นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ"สนทนาประสาสมัคร" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวานนี้ (4 พ.ค.)ถึงกรณีที่นายธีรยุทธ บุญมี อาจารย์คณะสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และได้ตั้งฉายา "รัฐบาลลูกกรอก1" ว่า ตนไม่อยากไปกล่าวหาว่านายธีรยุทธ เป็นโรคจิต แต่จะพูดเปรียบเทียบ แบบสำนวนไทย คือคนที่พูดจาว่ากล่าวคนอื่นข้างเดียวอย่างนี้ สำนวนโบราณเขาเรียกว่าเป็นคนประเภท "ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก" เป็นคนที่สักแต่จะพูด
**เย้ยสื่อจัดกิจกรรมวิพากษ์นายกฯ
นายสมัคร ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์ ว่า เชิญกันตามสบาย ตนจะไม่ลงไปเล่นด้วย
"ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมมีความเก่งกาจ เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งแสดงความเก่งกาจ เล่นเอาวงการสื่อสารมวลชนต้องทำกิจกรรมอะไรกันต่างๆ เอาผมไปโขกไปว่ากล่าวเสียหาย คนพวกนี้ไม่ย้อนดูตัวเอง ว่าผมมาเป็นนายกฯ 3 เดือน ไปดูบทความสิ เขียนดุด่าว่ากล่าวกระทบกระแทกแดกดันผมเท่าไร เขาออกเสื้อครับ เสื้อสีขาว ติดป้าย ไปยืนเกาะรั้วทำเนียบฯ ถ่ายรูปกัน เหมือนกับเข้าทำเนียบฯ ไม่ได้ไปเกาะร้องเรียก ถ่ายรูปข้างหลังบอกว่า คุกคามสื่อ เท่ากับคุกคามประชาชน แล้วกล่าวหาเลยว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่คุกคามสื่อ" นายสมัคร กล่าว
**ไม่เลิกรายการสนทนาประสาสมัคร
นายสมัคร กล่าวว่า ภรรยาญาติพี่น้อง ได้แนะนำว่า ให้เลิกพูดในเชิงตอบโต้ วิพากษ์วิจารณ์สื่อ ซึ่งตนก็ได้รับปากไปว่าจะเลิกพูด
"ผมคิดว่าไม่พูดก็ไม่มีเรื่อง ยิ่งมีอย่างนี้ยิ่งดีใหญ่ครับ ก็ไม่ต้อง ต่างคนต่างอยู่ ผมก็มีรายการของผม รายการนี้ไม่เลิกนะครับ ใครจะว่าอย่างไรจะกระแนะกระแหนอย่างไร ว่าจะให้ดีต้องเลิกรายการสนทนาประสาสมัครด้วย เลิกทำไม ก็คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาอยากฟังผม คุณไม่อยากฟังผม คุณก็ไปอยู่ที่อื่น คุณก็ไม่ต้องฟัง ผมมีเรื่องจะต้องสื่อสาร ผมต้องพูดให้ราษฎรเข้าใจว่า คุณไม่ต้องไปซื้อข้าวอย่างโน้นอย่างนี้ ข้าวมี คุณซื้อได้ 200 รัฐบาลจะเอามาขายถูกกว่าหน่อย จะได้รู้ว่าเอาเปรียบกันอย่างไร ก็อธิบายความให้ฟังเรื่องโน้นเรื่องนี้ พูดจากันได้ "
นายสมัคร ยังได้ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่ว่ารายการสนทนาประสาสมัคร เป็นการพูดข้างเดียว โดยไม่ให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึง มีโอกาสชี้แจง หรืออธิบาย
" นายสมัครใช้วิธีการสื่อสารสื่อความข้างเดียว ตลกไหมครับ รายการวิทยุ ออกพูดข้างเดียวไม่ได้นะครับ จะต้องพูดสองข้าง จะต้องมีคนมานั่งซักด้วย มานั่งขัดคอกัน มานั่งเถียงกันอย่างโทรทัศน์ ผมก็อธิบายความเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมไปทำอะไรมา ผมคิดอะไร จะทำอะไรอย่างไร แล้วก็ตอบคำถาม คนต่อว่า บอกตอบคำถามน้อย ผมต้องขออภัยจริง ๆ ครับ ตอบคำถามมาก ตอบเมื่อไรก็มีเรื่องเมื่อนั้น ก็จ้องกันอยู่นี่ครับ ผมก็เพิ่งรู้นี่ละครับ เพิ่งรู้เมื่อวันวานนี้เอง เขาเรียกวันสื่อโลก บัน คี มูน (เลขาธิการสหประชาชาติ) ก็เขียน เขามาอ่านสดุดีเลย บัน คี มูน บอกสื่อต้องอย่างนั้น อย่างนี้ ก็เรื่องของ บัน คี มูน จะยกย่องสื่อสารมวลชนไว้บนหัว บัน คี มูน ก็ช่าง แต่ผมก็บอกสื่อคุณก็ทำหน้าที่ของคุณไป ผมก็ทำหน้าที่ของผม ต่างคนต่างมีสถานะ แต่จะให้ผมไปประจ๋อประแจ๋ พินอบพิเทา ผมทำไม่ได้หรอกครับ ไม่ใช่ผม แล้วสื่อก็ไม่ต้องมาอะไรกับผม ต่างคนต่างอยู่ ผมมีวิธีการ" นายสมัคร กล่าว
ต่อมาในช่วงตอบคำถาม นายสมัคร ได้ตอบคำถามที่ว่า ทำไมนายสมัคร ตอบคำถามยั่วยวน ใช้ถ้อยคำดูแคลน โดยนายสมัคร ตอบว่า
"ท่านผู้ชมทั้งหลายท่านก็รู้จักผมมา ผมเป็นนักการเมืองมาค่อนชีวิต ผมก็เป็นอย่างนี้ละครับ ผมฟัดกับใครต่อใครมา ก็ทำไมใครฟัดผมได้ ผมจะฟัดกลับไม่ได้ ทำไมสื่อสารมวลชนโขกรัฐบาล ดุด่าว่ากล่าวกระทบกระแทกแดกดันได้ แต่พอย้อนกลับไปบ้างไม่ได้ กลายเป็นนายกฯ เลว กลายเป็นคนเลว ผมว่าไม่ยุติธรรมหรอกครับ ลองไปดูสิ 3 เดือน เขียนดุด่าว่ากล่าวผมเท่าไร กระแนะกระแหนพาดหัวอะไรต่าง ๆ ไปดูสิหลายครับ ไปดู พอไปว่าฉบับไหนเข้า อ้างบอกว่าไปยกย่องฉบับนั้นไม่มีคนอ่าน เลยคนได้อ่านกันใหญ่ ไม่ว่าฉบับใหญ่ ที่ขายวันละล้าน หรือขายวันละ 8,000 ผมก็ต้องตำหนิได้เหมือนกัน เพราะพิมพ์ออกมา แล้วตำหนิผม ออกชื่อผม ว่ากล่าวผม ผมก็ต้องตำหนิ คือนายกฯ คนอื่นจะไปประจ๋อ ประแจ๋ พินอบพิเทา ยกไว้ ก็แล้วแต่ ผมก็ไม่ห้ามนี่ครับ ใครจะเอาใจสื่อใครจะยกย่องสื่อ ผมไม่ได้ห้าม แต่ผมไม่ได้เหยียบย่ำนะครับ ผมก็ให้เกียรติ บอกพูดจาไม่มีหางเสียง ก็อย่างนี้พูดอย่างผมจะทำอย่างไร จะให้เปลี่ยนหรือครับ เป็นอย่างไรครับ ครับ ๆ ๆ ๆ อย่างนั้นหรือครับ อ๋อครับ สองคำก็ครับสามคำก็ครับ ผมเป็นคนหลวม ๆ อย่างนี้ละครับ ผมไม่ครับตลอดหรอกครับ ทำไมถึงจะต้องอย่างนั้นละครับ ทำไมถึงจะต้องไปเปลี่ยนแปลงท่าที พอเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องนั่ง ขาต้องหุบ พับมือต้องวางสองข้างหรือ พูดจาต้องจีบปากจีบคอ ไม่หรอกครับ"
