ผู้จัดการรายวัน -“รัฐบาล” ทุ่มงบ 300 ล้าน เอาใจรากหญ้า อนุมัติกระทรวงเกษรตรฯหาปุ๋ยเคมีจากต่างชาติขายคนไทยในราคาถูก หลังปุ๋ยราคาแพงเดินหน้า “ประชานิยม”ต่อปล่อยกู้คิดดอกเบี้ย 300 ล้านชำระคืนธ.ค.นี้ พร้อมร่างแผนพัฒนาเกษรตรอินทรีย์ปี 51-54 โครงการนับร้อย เทงบ 4.826 พันล้านบาท
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ทางครม.มีมติเห็นชอบอนุมัติในหลักการให้กระทรวงแกษตรและสหกรณ์ จัดหาปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศเพื่อจำหน่ายให้เกษตรกรในราคาที่ถูกกว่าในวงเงิน 300 ล้านบาท หลังจากราคาปุ๋ยที่สูง โดยใช้งบประมาณจากสำนักงบประมาณแห่งชาติ โดยคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรแห่งชาติมีมติให้นำเสนอครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรในวงเงิน 304,500,000 ล้านบาทเพื่อดำเนินการจัดหาปุ๋ยเคมีจากต่างชาติ แบ่งเป็นดอกเบี้ย จำนวน300 ล้านบาท โดยชำระคืนในเดือนธันวาคม ส่วนเงิน 4.5 ล้านบาทเป็นเงินจ่ายขาดในการตรวจสอบคุณภาพและบริหารจัดการโครงการโดยคิดตามค่าใช้จ่ายจริง
ทั้งนี้ ครม.อนุมัติร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2551-2554 โดยสาระสำคัญประกอบด้วยโครงการ 104 โครงการ 12แผนงานในวงเงิน 4.826 พันล้านบาท โดยปี 2551 จำนวน 1,118.42 ล้านบาท ในปี 2552 มีวงเงิน 1,463.31 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 1,085.42 และ ปี 2554n จำนวน 1,158.67 ล้านบาท โดยกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ4 ร่างคือ ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ทั้งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม รวมถึงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ จัดทำฐานข้อมูลด้านเกษตรอินทรีย์ในทุกระดับ
“หมัก” ไม่ ซื้อปุ๋ยยูเครน จัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้า
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 304.5 ล้านบาทในการจัดทำโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเป็นเงินปลอดดอกเบี้ยจำนวน300 ล้านบาท กำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี และ เป็นเงินจ่ายขาด จำนวน 4.50 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ คุณภาพปุ๋ยและค่าบริหารจัดการ เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินร้อยละ 1.5 ของวงเงิน 300 ล้านบาท โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอจัดสรรเงินจาก กองทุนสงเคราะห์เกษตกร
ทั้งนี้หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ในการจัดหาปุ๋ยในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2551 เนื่องจากมีเงินสดของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก.)จำนวน 5,511.44 ล้านบาท โดยเงื่อนไขของกฏหมายกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสามารถจัดสรรเพื่อมาดำเนินการตามแนวทางแก้ไขปุ๋ยเคมีราคาแพง ตามนโยบายยของกระทรวง
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า แม้ที่ประชุมจะอนุมัติ โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าจะจัดซื้อปุ๋ยเคมีจากประเทศใด แม้ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะยืนยันว่า มีแนวโน้มสูงที่กระทรวง จะสั่งซื้อปุ๋ยยูเรียจากประเทศยูเครนมาจำหน่ายให้เกษตรกรในราคาพิเศษ
ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ รายงานว่า เนื่องจากภายหลังการประสานงานกับประเทศต่างๆ พบว่า ประเทศยูเครนเสนอราคาต่ำที่สุด โดยเบื้องต้นราคา GIF 9,400 บาท เมื่อรวมค่าดำเนินการ เชื่อว่าจะมีราคาต่ำกว่าท้องตลาดตันละประมาณ 4,000 บาท ขณะนี้กรมวิชาการการเกษตรอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของปุ๋ยจากยูเครน โดยคาดว่าจะสรุปเป็นรายงานเสนอกลับมาวันที่ 6 พฤษภาคมนี้
ผุดยุทธศาสตร์การพัฒนา
เกษตรอินทรีย์แห่งชาติ
ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2551-2554 (ฉบับที่ 1) ประกอบด้วย 12 แผนงาน104 โครงการ กรอบวงเงินงบประมาณ 4,826.80 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ยังเห็นชอบการคุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ แห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอโดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน มีหน้าที่เสนอกลไกนโยบายหลักในการขับเคลื่อน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและผู้บริโภค สร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างรายได้และแก้ไขความยากจนของเกษตรกร ปรับวิถีการผลิต นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งและพัฒนาประเทศไทยให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรที่สำคัญในระดับภูมิภาค
โดยกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและจัดองค์ความรู้และนวัตกรรม 2.ยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตรอินทรีย์ตามวิถีพื้นบ้าน 3.ยุทธศาสตร์การส่งเสริมศักยภาพการเกษตรอินทรีย์เชิงพาณิชย์ 4.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเพื่อพัฒนาเกษตรอินทรีย์
