ผู้จัดการรายวัน - "แม้ว" อ้างแฟนคลับ เป็นคนทำธงชาติติดชื่อ "ทักษิณ" ยอมรับเห็นแล้ว แต่ไม่ได้ไปห้าม เพราะกำลังลุ้นบอล ด้านกลุ่มประชาชนผู้รักชาติ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ และรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เร่งเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องเผยแพร่เสนอข่าวและสารคดีเกี่ยวกับการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ รวมถึงบุคคลที่มีความเห็นแตกต่างไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT ย้ำถือเป็นอันตรายอย่างมากต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (4 พ.ค.) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางจากประเทศอังกฤษ มายังประเทศไทย โดยมี นายพานทองแท้ และน.ส. พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท. ทักษิณ มารอรับที่สนามบิน ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาไม่ได้เดินทางมารับในครั้งนี้ด้วย
นอกจากคนในครอบครัวชินวัตร ที่เดินทางมารับ ยังมีบรรดารัฐมนตรี และส.ส.พรรคพลังประชาชนหน้าเดิมๆ มารอรับ อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช. คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และน.ส. ศันสนีย์ นาคพงษ์ โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ก็มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 111 คน นำโดย นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาในการพบปะบุคคลที่มารอรับดังกล่าวประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเดินทางออกจากสานามบินสุวรรณภูมิ ท่ามกลางอารักขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบจำนวนกว่า 100 นาย ทำให้ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยาวเหยียด เหมือนเมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาการเดินทางกลับของพ.ต.ท.ทักษิณ มักจะมีบรรดาแฟนคลับ มารอรับกันเป็นจำนวนมาก แต่ครั้งนี้กลับมีเพียงแค่ 3 คน เท่านั้น ซึ่งเป็นคนหน้าเดิมที่เคยมาขอความช่วยเหลือจากพ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีความบางเรื่อง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าไปทักทาย พร้อมแจกลายเซ็น ลงในหนังสือ"คิดเป็น ทำเป็น" ให้ด้วย
ห่วงเรื่องแข่งบอลมากกว่าธงชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินขึ้นรถหรู ยี่ห้อโฮเดิ้ล สีเทา หมายเลข ทะเบียน ชย 9894 ได้เดินพุ่งเข้ามาหาสื่อมวลชนกว่า 50 ชีวิต ที่มารอการชี้แจง ประเด็นการเขียนชื่อตัวเอง ลงบนธงชาติไทย ในการเชียร์ฟุตบอล ทีมแมนซิตี้ฯ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชี้แจงว่า ขอแสดงความเสียใจแทนแฟนคลับที่ฝากมา แฟนคลับชาวอังกฤษทำขึ้นมาด้วยความรักประเทศไทย รักสโมสร แต่พอเขารู้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาก็เสียใจ และฝากแสดงความเสียใจมาด้วย
"มันเป็นเรื่องที่วัฒนธรรมทางโน้น เขาไม่ถือ เขาก็เลยไม่รู้ จึงทำไปด้วยความปรารถนาดี แต่พอเราบอก เขาก็เสียใจ และเขาก็หยุด" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะชี้แจงเรื่องนี้กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คงต้องอธิบายให้ท่านฟัง เมื่อถามว่าวันนั้นนั่งอยู่ในสนามด้วย เห็นหรือไม่ที่กองเชียร์ ชูธงชาติไทยโดยมีชื่อตัวเอง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เห็น แต่บอลกำลังแข่ง หลังจากนั้นไปบอกเขาก็เลิก
เมื่อถามว่ารู้สึกกดดันหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตอนนั้นบอลกำลังแข่ง เรามีความกดดันเรื่องฟุตบอล แต่ก็รับรู้ว่าแฟนคลับ เขาปรารถนาดี
จี้นายกฯเอาผิดกลุ่มทำลายสถาบัน
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (4พ.ค.) กลุ่มพี่น้องข้าราชการ ประชาชน ผู้รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือการแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไม่บังควรในฐานะข้าฯพระบาท กรณีมีการเผยแพร่เสนอข่าวและสารคดีทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (NBT) มีสาระเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ รวมถึงเรื่องที่ กระบวนการแสดงออกของกลุ่มชนที่แสดงออกถึงการไม่ยอมรับ และไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ มีนำเสนอความคิดผ่านข้อความบนเสื้อ "ไม่ยืน-ไม่ใช่อาชญากร คิดต่าง-ไม่ใช่อาชญากรรม" ในวันที่ไปรับแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้เผยแพร่ไปทั่วโลก ต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผ่านทางเลขานุการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี และนายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