**ยันเลิกพบสื่อวันอังคาร-ศุกร์
นายสมัคร ยังกล่าวถึง การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในวันอังคาร หลังการประชุม ครม. และให้สัมภาษณ์อีกครั้งในวันศุกร์ ว่า ตนจะยกเลิกรายการดังกล่าวเป็นการถาวร
" เมื่อวานกล่าวหาผมรุนแรง ก็เลยดีเลย ก็ไม่ต้องพูดจากัน ผมพูดข้างเดียว ถ้าอย่างนั้นก็ยกเลิกไปเลย ถาวรไปเลย วันอังคาร วันศุกร์ ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ผมก็มีที่พูดของผม ไม่เป็นปัญหาไม่เสนอข่าวผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็ทำงานให้บ้านเมืองผม เอาเท่านี้ครับ ตั้งใจจะไม่ตอบโต้อะไร แต่บอกว่าอย่านึกว่าผม คุณทำตามสบายเรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผมก็แล้วกัน" นายสมัคร กล่าว
**ยันไม่เปลี่ยนชื่อรายการ
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นรายการ นายสมัคร ได้กล่าวว่า มีประชาชนเขียนจดหมายมาถึงตนว่า ทำไมถึงเรียกว่า "สนทนา" เพราะว่าพูดอยู่ข้างเดียว อยากให้แก้ไขว่า "พูดจาประสาสมัคร" ซึ่งฟังดูก็มีเหตุผลดี แต่รายการของตนเอง เป็นการสนทนากับท่านที่อยู่ที่บ้าน ท่านทั้งหลายนั่งฟังตนสนทนา หนังสือพิมพ์เขาก็พูดจาเป็นทำนองว่า ตนพูดเอาข้างเดียว ความจริงมีคนเยอะที่นั่งฟังตนคุย หมายความว่า ตนสนทนากับคนทางบ้าน และท่านส่งคำถามมา ก็เป็นอันว่าสื่อกันกลับมา ตำหนิว่าตนพูดเอาข้างเดียว รายการคนพูดข้างเดียว มีเยอะแยะไป มาว่าได้อย่างไร เป็นของธรรมดา ตนก็ใช้ช่องของตนตรงนี้ ตนก็สนทนากับท่านทั้งหลาย ไม่มีปัญหาหรอก
**เย้ยสื่อจัดกิจกรรมวิพากษ์นายกฯ
นายสมัคร ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์ ว่า เชิญกันตามสบาย ตนจะไม่ลงไปเล่นด้วย
"ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมมีความเก่งกาจ เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งแสดงความเก่งกาจ เล่นเอาวงการสื่อสารมวลชนต้องทำกิจกรรมอะไรกันต่างๆ เอาผมไปโขกไปว่ากล่าวเสียหาย คนพวกนี้ไม่ย้อนดูตัวเอง ว่าผมมาเป็นนายกฯ 3 เดือน ไปดูบทความสิ เขียนดุด่าว่ากล่าวกระทบกระแทกแดกดันผมเท่าไร เขาออกเสื้อครับ เสื้อสีขาว ติดป้าย ไปยืนเกาะรั้วทำเนียบฯ ถ่ายรูปกัน เหมือนกับเข้าทำเนียบฯ ไม่ได้ไปเกาะร้องเรียก ถ่ายรูปข้างหลังบอกว่า คุกคามสื่อ เท่ากับคุกคามประชาชน แล้วกล่าวหาเลยว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่คุกคามสื่อ" นายสมัคร กล่าว
**ไม่เลิกรายการสนทนาประสาสมัคร
นายสมัคร กล่าวว่า ภรรยาญาติพี่น้อง ได้แนะนำว่า ให้เลิกพูดในเชิงตอบโต้ วิพากษ์วิจารณ์สื่อ ซึ่งตนก็ได้รับปากไปว่าจะเลิกพูด
