ประเทศไทยและคนไทยกำลังเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่รุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ และมีแนวโน้มว่าในเวลาไม่ช้าไม่นานจากนี้ไปคนไทยคงได้ฆ่ากันเป็นการใหญ่ ความหวังของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่เคยพูดไว้ว่าอยากเห็นสงครามประชาชนคงจะสมหวังเป็นแน่นอนแล้ว
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ารัฐบาลหุ่นเชิดไม่ยอมแก้ไขปัญหาให้กับคนไทย 63 ล้านคน เอาแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนเพียงคนเดียว และได้เข้าเกียร์เดินหน้าเต็มอัตราเร่งเพื่อเร่งวันเร่งคืนเร่งเวลานาทีให้มหาวิบัติมาถึงตัวเองและชาติบ้านเมืองให้เร็วที่สุด
ปัญหาของคน 63 ล้านคนคืออะไร? พอจะประมวลได้ห้าเรื่องคือ
เรื่องที่หนึ่ง ประเทศไทยที่เคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำกำลังจะเป็นประเทศที่ขาดแคลนข้าวกิน เพราะคนจัญไรไม่คำนึงถึงภัยพิบัติของชาติและประชาชน เร่งส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศเพื่อหาผลประโยชน์และกำไร ในขณะที่รู้ดีอยู่แล้วว่าข้าวที่เหลืออยู่ในประเทศไม่พอกับการบริโภคแล้ว
ในวันนี้ราคาข้าวขึ้นเป็นรายวันยิ่งกว่าราคาน้ำมัน และขึ้นครั้งละบาทต่อกิโลกรัมหรือกว่านั้น ทำให้ข้าวสารที่เคยมีราคาถังละไม่ถึง 300 บาท มีราคาร่วม 600 บาทเข้าไปแล้ว
มิหนำซ้ำยังหาซื้อไม่ได้ ใครไม่เชื่อลองเข้าไปดูตามห้างสรรพสินค้าแห่งไหนก็ได้ ก็จะเห็นที่เคาน์เตอร์ขายข้าวสารมีคนเข้าแถวยาวเหยียด และขณะที่ทำบทความนี้เขาก็แบ่งขายให้ลดลงแล้ว จากที่เคยแบ่งขายให้คนละ 3 ถุง หรือคนละ 15 กิโลกรัม เหลือเพียงคนละ 5 กิโลกรัมแล้ว และบางแห่งก็ไม่มีข้าวสารขาย
แม่บ้านที่ไปซื้อข้าวสารแล้วไม่ได้ข้าวสารตามต้องการก็ใจแป้ว โทร.หาญาติพี่น้องกันจ้าละหวั่น ก่อให้เกิดการตื่นตระหนกทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วแย่งกันไปหาซื้อข้าวสารมาเก็บไว้กิน
อีกไม่เกิน 15 วันจากนี้ไปสถานการณ์นี้จะหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น และปัญหาจะไม่อยู่ที่ข้าวสารถังละเท่าใด แต่จะอยู่ที่มีขายหรือไม่ และจะนำไปสู่ปัญหาไม่มีข้าวกิน ซึ่งเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งแล้วว่าคนไม่มีข้าวกินนั้นถึงแม้ตาจะบอดก็จะไม่กลัวเสือ แล้วคงจะรุมกันฆ่าเสือเป็นแน่แท้
กว่าจะถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวใหม่อีกตั้งหลายเดือน แล้วความขาดแคลนอย่างนี้จะคิดอ่านป้องกันแก้ไขอย่างไร ไม่มีใครรับผิดชอบ มีแต่คนบ้าบอคอแตกแหกตาชาวบ้านไปวันๆ โดยไม่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาใดๆ ของคนไทยทั้งประเทศเลย