โดยขอให้นายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินการเอาผิดกับการกระทำดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และเด็ดขาด และอย่าให้มีเสนอข่าวในทำนองนี้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ดูแลกำกับสื่อ เพราะเรื่องนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่านำเรื่องสิทธิเสรีภาพมาอ้าง เพราะถึงแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ หนังสือร้องเรียนดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการเผยแพร่เสนอข่าวและสารคดีทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (NBT) มีสาระเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ รายงานสารคดีการล่มสลายของกษัตริย์เนปาล และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศฝรั่งเศส
เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าในเรื่องนี้ รัฐมนตรีผู้ที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ กลับชี้แจงว่า สถานีโทรทัศน์อื่นก็เสนอข่าวนี้เช่นเดียวกัน อันเป็นการแตกต่างจากข้อเท็จจริง เพราะผู้ที่ได้รับชมรู้สึกตรงกันว่า สถานีโทรทัศน์ NBT เน้นการเสนอข่าว และสารคดีเหล่านี้เป็นพิเศษ แตกต่างจากสถานีอื่นอย่างเห็นได้ชัด
การนำเสนอเนื้อหา และการให้ความสำคัญกับการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์อันเกินปกติของสถานี NBT ถือว่าเป็นอันตรายต่อความดำรงคงอยู่ของสถาบันกษัตริย์ อันเป็นที่เคารพและเทิดทูนของประชาชนทั้งประเทศ และในเวลาต่อมาก็มีกระบวนการแสดงออกของกลุ่มชนที่แสดงออกถึงการไม่ยอมรับ และไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ แล้วอ้างว่า เป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่จะเห็นต่าง แถมยังได้รับความเห็นด้วยจากรัฐมนตรีคนเดียวกันนี้ว่า ความเห็นต่างเช่นนี้สามารถกระทำได้ ตามสิทธิและเสรีภาพ
เมื่อมีการแจ้งความในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตาม มาตรา 112 ก็กลับฉวยโอกาสนำเสนอความคิดผ่านข้อความบนเสื้อ "ไม่ยืน-ไม่ใช่อาชญากร คิดต่าง-ไม่ใช่อาชญากรรม" ในวันที่ไปรับแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้เผยแพร่ไปทั่วโลก โดยไม่สำนึกเลยว่า ความเห็นต่างของตนนั้น เป็นการแสดงออกจากก้นบึ้งของหัวใจถึงการไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ในสายตาและความคิดของประชาชนผู้เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นการกระทำที่น่าอดสูน่าละอายในฐานะที่อ้างว่าเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง แต่กลับไร้ซึ่งความจงรักภักดีต่อในหลวงและพระราชวงศ์
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น มีการเปิดเว็บไซต์เพื่อให้กำลังใจกับบุคคลที่กระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกันอย่างเปิดเผยเอิกเกริก ย่ำยีจิตใจประชาชนส่วนใหญ่ผู้จงรักภักดี ซึ่งอาจเป็นชนวนก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวลึก ระหว่างประชาชนส่วนใหญ่ผู้จงรักภักดีกับประชาชนส่วนน้อยที่ไม่มีในหลวงอยู่ในหัวใจ ได้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้ที่มาร่วมรายการทางสถานีโทรทัศน์ NBT อาจหาญถึงกับใส่เสื้ออันอาจถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มไม่รักในหลวง มาออกรายการ โดยไม่มีการทักท้วงจากผู้ดำเนินรายการให้เปลี่ยนเสื้อ หรือปกปิดข้อความดังกล่าวเสีย
พวกเรา กลุ่มพี่น้องข้าราชการ ประชาชน ผู้รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ มีความเห็นพ้องต้องกันว่า การกระทำของกลุ่มไม่รักในหลวง และการเสนอข่าวและสารคดี ของสถานีโทรทัศน์ NBT เป็นอันตรายและเป็นการสั่นคลอนสถาบันอันเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนของประชาชนคนไทยทั้งมวล
จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี (ไม่ใช่ฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย) รัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ แสดงออกถึงความรับผิดชอบ แก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยรีบด่วน สั่งการให้มีการเอาผิดกับผู้ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ งดการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์ ปิดเว็บไซต์ที่สนับสนุนผู้ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยทันที เพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันกษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง
ทั้งนี้การเรียกร้องนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นความพยายามที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ มิควรที่ผู้ใดจะมาบิดเบือนว่าเป็นการนำสถาบันกษัตริย์มาเป็นการทำลายศัตรูทางการเมือง เพราะการปกป้องสถาบันกษัตริย์พึงเป็นหน้าที่ร่วมกันของพสกนิกรชาวไทย โดยไม่แบ่งแยกด้วยความเห็นต่างทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
อนึ่ง การแก้ต่างของรัฐมนตรีผู้ที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เสมือนเป็นการปกป้องการกระทำของสถานีโทรทัศน์ NBT และกลุ่มผู้ไม่จงรักภักดีต่อในหลวง ก็ขอให้พิจารณาตนเองว่ามีความเห็นด้วยกับคนเหล่านี้ ใช่หรือไม่ หากไม่ใช่ ก็ต้องไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เกิดซ้ำอีก มิเช่นนั้น อาจถือได้ว่าท่านกำลังแอบสนับสนุนการกระทำที่ขาดความจงรักภักดีของคนเหล่านี้อยู่ ด้วยตนเอง
ขอเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยผู้รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ทั้งประเทศ ลูกขึ้นต่อสู้ ต่อต้านการดำเนินการต่างๆ ที่เป็นการบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ และร่วมกันเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดคนกลุ่มนี้อย่างเคร่งครัด และระมัดระวังการเสนอข่าวและสารคดีในทำนองนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ปชป.ขู่จัดการ“ชาญวิทย์”ตามกม.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชาญวิทย์ จริยานุกูล ผู้ที่ถูกระบุว่า เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ระบุว่า ผิดหวังและเจ็บปวดกับการกระทำของนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายชวนเป็นนักการเมืองมายาวนานที่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เมื่อเกิดกรณีใบปลิวโจมตีประธานองคมนตรี ที่มาจากการแต่งตั้งโดยพระราชอำนาจ ก็กังวลว่าจะเป็นการจาบจ้วงสถาบันสูงสุดของประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง นายชวน จึงออกมาปกป้อง และชี้ให้สังคมเห็นอันตรายที่จะส่งผลถึงสถาบันที่รักยิ่งของสังคมไทย ซึ่งเป็นการกระทำโดยสำนึกถึงสถาบันและประเทศเป็นหลัก แม้นายชาญวิทย์ จะเจ็บปวด ก็ถือว่าเป็นสิทธิ แต่เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศไม่เจ็บปวด และสนับสนุนนายชวน ในการทำหน้าที่นี้
ส่วนการที่นายชาญวิทย์ พูดใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่าสนับสนุนให้เกิดการปฏิวัติ และพยายามจับมือกับคนใกล้ชิดของประธานองคมนตรี เพื่อยึดอำนาจ และไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนขอชี้แจงว่าพรรคมีจุดยืนชัดเจน สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เคยหนุนปฏิวัติทั้งในอดีตและอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มใด
ทั้งนี้ ภัยคุกคามประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การรัฐประหารเท่านั้น แต่ยังมีการใช้เงินที่มาจากการทำธุรกิจฉ้อฉลมาซื้อเสียงให้ได้อำนาจ และใช้ประชาธิปไตยอำพราง เข้ามากระทำชั่วร้ายแสวงประโยชน์ ทุจริตเชิงนโยบาย มีผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม แทรกแซงข่มขู่เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง และทำลายการแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เราเห็นว่ารัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ แต่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง หนีคดียุบพรรค เลี่ยงคดีทุจริต