"ผมคิดว่าไม่พูดก็ไม่มีเรื่อง ยิ่งมีอย่างนี้ยิ่งดีใหญ่ครับ ก็ไม่ต้อง ต่างคนต่างอยู่ ผมก็มีรายการของผม รายการนี้ไม่เลิกนะครับ ใครจะว่าอย่างไรจะกระแนะกระแหนอย่างไร ว่าจะให้ดีต้องเลิกรายการสนทนาประสาสมัครด้วย เลิกทำไม ก็คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาอยากฟังผม คุณไม่อยากฟังผม คุณก็ไปอยู่ที่อื่น คุณก็ไม่ต้องฟัง ผมมีเรื่องจะต้องสื่อสาร ผมต้องพูดให้ราษฎรเข้าใจว่า คุณไม่ต้องไปซื้อข้าวอย่างโน้นอย่างนี้ ข้าวมี คุณซื้อได้ 200 รัฐบาลจะเอามาขายถูกกว่าหน่อย จะได้รู้ว่าเอาเปรียบกันอย่างไร ก็อธิบายความให้ฟังเรื่องโน้นเรื่องนี้ พูดจากันได้ "
นายสมัคร ยังได้ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่ว่ารายการสนทนาประสาสมัคร เป็นการพูดข้างเดียว โดยไม่ให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึง มีโอกาสชี้แจง หรืออธิบาย
" นายสมัครใช้วิธีการสื่อสารสื่อความข้างเดียว ตลกไหมครับ รายการวิทยุ ออกพูดข้างเดียวไม่ได้นะครับ จะต้องพูดสองข้าง จะต้องมีคนมานั่งซักด้วย มานั่งขัดคอกัน มานั่งเถียงกันอย่างโทรทัศน์ ผมก็อธิบายความเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมไปทำอะไรมา ผมคิดอะไร จะทำอะไรอย่างไร แล้วก็ตอบคำถาม คนต่อว่า บอกตอบคำถามน้อย ผมต้องขออภัยจริง ๆ ครับ ตอบคำถามมาก ตอบเมื่อไรก็มีเรื่องเมื่อนั้น ก็จ้องกันอยู่นี่ครับ ผมก็เพิ่งรู้นี่ละครับ เพิ่งรู้เมื่อวันวานนี้เอง เขาเรียกวันสื่อโลก บัน คี มูน (เลขาธิการสหประชาชาติ) ก็เขียน เขามาอ่านสดุดีเลย บัน คี มูน บอกสื่อต้องอย่างนั้น อย่างนี้ ก็เรื่องของ บัน คี มูน จะยกย่องสื่อสารมวลชนไว้บนหัว บัน คี มูน ก็ช่าง แต่ผมก็บอกสื่อคุณก็ทำหน้าที่ของคุณไป ผมก็ทำหน้าที่ของผม ต่างคนต่างมีสถานะ แต่จะให้ผมไปประจ๋อประแจ๋ พินอบพิเทา ผมทำไม่ได้หรอกครับ ไม่ใช่ผม แล้วสื่อก็ไม่ต้องมาอะไรกับผม ต่างคนต่างอยู่ ผมมีวิธีการ" นายสมัคร กล่าว
ต่อมาในช่วงตอบคำถาม นายสมัคร ได้ตอบคำถามที่ว่า ทำไมนายสมัคร ตอบคำถามยั่วยวน ใช้ถ้อยคำดูแคลน โดยนายสมัคร ตอบว่า
"ท่านผู้ชมทั้งหลายท่านก็รู้จักผมมา ผมเป็นนักการเมืองมาค่อนชีวิต ผมก็เป็นอย่างนี้ละครับ ผมฟัดกับใครต่อใครมา ก็ทำไมใครฟัดผมได้ ผมจะฟัดกลับไม่ได้ ทำไมสื่อสารมวลชนโขกรัฐบาล ดุด่าว่ากล่าวกระทบกระแทกแดกดันได้ แต่พอย้อนกลับไปบ้างไม่ได้ กลายเป็นนายกฯ เลว กลายเป็นคนเลว ผมว่าไม่ยุติธรรมหรอกครับ ลองไปดูสิ 3 เดือน เขียนดุด่าว่ากล่าวผมเท่าไร