยเขียนชื่อตัวเอง แขวนอยู่ใต้ตีนฝรั่งบนอัฒจันทร์ฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีไม่ใช่หรือ ตรงที่แขวนนันเป็นจุดศูนย์กลางที่โดดเด่นที่สุดในสนาม บริษัทที่อยากโฆษณาคงต้องแย่งกันแทบตายกว่าจะได้จุดนั้น ดีไม่ดีจะต้องคอยเป็นปีกว่าจะถึงคิว ที่จะแขวนฟรีนั้นอย่าหวัง หากไม่มีท่านผู้ใหญ่จริงๆ สั่ง
คนเดียวกันใช่ไหมครับ ท่านนายกฯ
แต่เอ เมื่อเร็วๆ นี้ ฯพณฯ พานายกรัฐมนตรีพม่าเข้าเฝ้าฯ คนชอบลือก็พากันเดาอีก หรือว่า ฯพณฯ จะถูกในหลวงทรงเตือนให้หุบปากเสียก็ไม่รู้
กระผมสงสารพระเจ้าอยู่หัวจริงๆ อะไรๆ ก็ลงที่พระองค์ท่านหมด เมื่อตอนที่ ฯพณฯ พาครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ คนก็ลือกันอีกว่าพระราชทานเวลาพิเศษให้ท่านนายกฯ ถึง 30 นาที คงจะทรงแนะนำท่านนายกฯ เป็นแน่ว่าจะจัดการกับทักษิณอย่างไรดี หลายคนก็ค้านว่าไม่มีทางหรอก ในหลวงเข้าพระทัยเรื่องประชาธิปไตยดี เรื่องเขื่อนพระองค์ท่านทรงแนะนำได้ แต่การเมืองเรื่องพรรคอย่าหวังเลยว่าพระองค์จะเข้าใครออกใคร หรือปริพระโอษฐ์กับใคร ท่านนายกฯ ก็ต้องระวังนะครับ อย่าเอาในหลวงไปอ้างกับใคร
เรื่องนี้แหละครับ เป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่กระผมอยากจะพูดกับ ฯพณฯ
กระผมขอถือโอกาสพูดเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศก่อน 2 เรื่องพร้อมกับขออภัยหากจะต้องรบกวนเตือนว่า ต่อไป ฯพณฯ จะต้องระวังอย่าให้ประเทศชาติ ต้องเสียผลประโยชน์ไป เพราะผู้นำประเทศปากเสีย
เรื่องที่ 1 ก็คือ เรื่องการปูพรมแดงรับนายกฯหม่อง ถึงขนาดต้องพาเข้าเฝ้าฯ ด้วย เรื่องนี้บัดซบนะครับ ทั้งกระทรวงต่างประเทศและรัฐบาลน่าจะต้องรู้ว่า โลกเขากำลังจ้องมองพม่าอยู่อย่างไร UN กับอาเซียนเขาว่าอย่างไร ความจริง นายกฯ พม่าจะแจ้นเข้ามาพบนายกฯ ตั้งแต่ครั้งพล.อ.สุรยุทธ์แล้ว ดีแต่พล.อ.สุรยุทธ์รู้จักคิดไม่ยอมเอออวยตามกระทรวงต่างประเทศ การเอาอกเอาใจพม่าตะพึดตะพือไปเพราะบรรดาผู้นำทั้งในอดีตและปัจจุบันมีผลประโยชน์อยู่กับประเทศพม่า มันจะไม่พ้นสายตาชาวโลกไปได้ อีกสักวันไทยจะถูกเขาประจานว่าเป็นหมาหัวเน่า ยิ่งคราวนี้หาก ฯพณฯ พูดมากปากเปรี้ยว ปล่อยให้ผู้นำหม่องเอาไปอ้างผิดๆ เราจะพากันซวยไปทั้งประเทศ
เรื่องที่ 2 คือ เรื่องที่ท่านนายกฯ ไปวิจารณ์เลขาธิการยูเอ็น ว่าตามก้นประเทศผู้ใช้น้ำมัน ไม่เห็นใจประเทศที่เพาะปลูกเลี้ยงโลก ที่หันมาปลูกพืชทำน้ำมันไบโอดีเซล จนทำให้สิ่งแวดล้อมขาดสมดุล เกิดวิกฤตขาดอาหาร ฟังเผินๆ คนอาจจะเห็นว่าท่านนายกฯ พูดดี มีความกล้าหาญเหมือนกับอดีตนายกฯ ทักษิณที่ประกาศว่า “ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ” ความจริง การพูดแบบนี้ธรรมเนียมไทยถือว่า “แกว่ง (เท้า) ปากหาเสี้ยน” แต่วิธีการพูดและคำพูดของท่านนายกฯ และข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง มันสู้ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” ไม่ได้ ถ้าพูดแล้วคนเขาไม่ชอบหน้า ไม่นำพากับเรา หากเป็นนายสมัคร สุนทรเวช ราษฎรธรรมดาก็ไม่เห็นจะเป็นไร แต่นี่มันนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่องนี้ถ้าหากไทยไม่ถูกเขาตอกกลับมา กระผมจะให้เหยียบ ถ้าเลขาฯ ยูเอ็นหมั่นไส้ แล้วไทยจะได้อะไร
ท่านนายกฯ ครับ กระผมเห็นใจท่านนายกฯ ที่เกิดฤกษ์ผีเจาะปากให้พูด อย่างที่กระผมว่านะครับ ถ้า ฯพณฯ เป็นคนธรรมดาก็แล้วไป แต่นี่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมันเป็นสถาบันที่จะต้องรักษาไว้ในฐานะที่ควรเคารพเชิดชู ฯพณฯ ไม่สมควรดึงมันลงให้ต่ำอย่างเด็ดขาด
ในประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนา นายกฯ หรือประธานาธิบดี เขาจะต้องมีโฆษกทั้งประจำตำแหน่งและส่วนตัว เขาจะพูดน้อยราวกับจะกลัวดอกพิกุลหล่น และในทางการเมือง เขาจะต้องมีนักการเมืองคนหรือกลุ่มหนึ่งไว้คอยพูดแทน
ลอร์ดแอตลี อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองปากตะไกร เวลาได้เป็นนายกฯ แล้ว คนเขาพากันกลัวว่าจะเป็นปลาหมอตายเพราะปาก แต่ท่านนายกฯ กลับไม่พูดอะไรเลย เมื่อมีคนถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ท่านนายกฯ ตอบว่า “ทำไมผมจะต้องเห่าเองด้วย ในเมื่อผมมีคนเห่าแทนอยู่แล้ว”
คนปากหมาที่เห่าแทนท่านนายกฯ แอตลี ก็คือ นายอนูลิน บีแวน ส.ส.ปากตะไกรพรรคแรงงานนั่นเอง
กระผมเลยนึกถึงคุณบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีต ส.ส.ตลอดกาล ลำปาง รัฐมนตรีอาวุโสหลายรัฐบาล พี่เท่ง เป็นผู้แนะนำให้พล.อ.ชาติชายหาหมาสักตัวหนึ่งไว้คอยเห่าแทน
กระผมแน่ใจว่า ฯพณฯ ทราบว่าหมาตัวนั้นคือใคร
ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีครับ เรื่องสำคัญที่สุดที่กระผมอยากเสนอแนะ ก็คือ ให้ ฯพณฯ เป็นผู้นำสร้างจารีตประชาธิปไตย ด้วยการให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ รายงานราชการแผ่นดินต่อพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำทุกสัปดาห์
นายกฯ จะได้ทำการบ้าน และได้อานิสงส์จากการพระราชทานคำปรึกษา แนะนำ ตักเตือน และให้กำลังใจ
ข้อสำคัญในการเข้าเฝ้าฯ นั้นจะต้องไม่มีการจดบันทึกหรือเผยแพร่ใดๆ และจะไม่มีการนำในหลวงไปแอบอ้างอย่างเด็ดขาด
และข้อสำคัญที่สุด ท่านนายกฯ สมัครจะต้องพยายามควบคุมปากตนเอง มีความอดกลั้นอดทนให้สมกับเป็นผู้นำและผู้ใหญ่ ไม่ว่ากระจอกงอกง่อยที่ไหนเขาจะพูดอะไร ก็ไม่ต้องร้อนตัวร้อนท้องโต้ตอบเขาไปเสียหมด ถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่ เกรงว่าในหลวงจะทรงลำบาก ทนเห็นหน้าคนที่ชื่อสมัคร สุนทรเวชไม่ไหว
ถ้ากระผมไม่ปรารถนาดี เรื่องอะไรกระผมจะต้องพูดเรื่องนี้
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
นายปราโมทย์ นาครทรรพ