นายองอาจ กล่าวว่า สำหรับคำแถลงของนายชาญวิทย์นั้น ขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตรวจสอบ เพราะเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับสังคมมากขึ้น โดยมีคำพูดหลายตอนที่หมิ่นเหม่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง นอกจากนี้พรรคจะพิจารณาดูว่า คำแถลงดังกล่าวเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่ ถ้าเข้าข่าย เราจะใช้ขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของพรรค และไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (4 พ.ค.) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางจากประเทศอังกฤษ มายังประเทศไทย โดยมี นายพานทองแท้ และน.ส. พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท. ทักษิณ มารอรับที่สนามบิน ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาไม่ได้เดินทางมารับในครั้งนี้ด้วย
นอกจากคนในครอบครัวชินวัตร ที่เดินทางมารับ ยังมีบรรดารัฐมนตรี และส.ส.พรรคพลังประชาชนหน้าเดิมๆ มารอรับ อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช. คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และน.ส. ศันสนีย์ นาคพงษ์ โฆษกประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ก็มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 111 คน นำโดย นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาในการพบปะบุคคลที่มารอรับดังกล่าวประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเดินทางออกจากสานามบินสุวรรณภูมิ ท่ามกลางอารักขาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบจำนวนกว่า 100 นาย ทำให้ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยาวเหยียด เหมือนเมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาการเดินทางกลับของพ.ต.ท.ทักษิณ มักจะมีบรรดาแฟนคลับ มารอรับกันเป็นจำนวนมาก แต่ครั้งนี้กลับมีเพียงแค่ 3 คน เท่านั้น ซึ่งเป็นคนหน้าเดิมที่เคยมาขอความช่วยเหลือจากพ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีความบางเรื่อง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าไปทักทาย พร้อมแจกลายเซ็น ลงในหนังสือ"คิดเป็น ทำเป็น" ให้ด้วย
ห่วงเรื่องแข่งบอลมากกว่าธงชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินขึ้นรถหรู ยี่ห้อโฮเดิ้ล สีเทา หมายเลข ทะเบียน ชย 9894 ได้เดินพุ่งเข้ามาหาสื่อมวลชนกว่า 50 ชีวิต ที่มารอการชี้แจง ประเด็นการเขียนชื่อตัวเอง ลงบนธงชาติไทย ในการเชียร์ฟุตบอล ทีมแมนซิตี้ฯ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชี้แจงว่า ขอแสดงความเสียใจแทนแฟนคลับที่ฝากมา แฟนคลับชาวอังกฤษทำขึ้นมาด้วยความรักประเทศไทย รักสโมสร แต่พอเขารู้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาก็เสียใจ และฝากแสดงความเสียใจมาด้วย
"มันเป็นเรื่องที่วัฒนธรรมทางโน้น เขาไม่ถือ เขาก็เลยไม่รู้ จึงทำไปด้วยความปรารถนาดี แต่พอเราบอก เขาก็เสียใจ และเขาก็หยุด" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะชี้แจงเรื่องนี้กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า คงต้องอธิบายให้ท่านฟัง เมื่อถามว่าวันนั้นนั่งอยู่ในสนามด้วย เห็นหรือไม่ที่กองเชียร์ ชูธงชาติไทยโดยมีชื่อตัวเอง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เห็น แต่บอลกำลังแข่ง หลังจากนั้นไปบอกเขาก็เลิก
เมื่อถามว่ารู้สึกกดดันหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตอนนั้นบอลกำลังแข่ง เรามีความกดดันเรื่องฟุตบอล แต่ก็รับรู้ว่าแฟนคลับ เขาปรารถนาดี
จี้นายกฯเอาผิดกลุ่มทำลายสถาบัน
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (4พ.ค.) กลุ่มพี่น้องข้าราชการ ประชาชน ผู้รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือการแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไม่บังควรในฐานะข้าฯพระบาท กรณีมีการเผยแพร่เสนอข่าวและสารคดีทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (NBT) มีสาระเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ รวมถึงเรื่องที่ กระบวนการแสดงออกของกลุ่มชนที่แสดงออกถึงการไม่ยอมรับ และไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ มีนำเสนอความคิดผ่านข้อความบนเสื้อ "ไม่ยืน-ไม่ใช่อาชญากร คิดต่าง-ไม่ใช่อาชญากรรม" ในวันที่ไปรับแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้เผยแพร่ไปทั่วโลก ต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ผ่านทางเลขานุการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี และนายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