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ทางครม.มีมติเห็นชอบอนุมัติในหลักการให้กระทรวงแกษตรและสหกรณ์ จัดหาปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศเพื่อจำหน่ายให้เกษตรกรในราคาที่ถูกกว่าในวงเงิน 300 ล้านบาท หลังจากราคาปุ๋ยที่สูง โดยใช้งบประมาณจากสำนักงบประมาณแห่งชาติ โดยคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรแห่งชาติมีมติให้นำเสนอครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรในวงเงิน 304,500,000 ล้านบาทเพื่อดำเนินการจัดหาปุ๋ยเคมีจากต่างชาติ แบ่งเป็นดอกเบี้ย จำนวน300 ล้านบาท โดยชำระคืนในเดือนธันวาคม ส่วนเงิน 4.5 ล้านบาทเป็นเงินจ่ายขาดในการตรวจสอบคุณภาพและบริหารจัดการโครงการโดยคิดตามค่าใช้จ่ายจริง
ทั้งนี้ ครม.อนุมัติร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2551-2554 โดยสาระสำคัญประกอบด้วยโครงการ 104 โครงการ 12แผนงานในวงเงิน 4.826 พันล้านบาท โดยปี 2551 จำนวน 1,118.42 ล้านบาท ในปี 2552 มีวงเงิน 1,463.31 ล้านบาท ปี 2553 จำนวน 1,085.42 และ ปี 2554n จำนวน 1,158.67 ล้านบาท โดยกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญ4 ร่างคือ ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ทั้งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม รวมถึงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ จัดทำฐานข้อมูลด้านเกษตรอินทรีย์ในทุกระดับ
“หมัก” ไม่ ซื้อปุ๋ยยูเครน จัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้า
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 304.5 ล้านบาทในการจัดทำโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเป็นเงินปลอดดอกเบี้ยจำนวน300 ล้านบาท กำหนดชำระคืนภายใน 1 ปี และ เป็นเงินจ่ายขาด จำนวน 4.50 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ คุณภาพปุ๋ยและค่าบริหารจัดการ เท่าที่จ่ายจริงไม่เกินร้อยละ 1.5 ของวงเงิน 300 ล้านบาท โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอจัดสรรเงินจาก กองทุนสงเคราะห์เกษตกร
ทั้งนี้หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ในการจัดหาปุ๋ยในต่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2551 เนื่องจากมีเงินสดของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก.)จำนวน 5,511.44 ล้านบาท โดยเงื่อนไขของกฏหมายกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสามารถจัดสรรเพื่อมาดำเนินการตามแนวทางแก้ไขปุ๋ยเคมีราคาแพง ตามนโยบายยของกระทรวง
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดเผยว่า แม้ที่ประชุมจะอนุมัติ โครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าจะจัดซื้อปุ๋ยเคมีจากประเทศใด แม้ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะยืนยันว่า มีแนวโน้มสูงที่กระทรวง จะสั่งซื้อปุ๋ยยูเรียจากประเทศยูเครนมาจำหน่ายให้เกษตรกรในราคาพิเศษ
ทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯ รายงานว่า เนื่องจากภายหลังการประสานงานกับประเทศต่างๆ พบว่า ประเทศยูเครนเสนอราคาต่ำที่สุด โดยเบื้องต้นราคา GIF 9,400 บาท เมื่อรวมค่าดำเนินการ เชื่อว่าจะมีราคาต่ำกว่าท้องตลาดตันละประมาณ 4,000 บาท ขณะนี้กรมวิชาการการเกษตรอยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของปุ๋ยจากยูเครน โดยคาดว่าจะสรุปเป็นรายงานเสนอกลับมาวันที่ 6 พฤษภาคมนี้
ผุดยุทธศาสตร์การพัฒนา
เกษตรอินทรีย์แห่งชาติ
ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ. 2551-2554 (ฉบับที่ 1) ประกอบด้วย 12 แผนงาน104 โครงการ กรอบวงเงินงบประมาณ 4,826.80 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติราชการ 4 ปีของหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ยังเห็นชอบการคุมคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ แห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอโดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน มีหน้าที่เสนอกลไกนโยบายหลักในการขับเคลื่อน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและผู้บริโภค สร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างรายได้และแก้ไขความยากจนของเกษตรกร ปรับวิถีการผลิต นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งและพัฒนาประเทศไทยให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรที่สำคัญในระดับภูมิภาค
โดยกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและจัดองค์ความรู้และนวัตกรรม 2.ยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตรอินทรีย์ตามวิถีพื้นบ้าน 3.ยุทธศาสตร์การส่งเสริมศักยภาพการเกษตรอินทรีย์เชิงพาณิชย์ 4.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเพื่อพัฒนาเกษตรอินทรีย์