ครป.กระตุก “รบ.ลูกกรอก” ปลดล็อกวิฤกตชาติ ก่อนลุกลามเป็นวิกฤตลูกใหม่ จวกไม่ยอมรับความจริงไร้น้ำยาแก้ปัญหาเลยบิดเบือน โยนความผิดมาจากการเมืองด้านเดียว ลั่นหากเดินหน้าแก้ รธน.50 เมื่อไหร่ได้เห็น ปชช.ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ แน่ เชื่อสุดท้ายถึงทางตัน “ลูกกรอก” จะโดนปฏิวัติอีกรอบ
วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงวิฤกตเศรษฐกิจ วิกฤตรัฐธธรมนูญ และวิกฤตความแตกแยกที่จะนำประเทศชาติไปสู่ทางตันจนเป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่เริ่มต้นจากราคาน้ำมันแพงส่งผลต่อปัญหาอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะปัญหาปากท้องข้าวยากหมากแพง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ปัญหาเหล่านี้กำลังลุกลามเป็นวิกฤตการณ์ลูกใหม่ มาตรการต่างๆ ในการแก้ปัญหาของรัฐบาลเป็นมาตรการเฉพาะหน้ามากเกินไป ซ้ำร้ายรัฐบาลยังไม่ยอมพูดความจริงต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กลับโยนความผิดและบิดเบือนว่าเกิดจากปัญหาทางการเมืองด้านเดียวโดยไม่สนใจความเห็นและความรู้สึกของประชาชน ยังอยากเห็นรัฐบาลใส่ใจทุ่มเทแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง มากกว่าจะสร้างเรื่องผูกปมปัญหาใหม่ขึ้นมาตลอดเวลา
ส่วนวิกฤตรัฐธรรมนูญ ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เป้าหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชน เป็นไปเพื่อฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนในพรรค ไม่ใช่เพื่อประชาชนและคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง แม้ ส.ส.ในพรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยจะหาช่องทางสารพัดเพื่อหยุดวิกฤตรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการลงประชามติ การจัดตั้ง ส.ส.ร.3 หรือข้อเสนอให้ยุติการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทัดทานเป้าหมายทางการเมืองของผู้มีอำนาจเหนือพรรคได้ แม้แต่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถหาความแน่นอนได้ว่าจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคืออะไร เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
“คนในรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน พรรคร่วมรัฐบาล หรือแม้แต่รัฐมนตรีหลายคนต่างก็รู้ดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การเผชิญหน้าและความแตกแยกครั้งใหญ่ในสังคม แต่คนเหล่านี้กลับเลือกที่จะเงียบ สยบยอม ซ้ำร้ายฝืนใจเลือกที่จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญสารพัดเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ถือเป็นการเดิมพันประเทศเพื่อคนคนเดียวสำหรับจุดยืนพันธมิตรฯ นั้นยังยืนยันคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกผิดตนเอง ในขณะนี้เรามีความเต็มที่ที่จะชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฟอกผิดตนเอง” นายสุริยะใส กล่าว
สำหรับวิกฤตความแตกแยกผู้คนในสังคมที่ดำเนินมาและมีต่อไปในขณะนี้ เกิดจากปัญหาของ คนคนเดียว คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แทนที่จะเป็นเจ้าภาพสร้างความสมานฉันท์ในสังคม รัฐบาลกลับเลือกยืนข้างอีกฝ่าย พฤติกรรมของรัฐบาลจึงตอกย้ำความแตกแยกให้ขยายตัวจนกลายเป็นสังคมที่พร้อมเผชิญหน้าและพร้อมใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกันได้ตลอดเวลา
นายสุริยะใส กล่าวถึงทางออกที่จะไม่เกิดการรัฐประหารว่า รัฐบาลจะต้องเอาวาระทักษิณ ออกเอาวาระของประเทศชาติมาก่อนจะทำให้ประชาชนหายใจคล่องขึ้นอีกมาก หากการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ในวันที่ 7 พ.ค.มีมติออกมาให้ทำประชามติถามประชาชนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ พันธมิตรฯ จะหยุดการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบทันทีเพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจเพื่อเอาประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้เร่งรีบทำด้วยความงมงายเพื่อคนคนเดียว แต่จากท่าทีของรัฐบาลและพรรคร่วมไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ จะต้องรอ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นจะเป็นผู้ตัดสินใจ เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคได้ฮั้วกันมาตั้งแต่ต้น ทุกเรื่องก็คงจะคุยกันจบไปแล้วและมีแต่จะเดินหน้าเสนอร่างเข้าสภาเพราะมีเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นความกล้าหาญของรัฐบาล น่าขนลุกว่าทำไมจึงเลือกทางเดินที่ทุกภาคส่วนได้พยายามช่วยกันเสนอทางอื่นๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่นำพา
ดังนั้น วิฤกตการเมืองครั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะนำไปสู่การปฏิวัติมากกว่า 19 กันยายน 2549 ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้ใหญ่หลายคนว่าไม่มีทางออกทางอื่นให้แก่บ้านเมืองเพราะสถานการณ์คับขัน บ้านเมืองต้องถึงทางตันแน่นอนหากรัฐบาลยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ซึ่งนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีสำนักนายกฯ บอกว่าพันธมิตรฯ จุดกระแสไม่ขึ้น เป็นมือถือแบตเตอรี่เสื่อม ก็ลองเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาดู จะได้เห็นว่าประชาชนจะเข้าร่วมชุมนุนพันธมิตรฯ มากน้อยขนาดไหน ตนไม่รับประกัน ขอให้บทเรียนจากการรัฐประหาร 19 กันยายน หากไม่ชอบธรรมทำไมอยู่ได้ ตั้งรัฐบาลได้ปีกว่า ต้นเหตุมาจากใคร ซึ่งเงื่อนไขที่สร้างความชอบธรรมให้ปฏิวัติมากกว่า 19 กันยายน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่กระทบความเชื่อมั่นไปทุกภาคส่วนของประเทศ รุนแรงกว่ากรณีทักษิณขายหุ้น และทักษิณยุบสภาหนีการอภิปราย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีธงชาติของพันธมิตรฯ ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย นายสุริยะใส กล่าวว่าเกิดความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ ส.ส.โคราช หรืออาจจะโง่เกินไปที่ไปดำเนินการแจ้งความธงของพันธมิตรฯ จนเป็นเหตุให้เจ้านายตัวเองต้องติดคุกเพราะเรื่องนี้ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาขอโทษ เรื่องก็จบ แต่คนของพรรคพลังประชาชนเองกลับมาจุดกระแสต่อทำให้ต้องมีการสอบสวนรายละเอียดเอาเรื่องเอาความผิดกันได้ เพราะกฎหมายธงชาติ 2522 ระบุว่าความยาวของธง 9 ส่วน ความกว้าง 6 ส่วน ซึ่งธงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ตรงกับความผิดที่ระบุในกฎหมาย แต่ของพันธมิตรฯ ไม่เกี่ยวกับธงชาติ อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องพรรคพลังประชาชนไม่ควรเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นประเด็นให้บานปลายไปมากกว่านี้ ซึ่งทางพันธมิตรฯ ก็จะยุติที่จะไม่พูดเรื่องสถาบันอีก เพราะไม่ต้องการให้ผู้คนในสังคมนำไปเป็นกระแสใหญ่โต