โดยขอให้นายกรัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินการเอาผิดกับการกระทำดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และเด็ดขาด และอย่าให้มีเสนอข่าวในทำนองนี้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ดูแลกำกับสื่อ เพราะเรื่องนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่านำเรื่องสิทธิเสรีภาพมาอ้าง เพราะถึงแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ต้องไม่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ หนังสือร้องเรียนดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการเผยแพร่เสนอข่าวและสารคดีทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 (NBT) มีสาระเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ รายงานสารคดีการล่มสลายของกษัตริย์เนปาล และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศฝรั่งเศส
เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าในเรื่องนี้ รัฐมนตรีผู้ที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ กลับชี้แจงว่า สถานีโทรทัศน์อื่นก็เสนอข่าวนี้เช่นเดียวกัน อันเป็นการแตกต่างจากข้อเท็จจริง เพราะผู้ที่ได้รับชมรู้สึกตรงกันว่า สถานีโทรทัศน์ NBT เน้นการเสนอข่าว และสารคดีเหล่านี้เป็นพิเศษ แตกต่างจากสถานีอื่นอย่างเห็นได้ชัด
การนำเสนอเนื้อหา และการให้ความสำคัญกับการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์อันเกินปกติของสถานี NBT ถือว่าเป็นอันตรายต่อความดำรงคงอยู่ของสถาบันกษัตริย์ อันเป็นที่เคารพและเทิดทูนของประชาชนทั้งประเทศ และในเวลาต่อมาก็มีกระบวนการแสดงออกของกลุ่มชนที่แสดงออกถึงการไม่ยอมรับ และไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ แล้วอ้างว่า เป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่จะเห็นต่าง แถมยังได้รับความเห็นด้วยจากรัฐมนตรีคนเดียวกันนี้ว่า ความเห็นต่างเช่นนี้สามารถกระทำได้ ตามสิทธิและเสรีภาพ
เมื่อมีการแจ้งความในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตาม มาตรา 112 ก็กลับฉวยโอกาสนำเสนอความคิดผ่านข้อความบนเสื้อ "ไม่ยืน-ไม่ใช่อาชญากร คิดต่าง-ไม่ใช่อาชญากรรม" ในวันที่ไปรับแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อให้เผยแพร่ไปทั่วโลก โดยไม่สำนึกเลยว่า ความเห็นต่างของตนนั้น เป็นการแสดงออกจากก้นบึ้งของหัวใจถึงการไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ในสายตาและความคิดของประชาชนผู้เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นการกระทำที่น่าอดสูน่าละอายในฐานะที่อ้างว่าเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง แต่กลับไร้ซึ่งความจงรักภักดีต่อในหลวงและพระราชวงศ์
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น มีการเปิดเว็บไซต์เพื่อให้กำลังใจกับบุคคลที่กระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกันอย่างเปิดเผยเอิกเกริก ย่ำยีจิตใจประชาชนส่วนใหญ่ผู้จงรักภักดี ซึ่งอาจเป็นชนวนก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวลึก ระหว่างประชาชนส่วนใหญ่ผู้จงรักภักดีกับประชาชนส่วนน้อยที่ไม่มีในหลวงอยู่ในหัวใจ ได้ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้ที่มาร่วมรายการทางสถานีโทรทัศน์ NBT อาจหาญถึงกับใส่เสื้ออันอาจถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มไม่รักในหลวง มาออกรายการ โดยไม่มีการทักท้วงจากผู้ดำเนินรายการให้เปลี่ยนเสื้อ หรือปกปิดข้อความดังกล่าวเสีย
พวกเรา กลุ่มพี่น้องข้าราชการ ประชาชน ผู้รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ มีความเห็นพ้องต้องกันว่า การกระทำของกลุ่มไม่รักในหลวง และการเสนอข่าวและสารคดี ของสถานีโทรทัศน์ NBT เป็นอันตรายและเป็นการสั่นคลอนสถาบันอันเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนของประชาชนคนไทยทั้งมวล
จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี (ไม่ใช่ฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย) รัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ แสดงออกถึงความรับผิดชอบ แก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยรีบด่วน สั่งการให้มีการเอาผิดกับผู้ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ งดการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์ ปิดเว็บไซต์ที่สนับสนุนผู้ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยทันที เพื่อธำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันกษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง
ทั้งนี้การเรียกร้องนี้ มิได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นความพยายามที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ มิควรที่ผู้ใดจะมาบิดเบือนว่าเป็นการนำสถาบันกษัตริย์มาเป็นการทำลายศัตรูทางการเมือง เพราะการปกป้องสถาบันกษัตริย์พึงเป็นหน้าที่ร่วมกันของพสกนิกรชาวไทย โดยไม่แบ่งแยกด้วยความเห็นต่างทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
อนึ่ง การแก้ต่างของรัฐมนตรีผู้ที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เสมือนเป็นการปกป้องการกระทำของสถานีโทรทัศน์ NBT และกลุ่มผู้ไม่จงรักภักดีต่อในหลวง ก็ขอให้พิจารณาตนเองว่ามีความเห็นด้วยกับคนเหล่านี้ ใช่หรือไม่ หากไม่ใช่ ก็ต้องไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เกิดซ้ำอีก มิเช่นนั้น อาจถือได้ว่าท่านกำลังแอบสนับสนุนการกระทำที่ขาดความจงรักภักดีของคนเหล่านี้อยู่ ด้วยตนเอง
ขอเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยผู้รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ทั้งประเทศ ลูกขึ้นต่อสู้ ต่อต้านการดำเนินการต่างๆ ที่เป็นการบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ และร่วมกันเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ มีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดคนกลุ่มนี้อย่างเคร่งครัด และระมัดระวังการเสนอข่าวและสารคดีในทำนองนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ปชป.ขู่จัดการ“ชาญวิทย์”ตามกม.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายชาญวิทย์ จริยานุกูล ผู้ที่ถูกระบุว่า เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ระบุว่า ผิดหวังและเจ็บปวดกับการกระทำของนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายชวนเป็นนักการเมืองมายาวนานที่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เมื่อเกิดกรณีใบปลิวโจมตีประธานองคมนตรี ที่มาจากการแต่งตั้งโดยพระราชอำนาจ ก็กังวลว่าจะเป็นการจาบจ้วงสถาบันสูงสุดของประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง นายชวน จึงออกมาปกป้อง และชี้ให้สังคมเห็นอันตรายที่จะส่งผลถึงสถาบันที่รักยิ่งของสังคมไทย ซึ่งเป็นการกระทำโดยสำนึกถึงสถาบันและประเทศเป็นหลัก แม้นายชาญวิทย์ จะเจ็บปวด ก็ถือว่าเป็นสิทธิ แต่เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศไม่เจ็บปวด และสนับสนุนนายชวน ในการทำหน้าที่นี้
ส่วนการที่นายชาญวิทย์ พูดใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ ว่าสนับสนุนให้เกิดการปฏิวัติ และพยายามจับมือกับคนใกล้ชิดของประธานองคมนตรี เพื่อยึดอำนาจ และไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนขอชี้แจงว่าพรรคมีจุดยืนชัดเจน สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เคยหนุนปฏิวัติทั้งในอดีตและอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของกลุ่มใด
ทั้งนี้ ภัยคุกคามประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การรัฐประหารเท่านั้น แต่ยังมีการใช้เงินที่มาจากการทำธุรกิจฉ้อฉลมาซื้อเสียงให้ได้อำนาจ และใช้ประชาธิปไตยอำพราง เข้ามากระทำชั่วร้ายแสวงประโยชน์ ทุจริตเชิงนโยบาย มีผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม แทรกแซงข่มขู่เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง และทำลายการแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เราเห็นว่ารัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ แต่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง หนีคดียุบพรรค เลี่ยงคดีทุจริต
นายองอาจ กล่าวว่า สำหรับคำแถลงของนายชาญวิทย์นั้น ขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตรวจสอบ เพราะเป็นการสร้างความแตกแยกให้กับสังคมมากขึ้น โดยมีคำพูดหลายตอนที่หมิ่นเหม่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง นอกจากนี้พรรคจะพิจารณาดูว่า คำแถลงดังกล่าวเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่ ถ้าเข้าข่าย เราจะใช้ขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของพรรค และไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป.