xs
xsm
sm
md
lg

"สุริยะใส"เตือน"ลูกกรอก" ลุยแก้รธน.เมินเสียงปชช.มีปฏิวัติแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงวิฤกติเศรษฐกิจ วิกฤติรัฐธรรมนูญ และวิกฤติความแตกแยก ที่จะนำประเทศชาติไปสู่ทางตันจนเป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เริ่มต้นจากราคาน้ำมันแพง ส่งผลต่อปัญหาอื่นๆ ตามมาโดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ข้าวยากหมากแพง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ปัญหาเหล่านี้กำลังลุกลามเป็นวิกฤติการณ์ลูกใหม่ มาตรการต่างๆ ในการแก้ปัญหาของรัฐบาลเป็นมาตรการเฉพาะหน้ามากเกินไป ซ้ำร้ายรัฐบาลยังไม่ยอมพูดความจริงต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กลับโยนความผิดและบิดเบือนว่า เกิดจากปัญหาทางการเมืองด้านเดียว โดยไม่สนใจความเห็นและความรู้สึกของประชาชน ที่ยังอยากเห็นรัฐบาลใส่ใจ ทุ่มเทแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ มากกว่าจะสร้างเรื่องผูกปมปัญหาใหม่ขึ้นมาตลอดเวลา
ส่วนวิกฤติรัฐธรรมนูญ ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เป้าหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน เป็นไปเพื่อฟอกผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและคนในพรรค ไม่ใช่เพื่อประชาชนและคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง
แม้ ส.ส.ในพรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย จะหาช่องทางสารพัด เพื่อหยุดวิกฤติรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการลงประชามติ การจัดตั้ง ส.ส.ร.3 หรือข้อเสนอให้ยุติการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทัดทานเป้าหมายทางการเมืองของผู้มีอำนาจเหนือพรรคได้
แม้แต่ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถหาความแน่นอนได้ว่า จุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคืออะไร เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา "คนในรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน พรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่รัฐมนตรีหลายคน ต่างก็รู้ดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่การเผชิญหน้า และความแตกแยกครั้งใหญ่ในสังคม แต่คนเหล่านี้ กลับเลือกที่จะเงียบ สยบยอม ซ้ำร้าย ฝืนใจเลือกที่จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญสารพัดเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ถือเป็นการเดิมพันประเทศเพื่อคนๆ เดียว สำหรับจุดยืนพันธมิตรฯนั้นยังยืนยันคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกผิดตนเอง ในขณะนี้เรามีความเต็มที่ ที่จะชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฟอกผิดตนเอง" น
นายสุริยะใส กล่าวว่า วิกฤติความแตกแยกผู้คนในสังคมที่ดำเนินมา และมีต่อไปในขณะนี้ เกิดจากปัญหาของคนๆเดียว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แทนที่จะเป็นเจ้าภาพสร้างความสมานฉันท์ในสังคม รัฐบาลกลับเลือกยืนข้างอีกฝ่าย พฤติกรรมของรัฐบาลจึงตอกย้ำความแตกแยกให้ขยายตัว จนกลายเป็นสังคมที่พร้อมเผชิญหน้าและพร้อมใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกันได้ตลอดเวลา
นายสุริยะใส กล่าวถึงทางออกที่จะไม่เกิดการรัฐประหารว่า รัฐบาลจะต้องเอา"วาระทักษิณ" ออก แล้วเอา"วาระของประเทศชาติ" มาก่อน จะทำให้ประชาชนหายใจคล่องขึ้นอีกมาก
หากการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ในวันที่ 7 พ.ค. นี้ มีมติออกมาให้ทำประชามติถามประชาชนว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ พันธมิตรฯจะหยุดการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบทันที เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจเพื่อเอาประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้เร่งรีบทำด้วยความงมงายเพื่อคนคนเดียว
แต่จากท่าทีของรัฐบาล และพรรคร่วม ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ จะต้องรอ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสินใจ เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค ได้ฮั้วกันมาตั้งแต่ต้น ทุกเรื่องก็คงจะคุยกันจบไปแล้ว และมีแต่จะเดินหน้าเสนอร่างเข้าสภาเพราะมีเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นความกล้าหาญของรัฐบาลจนน่าขนลุก ว่าทำไมจึงเลือกทางเดินที่ทุกภาคส่วนได้พยายามช่วยกันเสนอทางอื่นๆในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่นำพา ดังนั้น วิฤกติการเมืองครั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะนำไปสู่การปฏิวัติมากกว่า 19 กันยายน 2549 ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้ใหญ่หลายคนว่า ไม่มีทางออกทางอื่นให้กับบ้านเมือง เพราะสถานการณ์คับขัน บ้านเมืองต้องถึงทางตันแน่นอน หากรัฐบาลยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
การที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีสำนักนายกฯบอกว่า พันธมิตรฯจุดกระแสไม่ขึ้น เป็นมือถือแบตเตอรี่เสื่อม ก็ลองเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาดู จะได้เห็นว่าประชาชนจะเข้าร่วมชุมนุนพันธมิตรฯ มากน้อยขนาดไหน ตนไม่รับประกัน
ขอให้บทเรียนจากการรัฐประหาร 19 กันยายน หากไม่ชอบธรรม ทำไมอยู่ได้ ตั้งรัฐบาลได้ ปีกว่า ต้นเหตุมาจากใคร ซึ่งเงือนไขที่สร้างความชอบธรรมให้ปฏิวัติมากกว่า 19 กันยายน ซึ่งปัญหาของความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่กระทบความเชื่อมั่นไปทุกภาคส่วนของประเทศ รุนแรงกว่า ทักษิณ ขายหุ้น และทักษิณ ยุบสภาหนีการอภิปรายผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี ธงชาติของพันธมิตรฯ ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย นายสุริยะใส กล่าวว่า เกิดความรู้เท่าเท่าไม่ถึงการณ์ของ ส.ส. โคราช หรือ อาจจะโง่เกินไป ที่ไปดำเนินการแจ้งความธงของพันธมิตรฯ จนเป็นเหตุให้เจ้านายตัวเองต้องติดคุก เพราะเรื่องนี้ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาขอโทษ เรื่องก็จบ แต่คนของพรรคพลังประชาชน เองกลับมาจุดกระแสต่อ ทำให้ต้องมีการสอบสวนรายละเอียด เอาเรื่องเอาความผิดกันได้ เพราะกฏหมายธงชาติ 2522 ระบุว่า ความยาวของธง 9 ส่วน ความกว้าง 6 ส่วน ซึ่งธงของ ทักษิณ ก็ตรงกับความผิดที่ระบุในกฏหมาย แต่ของพันธมิตรฯ ไม่เกี่ยวกับธงชาติ
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องพรรคพลังประชาชน ไม่ควรเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเป็นประเด็นให้บานปลายไปมากกว่านี้ ซึ่งทางพันธมิตรฯ ก็จะยุติที่จะไม่พูดเรื่องสถาบันอีก เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนในสังคมนำไปเป็นกระแสใหญ่โต
**"เหวง"ปลุกระดมล้มรธน.50
มีรายงานข่าวจาก จ.ยะลา ว่าเมื่อวานนี้ (4 พ.ค.)ได้มีนักการเมืองท้อนถิ่น ซึ่งเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา คือนายมูกะตา มะทา ร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ ออกเชิญชวนประชาชนในพื้นที่ให้เข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อที่เกี่ยวกับการรณรงค์เลือกตั้ง นายกและส.อบจ.ยะลา โดยมีการเกณฑ์ประชาชนจำนวนมากให้ไปรับฟัง
โดยทางผู้จัดได้จัดรถบัสคอยให้บริการผู้เข้าร่วมรับฟังการสัมมนา เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายจึงไม่ยินยอมให้มีการนำรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ส่วนตัวเข้าไปจอดภายในที่จอดรถโรงแรมปาร์ควิว ในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการสัมมนา
"เมื่อลงจากรถปรากฏว่า ทางผู้จัดได้ใช้เครื่องนับจำนวนคนมาทำการตรวจนับอย่างละเอียด พร้อมจ่ายเงินเป็นค่าเข้าร่วมสัมมนาคนละ 200 บาท รู้มาว่า คนที่ทำหน้าที่เกณฑ์ชาวบ้านให้มาฟังได้ส่วนแบ่งจากค่าหัว หัวละ 50 บาทด้วย" ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งหลบออกมาจากห้องประชุมในภายหลัง เปิดเผย
นอกจากนี้ มีการเปิดเผยอีกว่า เมื่อเข้าไปภายในห้องที่มีการจัดเวทีสัมมนา พบว่า มีแกนนำต่อต้านรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้แสดงตัวอยู่ร่วมในแกนนำผู้จัดการสัมมนาด้วย คือ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปก. และบุคคลเป็นผู้ชายอีก 2 คนซึ่งอ้างตัวว่าอยู่ร่วมในการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญๆ ของนปก.และเคยถูกจับกุมคุมขังในเรือนจำบางขวางด้วย
ในขณะที่เนื้อหาการสัมมนาบนเวทีนั้น ปรากฏว่ามีเนื้อหาที่เป็นการพุ่งเป้าโจมตีรัฐธรรมนูญ ปี 2550 และพยายามจูงใจให้ผู้เข้าร่วมรับฟังเห็นด้วย และคล้อยตามกับการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลพรรคพลังประชาชนกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ส่งผลให้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งทยอยออกจากห้องประชุม เนื่องจากเห็นว่าถูกหลอกให้มาฟังการปลุกระดม ทั้งๆ ที่มีการเชิญชวนว่ามาฟังการรณรงค์เลือกตั้ง อบจ.ยะลา
กำลังโหลดความคิดเห็น