กระแนะกระแหนพาดหัวอะไรต่าง ๆ ไปดูสิหลายครับ ไปดู พอไปว่าฉบับไหนเข้า อ้างบอกว่าไปยกย่องฉบับนั้นไม่มีคนอ่าน เลยคนได้อ่านกันใหญ่ ไม่ว่าฉบับใหญ่ ที่ขายวันละล้าน หรือขายวันละ 8,000 ผมก็ต้องตำหนิได้เหมือนกัน เพราะพิมพ์ออกมา แล้วตำหนิผม ออกชื่อผม ว่ากล่าวผม ผมก็ต้องตำหนิ คือนายกฯ คนอื่นจะไปประจ๋อ ประแจ๋ พินอบพิเทา ยกไว้ ก็แล้วแต่ ผมก็ไม่ห้ามนี่ครับ ใครจะเอาใจสื่อใครจะยกย่องสื่อ ผมไม่ได้ห้าม แต่ผมไม่ได้เหยียบย่ำนะครับ ผมก็ให้เกียรติ บอกพูดจาไม่มีหางเสียง ก็อย่างนี้พูดอย่างผมจะทำอย่างไร จะให้เปลี่ยนหรือครับ เป็นอย่างไรครับ ครับ ๆ ๆ ๆ อย่างนั้นหรือครับ อ๋อครับ สองคำก็ครับสามคำก็ครับ ผมเป็นคนหลวม ๆ อย่างนี้ละครับ ผมไม่ครับตลอดหรอกครับ ทำไมถึงจะต้องอย่างนั้นละครับ ทำไมถึงจะต้องไปเปลี่ยนแปลงท่าที พอเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องนั่ง ขาต้องหุบ พับมือต้องวางสองข้างหรือ พูดจาต้องจีบปากจีบคอ ไม่หรอกครับ"
**ยันเลิกพบสื่อวันอังคาร-ศุกร์
นายสมัคร ยังกล่าวถึง การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในวันอังคาร หลังการประชุม ครม. และให้สัมภาษณ์อีกครั้งในวันศุกร์ ว่า ตนจะยกเลิกรายการดังกล่าวเป็นการถาวร
" เมื่อวานกล่าวหาผมรุนแรง ก็เลยดีเลย ก็ไม่ต้องพูดจากัน ผมพูดข้างเดียว ถ้าอย่างนั้นก็ยกเลิกไปเลย ถาวรไปเลย วันอังคาร วันศุกร์ ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ ผมก็มีที่พูดของผม ไม่เป็นปัญหาไม่เสนอข่าวผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็ทำงานให้บ้านเมืองผม เอาเท่านี้ครับ ตั้งใจจะไม่ตอบโต้อะไร แต่บอกว่าอย่านึกว่าผม คุณทำตามสบายเรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผมก็แล้วกัน" นายสมัคร กล่าว
**ยันไม่เปลี่ยนชื่อรายการ
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นรายการ นายสมัคร ได้กล่าวว่า มีประชาชนเขียนจดหมายมาถึงตนว่า ทำไมถึงเรียกว่า "สนทนา" เพราะว่าพูดอยู่ข้างเดียว อยากให้แก้ไขว่า "พูดจาประสาสมัคร" ซึ่งฟังดูก็มีเหตุผลดี แต่รายการของตนเอง เป็นการสนทนากับท่านที่อยู่ที่บ้าน ท่านทั้งหลายนั่งฟังตนสนทนา หนังสือพิมพ์เขาก็พูดจาเป็นทำนองว่า ตนพูดเอาข้างเดียว ความจริงมีคนเยอะที่นั่งฟังตนคุย หมายความว่า ตนสนทนากับคนทางบ้าน และท่านส่งคำถามมา ก็เป็นอันว่าสื่อกันกลับมา ตำหนิว่าตนพูดเอาข้างเดียว รายการคนพูดข้างเดียว มีเยอะแยะไป มาว่าได้อย่างไร เป็นของธรรมดา ตนก็ใช้ช่องของตนตรงนี้ ตนก็สนทนากับท่านทั้งหลาย ไม่มีปัญหาหรอก