เรื่องที่สอง เรื่องราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปทุกสัปดาห์ และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดคนไทยก็อาจต้องซื้อน้ำมันราคาลิตรละ 60 บาท ซึ่งใครอย่าเพิ่งมาดูถูกดูแคลนกันว่าวันนี้ยังไม่ถึง 40 บาท จะเป็น 60 บาทได้อย่างไร ก็เพราะดูถูกกันมาอย่างนี้ และไม่เคยคิดป้องกันแก้ไขมิใช่หรือ? น้ำมันจึงขึ้นไปจากลิตรละ 10 กว่าบาทจนใกล้ 40 บาทเข้าไปแล้ว
ทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่มีอะไรจะหยุดเอาไว้ได้อีก ความขาดแคลนและค่าครองชีพที่สูงขึ้นแผ่ขยายเป็นวงกว้าง จนผู้คนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
คนขับแท็กซี่ คนขับรถขนส่ง ชาวประมงที่หาปลา ชาวนาชาวสวนที่สูบน้ำเข้านาสวน และกิจการทุกชนิดที่ต้องอาศัยน้ำมันจำนวนมากต้องหยุดหรือปิดกิจการลง ปล่อยให้คนงานตกงาน และเกิดปัญหาสังคมขึ้นอย่างล้นหลาม
ก็ไม่มีใครหน้าไหนรับผิดชอบหรือมีวิธีใดที่จะแก้ไขปัญหาเลย
เรื่องที่สาม เรื่องสภาพแวดล้อมที่อากาศประเทศไทยในบางพื้นที่ร้อนจัดถึง 42 องศาเซลเซียสแล้ว แม้ในกรุงเทพฯ ก็มีความร้อนจัดจ้าจนปวดแสบปวดร้อนด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลต เป็นอันตรายต่อทุกชีวิตในพิภพนี้
และถ้าความร้อนขึ้นสูงกว่า 43 องศาเซลเซียส พืชพันธุ์ข้าวกล้าในนาก็จะตายหมด น้ำในบึงหนองคลองละหารก็จะร้อน สัตว์น้ำก็จะตายเป็นอันมาก อาหารของมนุษย์ก็จะหมดสิ้นไป ในที่สุดมนุษย์ก็จะขาดแคลนอาหารแล้วพากันตาย
แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนเอาใจใส่ดูแลแก้ไข มั่วกันเฉพาะการตั้งงบประมาณปลูกป่า และงบประมาณดับไฟป่าเท่านั้น จนบัดนี้เราอยู่ห่างจากวิกฤตเพียง 1-2 องศาเซลเซียสเท่านั้น แล้วมันจะอีกนานเท่าใดเชียว มหาวินาศก็จะมาถึงแล้ว! แล้วใครเล่าที่คิดอ่านป้องกันแก้ไขเรื่องนี้กันบ้าง?
เรื่องที่สี่ คือเรื่องความขาดแคลนอาหาร ซึ่งเรื่องนี้ทั้งสหประชาชาติ ทั้งอังค์ถัด ทั้งองค์กรต่างประเทศมากมายต่างได้ออกคำเตือนกันจ้าละหวั่นว่าโลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหาร
ประเทศไทยเป็นแหล่งอาหารของโลก ได้ชื่อว่าเป็นคลังอาหารของโลกแห่งหนึ่ง แต่บัดนี้กำลังเผชิญวิกฤตด้วยตนเองแล้ว เพราะธัญญาหารก็ดี มังสาหารก็ดี กำลังลดน้อยถอยลงทุกประเภท
น้ำที่ใช้ในการเกษตรมีปัญหาอย่างหนักหน่วง ทั้งปริมาณที่น้อยลง ทั้งคุณภาพที่เป็นพิษและคุณสมบัติที่มีอุณหภูมิร้อนขึ้น ซึ่งวันนี้ก็กระทบต่อการปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศแล้ว พื้นที่ที่เคยปลูกได้นับล้านไร่ เหลือปลูกได้ในพื้นที่แค่หนองจอกแสนกว่าไร่ แล้วมันจะได้ข้าวนาปรัง 7 ล้านตันมาจากที่ไหน?
ปัจจัยสำคัญอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องอาหารก็คือเรื่องปุ๋ย ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ต้องใช้ปุ๋ยถึงปีละ 4 ล้านตัน แต่ไม่มีโรงงานผลิตปุ๋ยแม้แต่โรงงานเดียว ไม่มีปุ๋ยที่ผลิตได้เองแม้แต่เมล็ดเดียว ณ วันนี้ก็มีปุ๋ยอยู่ไม่ถึง 500,000 ตัน
ฤดูกาลผลิตใหม่จะเริ่มในวันพืชมงคล คือวันที่ 9 พฤษภาคม ศกนี้แล้ว จะหาปุ๋ยที่ไหนมาใช้ได้ทันกับความจำเป็นที่ต้องใช้ เพราะนี่คือสัญญาณเริ่มต้นของฤดูฝนใหม่ที่ต้องใช้ปุ๋ยในการเพาะปลูกแล้ว
เมื่อไร้ปุ๋ยก็ไร้ผลผลิต หรือมีผลผลิตก็ไม่คุ้มกับราคาทุนเป็นแม่นมั่น ความวิบัติใหญ่ก็จะบังเกิดแก่ชาติบ้านเมืองโดยเฉพาะเกษตรกรครั้งใหญ่ที่สุด
เรื่องที่ห้า คือปัญหาอธิปไตยที่ชายแดนภาคใต้กำลังถูกคุกคาม และไม่มีใครในรัฐบาลรับผิดชอบดูแลแม้แต่สักคนเดียว ปัดกันจ้าละหวั่นและขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าลงไปในพื้นที่ ปล่อยให้ลูกชาวบ้านชาวช่องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตามลำพัง
ที่แย่กว่านั้นก็คือขาดการสนับสนุนด้านต่าง ๆ ให้แก่ กอ.รมน. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการปฏิบัติ เหมือนกับการมัดมือมัดตีนฝ่ายปฏิบัติไม่ให้ต่อสู้ปกป้องแผ่นดินได้เต็มที่
จึงทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนครั้งสำคัญแห่งยุครัตนโกสินทร์!
ทั้งห้าเรื่องนี้คือปัญหาของประเทศไทยและของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ซึ่งกำลังจะเข้าสู่กลียุค หรือปล้นฆ่ากันตายเพราะเหตุไม่มีข้าวกินและมีรายได้ไม่พอกับรายจ่ายกันอยู่แล้ว แต่รัฐบาลหุ่นเชิดไม่นำพา ไม่แก้ปัญหาให้กับประชาชน
ทั้ง ๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสรับสั่งชัดแจ้งในการเข้าถวายสัตย์ฯ ของคณะรัฐมนตรีแล้วว่าขอให้ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ซึ่งคนทั้งผองต่างตั้งความหวังว่ารัฐบาลจะสนองรับสั่งอย่างเต็มกำลัง
แต่รัฐบาลหุ่นเชิดกลับไม่ทำตามรับสั่ง และตระบัดสัตย์ที่ได้ถวายสัตย์ไว้เฉพาะพระพักตร์ เอาแต่คิดจะแก้ไขปัญหาให้กับคนเพียงคนเดียวที่ต้องคดีทุจริตของ คตส. และพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นต้องข้อหาทุจริตในการโกงเลือกตั้ง ด้วยการดื้อรั้นที่จะฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกโกงเหล่านี้
แล้วบานปลายขยายไปถึงการล้างบาง คตส., ป.ป.ช., การปรับโครงสร้างศาลรัฐธรรมนูญ, การย้ายสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด, การล้างบาง ส.ว. สรรหา เพื่อหาพวกขี้ข้าที่เชื่อฟังคำสั่งไปทำหน้าที่แทน และเปิดช่องให้มีการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการยกเลิกบทบัญญัติที่เป็นเกราะคุ้มกันในรัฐธรรมนูญ 2550 เสีย
นี่คือการตระบัดสัตย์ที่ได้ถวายสัตย์ไว้เฉพาะพระพักตร์ว่า “จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
ไม่มีรัฐบาลที่ชอบธรรม ที่มีคุณธรรม หรือที่ดีงามที่ไหนในโลกที่เพิกเฉยไม่ทำหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ 63 ล้านคน แล้วมุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนเพียงคนเดียวเหมือนกับรัฐบาลหุ่นเชิดนี้เลย
รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัดตอนคดีโกงเลือกตั้ง และคดีทุจริตไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้คนอยู่เหนือกฎหมาย ทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างยับเยิน
ทำลายความสมดุลระหว่างอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จนเหลือเพียงอำนาจบริหารที่เป็นเผด็จการฟาสซิสต์เท่านั้น
แต่จะเลวกว่าระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ของมุสโสลินีหรือเผด็จการทั้งหลายทั้งปวงในโลก เพราะมันกำลังก่อขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ชัดเจนขึ้นทุกขณะ ดังที่คุณคำนูณ สิทธิสมาน ได้นำข้อเท็จจริงมาประมวลเสนอทางเอเอสทีวีเมื่อคืนวันที่ 21 เมษายน 2551 แล้ว
เพราะมันกำลังก่อสถานการณ์ที่จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนภาคใต้ที่ไม่มีวันจะได้กลับคืน!
เพราะมันกำลังก่อสถานการณ์ที่จะทำให้คนไทยฆ่ากันเองครั้งใหญ่ หรือก่อสงครามประชาชนในขอบเขตทั่วประเทศขึ้น ดังที่เคยประกาศไว้ล่วงหน้าแล้ว
เพราะมันกำลังก่อวิกฤตปากท้องที่คนไทยไม่มีข้าวกิน ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย ทั่วทุกหัวระแหงจะมีแต่โจรผู้ร้ายปล้นชิงวิ่งราวเต็มบ้านเต็มเมือง
และมันจะสร้างสิ่งที่คนไทยไม่ว่าข้าราชการทหารตำรวจหรือประชาชนจะต้องจำนนตนลงเป็นทาสให้กับระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ที่ว่านี้
และที่สำคัญที่สุด มันกำลังทำลายธรรมะของทุกศาสนา ส่งเสริมอธรรมให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นในแผ่นดิน ยกย่องคนชั่วคนพาลให้มีอำนาจ ขับไล่ไสส่งคนดีไม่ให้มีอำนาจ ซึ่งบัดนี้บรรดานักเลงอันธพาลเฝ้าบ่อนเฝ้าซ่องต่างได้รับการเชิดชูว่าจ้างเข้ามาปฏิบัติงานเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดการต่อต้านจากประชาชนหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ ฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือคนเพียงคนเดียวกลับใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจเถื่อนก่อสถานการณ์ให้คนไทยต้องปะทะและต้องฆ่ากันเป็นเบือจึงจะสาใจ นี่คือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
คนไทยทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหารตำรวจหรือประชาชน จะยอมทนให้โศกนาฏกรรมชนิดนี้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองและครอบครัว ตลอดจนลูกหลานและพี่น้องร่วมชาติของเราหรือไม่ ก็ต้องตัดสินใจกันแล้ว!
ก็แลเมื่อรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน 63 ล้านคน และเอาแต่จะแก้ปัญหาให้กับคนเพียงคนเดียว ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าจะก่อโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ให้กับประเทศไทยและคนไทยเช่นนี้แล้ว
รัฐบาลนี้ก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศนี้อีกต่อไป!
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ารัฐบาลหุ่นเชิดไม่ยอมแก้ไขปัญหาให้กับคนไทย 63 ล้านคน เอาแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนเพียงคนเดียว และได้เข้าเกียร์เดินหน้าเต็มอัตราเร่งเพื่อเร่งวันเร่งคืนเร่งเวลานาทีให้มหาวิบัติมาถึงตัวเองและชาติบ้านเมืองให้เร็วที่สุด
ปัญหาของคน 63 ล้านคนคืออะไร? พอจะประมวลได้ห้าเรื่องคือ
เรื่องที่หนึ่ง ประเทศไทยที่เคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำกำลังจะเป็นประเทศที่ขาดแคลนข้าวกิน เพราะคนจัญไรไม่คำนึงถึงภัยพิบัติของชาติและประชาชน เร่งส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศเพื่อหาผลประโยชน์และกำไร ในขณะที่รู้ดีอยู่แล้วว่าข้าวที่เหลืออยู่ในประเทศไม่พอกับการบริโภคแล้ว
ในวันนี้ราคาข้าวขึ้นเป็นรายวันยิ่งกว่าราคาน้ำมัน และขึ้นครั้งละบาทต่อกิโลกรัมหรือกว่านั้น ทำให้ข้าวสารที่เคยมีราคาถังละไม่ถึง 300 บาท มีราคาร่วม 600 บาทเข้าไปแล้ว
มิหนำซ้ำยังหาซื้อไม่ได้ ใครไม่เชื่อลองเข้าไปดูตามห้างสรรพสินค้าแห่งไหนก็ได้ ก็จะเห็นที่เคาน์เตอร์ขายข้าวสารมีคนเข้าแถวยาวเหยียด และขณะที่ทำบทความนี้เขาก็แบ่งขายให้ลดลงแล้ว จากที่เคยแบ่งขายให้คนละ 3 ถุง หรือคนละ 15 กิโลกรัม เหลือเพียงคนละ 5 กิโลกรัมแล้ว และบางแห่งก็ไม่มีข้าวสารขาย
แม่บ้านที่ไปซื้อข้าวสารแล้วไม่ได้ข้าวสารตามต้องการก็ใจแป้ว โทร.หาญาติพี่น้องกันจ้าละหวั่น ก่อให้เกิดการตื่นตระหนกทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วแย่งกันไปหาซื้อข้าวสารมาเก็บไว้กิน
อีกไม่เกิน 15 วันจากนี้ไปสถานการณ์นี้จะหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น และปัญหาจะไม่อยู่ที่ข้าวสารถังละเท่าใด แต่จะอยู่ที่มีขายหรือไม่ และจะนำไปสู่ปัญหาไม่มีข้าวกิน ซึ่งเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งแล้วว่าคนไม่มีข้าวกินนั้นถึงแม้ตาจะบอดก็จะไม่กลัวเสือ แล้วคงจะรุมกันฆ่าเสือเป็นแน่แท้
กว่าจะถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวใหม่อีกตั้งหลายเดือน แล้วความขาดแคลนอย่างนี้จะคิดอ่านป้องกันแก้ไขอย่างไร ไม่มีใครรับผิดชอบ มีแต่คนบ้าบอคอแตกแหกตาชาวบ้านไปวันๆ โดยไม่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาใดๆ ของคนไทยทั้งประเทศเลย
เรื่องที่สอง เรื่องราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปทุกสัปดาห์ และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดคนไทยก็อาจต้องซื้อน้ำมันราคาลิตรละ 60 บาท ซึ่งใครอย่าเพิ่งมาดูถูกดูแคลนกันว่าวันนี้ยังไม่ถึง 40 บาท จะเป็น 60 บาทได้อย่างไร ก็เพราะดูถูกกันมาอย่างนี้ และไม่เคยคิดป้องกันแก้ไขมิใช่หรือ? น้ำมันจึงขึ้นไปจากลิตรละ 10 กว่าบาทจนใกล้ 40 บาทเข้าไปแล้ว
ทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่มีอะไรจะหยุดเอาไว้ได้อีก ความขาดแคลนและค่าครองชีพที่สูงขึ้นแผ่ขยายเป็นวงกว้าง จนผู้คนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
คนขับแท็กซี่ คนขับรถขนส่ง ชาวประมงที่หาปลา ชาวนาชาวสวนที่สูบน้ำเข้านาสวน และกิจการทุกชนิดที่ต้องอาศัยน้ำมันจำนวนมากต้องหยุดหรือปิดกิจการลง ปล่อยให้คนงานตกงาน และเกิดปัญหาสังคมขึ้นอย่างล้นหลาม
ก็ไม่มีใครหน้าไหนรับผิดชอบหรือมีวิธีใดที่จะแก้ไขปัญหาเลย
เรื่องที่สาม เรื่องสภาพแวดล้อมที่อากาศประเทศไทยในบางพื้นที่ร้อนจัดถึง 42 องศาเซลเซียสแล้ว แม้ในกรุงเทพฯ ก็มีความร้อนจัดจ้าจนปวดแสบปวดร้อนด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลต เป็นอันตรายต่อทุกชีวิตในพิภพนี้
และถ้าความร้อนขึ้นสูงกว่า 43 องศาเซลเซียส พืชพันธุ์ข้าวกล้าในนาก็จะตายหมด น้ำในบึงหนองคลองละหารก็จะร้อน สัตว์น้ำก็จะตายเป็นอันมาก อาหารของมนุษย์ก็จะหมดสิ้นไป ในที่สุดมนุษย์ก็จะขาดแคลนอาหารแล้วพากันตาย
แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนเอาใจใส่ดูแลแก้ไข มั่วกันเฉพาะการตั้งงบประมาณปลูกป่า และงบประมาณดับไฟป่าเท่านั้น จนบัดนี้เราอยู่ห่างจากวิกฤตเพียง 1-2 องศาเซลเซียสเท่านั้น แล้วมันจะอีกนานเท่าใดเชียว มหาวินาศก็จะมาถึงแล้ว! แล้วใครเล่าที่คิดอ่านป้องกันแก้ไขเรื่องนี้กันบ้าง?
เรื่องที่สี่ คือเรื่องความขาดแคลนอาหาร ซึ่งเรื่องนี้ทั้งสหประชาชาติ ทั้งอังค์ถัด ทั้งองค์กรต่างประเทศมากมายต่างได้ออกคำเตือนกันจ้าละหวั่นว่าโลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหาร
ประเทศไทยเป็นแหล่งอาหารของโลก ได้ชื่อว่าเป็นคลังอาหารของโลกแห่งหนึ่ง แต่บัดนี้กำลังเผชิญวิกฤตด้วยตนเองแล้ว เพราะธัญญาหารก็ดี มังสาหารก็ดี กำลังลดน้อยถอยลงทุกประเภท
น้ำที่ใช้ในการเกษตรมีปัญหาอย่างหนักหน่วง ทั้งปริมาณที่น้อยลง ทั้งคุณภาพที่เป็นพิษและคุณสมบัติที่มีอุณหภูมิร้อนขึ้น ซึ่งวันนี้ก็กระทบต่อการปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศแล้ว พื้นที่ที่เคยปลูกได้นับล้านไร่ เหลือปลูกได้ในพื้นที่แค่หนองจอกแสนกว่าไร่ แล้วมันจะได้ข้าวนาปรัง 7 ล้านตันมาจากที่ไหน?
ปัจจัยสำคัญอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องอาหารก็คือเรื่องปุ๋ย ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ต้องใช้ปุ๋ยถึงปีละ 4 ล้านตัน แต่ไม่มีโรงงานผลิตปุ๋ยแม้แต่โรงงานเดียว ไม่มีปุ๋ยที่ผลิตได้เองแม้แต่เมล็ดเดียว ณ วันนี้ก็มีปุ๋ยอยู่ไม่ถึง 500,000 ตัน
ฤดูกาลผลิตใหม่จะเริ่มในวันพืชมงคล คือวันที่ 9 พฤษภาคม ศกนี้แล้ว จะหาปุ๋ยที่ไหนมาใช้ได้ทันกับความจำเป็นที่ต้องใช้ เพราะนี่คือสัญญาณเริ่มต้นของฤดูฝนใหม่ที่ต้องใช้ปุ๋ยในการเพาะปลูกแล้ว
เมื่อไร้ปุ๋ยก็ไร้ผลผลิต หรือมีผลผลิตก็ไม่คุ้มกับราคาทุนเป็นแม่นมั่น ความวิบัติใหญ่ก็จะบังเกิดแก่ชาติบ้านเมืองโดยเฉพาะเกษตรกรครั้งใหญ่ที่สุด
เรื่องที่ห้า คือปัญหาอธิปไตยที่ชายแดนภาคใต้กำลังถูกคุกคาม และไม่มีใครในรัฐบาลรับผิดชอบดูแลแม้แต่สักคนเดียว ปัดกันจ้าละหวั่นและขี้ขลาดตาขาวไม่กล้าลงไปในพื้นที่ ปล่อยให้ลูกชาวบ้านชาวช่องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตามลำพัง
ที่แย่กว่านั้นก็คือขาดการสนับสนุนด้านต่าง ๆ ให้แก่ กอ.รมน. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการปฏิบัติ เหมือนกับการมัดมือมัดตีนฝ่ายปฏิบัติไม่ให้ต่อสู้ปกป้องแผ่นดินได้เต็มที่
จึงทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนครั้งสำคัญแห่งยุครัตนโกสินทร์!
ทั้งห้าเรื่องนี้คือปัญหาของประเทศไทยและของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ซึ่งกำลังจะเข้าสู่กลียุค หรือปล้นฆ่ากันตายเพราะเหตุไม่มีข้าวกินและมีรายได้ไม่พอกับรายจ่ายกันอยู่แล้ว แต่รัฐบาลหุ่นเชิดไม่นำพา ไม่แก้ปัญหาให้กับประชาชน
ทั้ง ๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสรับสั่งชัดแจ้งในการเข้าถวายสัตย์ฯ ของคณะรัฐมนตรีแล้วว่าขอให้ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้ง 63 ล้านคน ซึ่งคนทั้งผองต่างตั้งความหวังว่ารัฐบาลจะสนองรับสั่งอย่างเต็มกำลัง
แต่รัฐบาลหุ่นเชิดกลับไม่ทำตามรับสั่ง และตระบัดสัตย์ที่ได้ถวายสัตย์ไว้เฉพาะพระพักตร์ เอาแต่คิดจะแก้ไขปัญหาให้กับคนเพียงคนเดียวที่ต้องคดีทุจริตของ คตส. และพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นต้องข้อหาทุจริตในการโกงเลือกตั้ง ด้วยการดื้อรั้นที่จะฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกโกงเหล่านี้
แล้วบานปลายขยายไปถึงการล้างบาง คตส., ป.ป.ช., การปรับโครงสร้างศาลรัฐธรรมนูญ, การย้ายสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด, การล้างบาง ส.ว. สรรหา เพื่อหาพวกขี้ข้าที่เชื่อฟังคำสั่งไปทำหน้าที่แทน และเปิดช่องให้มีการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการยกเลิกบทบัญญัติที่เป็นเกราะคุ้มกันในรัฐธรรมนูญ 2550 เสีย
นี่คือการตระบัดสัตย์ที่ได้ถวายสัตย์ไว้เฉพาะพระพักตร์ว่า “จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
ไม่มีรัฐบาลที่ชอบธรรม ที่มีคุณธรรม หรือที่ดีงามที่ไหนในโลกที่เพิกเฉยไม่ทำหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ 63 ล้านคน แล้วมุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนเพียงคนเดียวเหมือนกับรัฐบาลหุ่นเชิดนี้เลย
รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัดตอนคดีโกงเลือกตั้ง และคดีทุจริตไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้คนอยู่เหนือกฎหมาย ทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างยับเยิน
ทำลายความสมดุลระหว่างอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จนเหลือเพียงอำนาจบริหารที่เป็นเผด็จการฟาสซิสต์เท่านั้น
แต่จะเลวกว่าระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ของมุสโสลินีหรือเผด็จการทั้งหลายทั้งปวงในโลก เพราะมันกำลังก่อขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ชัดเจนขึ้นทุกขณะ ดังที่คุณคำนูณ สิทธิสมาน ได้นำข้อเท็จจริงมาประมวลเสนอทางเอเอสทีวีเมื่อคืนวันที่ 21 เมษายน 2551 แล้ว
เพราะมันกำลังก่อสถานการณ์ที่จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนภาคใต้ที่ไม่มีวันจะได้กลับคืน!
เพราะมันกำลังก่อสถานการณ์ที่จะทำให้คนไทยฆ่ากันเองครั้งใหญ่ หรือก่อสงครามประชาชนในขอบเขตทั่วประเทศขึ้น ดังที่เคยประกาศไว้ล่วงหน้าแล้ว
เพราะมันกำลังก่อวิกฤตปากท้องที่คนไทยไม่มีข้าวกิน ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย ทั่วทุกหัวระแหงจะมีแต่โจรผู้ร้ายปล้นชิงวิ่งราวเต็มบ้านเต็มเมือง
และมันจะสร้างสิ่งที่คนไทยไม่ว่าข้าราชการทหารตำรวจหรือประชาชนจะต้องจำนนตนลงเป็นทาสให้กับระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ที่ว่านี้
และที่สำคัญที่สุด มันกำลังทำลายธรรมะของทุกศาสนา ส่งเสริมอธรรมให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นในแผ่นดิน ยกย่องคนชั่วคนพาลให้มีอำนาจ ขับไล่ไสส่งคนดีไม่ให้มีอำนาจ ซึ่งบัดนี้บรรดานักเลงอันธพาลเฝ้าบ่อนเฝ้าซ่องต่างได้รับการเชิดชูว่าจ้างเข้ามาปฏิบัติงานเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดการต่อต้านจากประชาชนหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ ฝ่ายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือคนเพียงคนเดียวกลับใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจเถื่อนก่อสถานการณ์ให้คนไทยต้องปะทะและต้องฆ่ากันเป็นเบือจึงจะสาใจ นี่คือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
คนไทยทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหารตำรวจหรือประชาชน จะยอมทนให้โศกนาฏกรรมชนิดนี้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองและครอบครัว ตลอดจนลูกหลานและพี่น้องร่วมชาติของเราหรือไม่ ก็ต้องตัดสินใจกันแล้ว!
ก็แลเมื่อรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน 63 ล้านคน และเอาแต่จะแก้ปัญหาให้กับคนเพียงคนเดียว ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าจะก่อโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ให้กับประเทศไทยและคนไทยเช่นนี้แล้ว
รัฐบาลนี้ก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศนี้อีกต่อไป!