xs
xsm
sm
md
lg

“เลี้ยบ” ลดดะ “ภาษีอุ้ม ศก.” หนีตายน้ำมันพุ่งไม่เลิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลดภาษีไม่สนวินัยการคลัง “หมอเลี้ยบ” จนมุม เผยวันนี้ถก รมว.พลังงาน หาทางลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลให้ภาคขนส่ง ส่วนพรุ่งนี้เรียกคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนเตรียมยกเว้นภาษีกำไรซื้อขายหุ้น-ควบกิจการ “กรณ์” ผงะรัฐบาลไม่มีแผนรับวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทีดีอาร์ไอสอนหมอเลี้ยบ เศรษฐกิจไทยไม่มีไอซียู ยันการเมืองอึมครึมน่าห่วงกว่า

วานนี้ (21 เม.ย.) ที่ รร.สวิสโฮเต็ล เลอคองคอร์ด สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจจัดงานสัมมนาอนาคตประเทศไทยหัวข้อ "มองเศรษฐกิจไทยภายใต้วิกฤตโลก" มี น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "มองเศรษฐกิจไทยภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจโลก" น.พ.สุรพ.ษ์กล่าวว่า โครงสร้างเศรษฐกิจไทย ยังแข็งแกร่ง เห็นได้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่าไทยจะเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 5% อย่างแน่นอน

"คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมาจะเห็นผลต่อระบบเศรษฐกิจภายในเดือนพฤษภาคมนี้" น.พ.สุรพงษ์กล่าวและว่า วันนี้ (22 เม.ย.) จะหารือกับ พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เกี่ยวกับการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลเพื่อเน้นภาคขนส่งเป็นหลัก เป็นการลดต้นทุนพร้อมดูแลค่าครองชีพประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุถึงกำหนดเวลาที่ชัดเจนได้ว่าจะสามารถปรับลดภาษีได้เมื่อไร แต่รัฐบาลพยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดหลังได้ข้อสรุปจากการหารือร่วมกับ รมว.พลังงานแล้ว

หากมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตในส่วนนี้แล้ว ไม่หวั่นว่าจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ลดลง ที่ต้องระวังคือไม่ให้เกิดการบิดเบือน โดยการยักย้ายถ่ายเทไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น" รมว.คลังกล่าวและว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลือกลุ่มประมงแล้ว ส่วนภาคการเกษตรยังมีปัญหาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และหากจะมีการลดภาษีในส่วนนี้จะมีปัญหามาก เพราะจะดูแลเรื่องการยักย้ายถ่ายเทได้ไม่สะดวก"

เล็งเว้นภาษีซื้อขายหุ้น-ควบกิจการ

นพ.สุรพงษ์เปิดเผยอีกว่า วันที่ 23 เม.ย.นี้ จะหารือกับคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน เพื่อพิจารณายกเว้นภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้น ตราสารหนี้ และการควบรวมกิจการ พร้อมทั้งแนวทางปัญหาการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนด้วย เนื่องจากต้องการให้ตลาดหุ้นไทยมีมาตรฐานเท่าเทียมกับตลาดหุ้นทั่วโลก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างบรรยากาศการลงทุนที่น่าสนใจ โดยบางเรื่องอาจได้ข้อสรุปที่สามารถดำเนินการได้ทันที แต่บางเรื่องอาจต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม

"หลังจากได้ข้อสรุปแล้วก็จะต้องเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติปรับปรุงประมวลรัษฎากร ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกนานพอควร ส่วนแผนพัฒนาตลาดทุนจะมีการกำหนดไว้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ผมจะรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งบางเรื่องอาจใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี แต่บางเรื่องอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี"นพ.สุรพงษ์ กล่าว

เป็นที่น่าสังเกตว่า 2 เดือนที่ผ่านมา การทำหน้าที่ของ น.พ.สุรพงษ์ในตำแหน่ง รมว.คลัง จะเน้นลดหย่อนและยกเว้นภาษีเป็นหลัก รวมทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (22 เม.ย.) กระทรวงการคลังจะเสนอให้มีการปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองบ้านมือสอง และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างขนาดไม่เกิน 1 ไร่ เพิ่มเติมจากเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ ครม.อนุมัติมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย ลดภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% เหลือ 0.11% ควบคู่ไปกับการลดค่าธรรมเนียมการโอน 2% และค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของกระทรวงมหาดไทย ให้เหลือ 0.01% โดยจะมีผลบังคับใช้ไป 1 ปี หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้

ครั้งนั้น ครม.ยังออกมาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายมาตรการ ได้แก่ เพิ่มเงินได้สุทธิที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากเดิมที่กำหนดไว้ 1 แสนบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนบาท เพิ่มวงเงินการยกเว้นและการหักค่าลดหย่อนเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิต จากเดิมที่กำหนดไว้ 5 หมื่นบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนบาท เพิ่มวงเงินการหักค่าลดหย่อนเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 3 แสนบาท เพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 5 แสนบาท

การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่วิสาหกิจชุมชนตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ.2548 ที่มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อปี ให้มีผลใช้บังคับสำหรับรายได้ในปี 51-53 ลดภาษีธุรกิจเฉพาะ จาก 3% เป็น 0.1% สำหรับรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ จากกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ เฉพาะการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้กระทำภายใน 1 ปี นับจากวันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ หรือขยายเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่อัตรา 7% ออกไปอีก 2 ปี

"กรณ์" งงรัฐไม่มีแผนรับวิกฤต ศก.โลก

นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะ รมว.คลังเงา กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ"มองเศรษฐกิจไทย ภายใต้วิกฤติเศรษฐกิจโลก" ว่า ยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลจะออกมาตรการอะไรมารองรับ เพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤตในระดับโลกไม่ให้มีผลกระทบมายังไทย

ทั้งนี้ วิกฤตระดับโลก 3 สิ่งที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย คือ วิกฤตเศรษฐกิจจากปัญหาซับไพรม์ที่ยังไม่คลี่คลาย วิกฤตราคาน้ำมันแพง และวิกฤตราคาอาหารโลก

"ไม่เห็นแนวคิดที่ชัดเจนของรัฐบาลว่าจะรองรับ 3 วิกฤตต่างๆ และจะฉวยโอกาสจากวิกฤตราคาอาหารโลกได้อย่างไร" นายกรณ์ กล่าวและว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังโตได้ 6%เห็นได้จากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่ากำไรจะดีขึ้น ประกอบกับตัวเลขการส่งออกในไตรมาส 1 ภาคการท่องเที่ยวและราคาสินค้าเกษตรก็ยังไปได้ดี

ทีดีอาร์ไอห่วงการเมืองฉุด ศก.

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวมและกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ยอมรับว่า ปัญหาเศรษฐกิจของไทยที่ได้รับผบกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากปัญหาซับไพรม์และปัญหาราคาน้ำมันเป็นสิ่งที่ยังน่าติดตามในระยะ 2-3 ปีจากนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาดูในระยะสั้นคือปัญหาทางการเมืองของไทยที่ขณะนี้ถือว่าอยู่ในภาวะอึมครึม เพราะยังอยู่ในช่วงตกลงไม่ได้ แต่จะลากยาวหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ว่าข้อตกลงจะออกมาเป็นที่พอใจมากน้อยเพียงใด

นายสมชัย ยังเห็นด้วยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสจะเติบโตได้ 6% ไม่ว่าจะมองจากตัวเลขภาคการผลิต การจ้างงาน การส่งออก การบริโภคและการลงทุน มีเพียงอัตราเงินเฟ้อเท่านั้นที่ยังอยู่ในระดับสูงและสร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนในเรื่องค่าครองชีพและการจับจ่ายใช้สอย

"เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องอยู่ในห้องไอซียู ผมไม่ชอบการเปรียบเปรยกับห้องไอซียู คิดว่าเศรษฐกิจไทยไม่ถึงกับต้องเข้าห้องไอซียู แค่ร่างกายที่ไม่แข็งแรง และไม่ได้ถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล แต่รอการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้กลับมาแข็งแรงได้ใหม่เท่านั้น" นายสมชัย ค้านแนวคิด รมว.คลังที่ชอบเปรียบเทียบว่าเศรษฐกิจไทยเหมือคนไข้ห้องไอซียู

หนุนคลังลดภาษีดีเซลอุ้มขนส่ง

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การหารือเรื่องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่กระทรวงการคลังส่งสัญญาณจะดูแลราคาเป็นรายกลุ่ม แต่ทั้งหมดจะออกมาอย่างไรคงจะต้องรอให้คลังสรุปเป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ผู้อำนายการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)และอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(พพ.) ไปศึกษาว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรบ้าง ซึ่งจะมีการหารือภายในสัปดาห์นี้แต่ยืนยันว่าน้ำมันที่แพงปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการบังคับ ขณะเดียวกันได้พูดคุยกับเจ้ากรมกิจการพลังงานทหารดูแลแหล่งน้ำมันฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ว่าจะนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้อย่างไร

สำหรับการจัดสัมมนาเพื่อจัดทำแผนแม่บทพลังงานทดแทนใน 15 ปีข้างหน้า(2551-2565) วานนี้(21เม.ย.) รมว.พลังงานกล่าวว่า จะช่วยลดผลกระทบจากปัญหาน้ำมันแพงในอนาคต แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งการเร่งพลังงานทดแทนจะต้องดูให้สมดุลระหว่างพื้นที่เพาะปลูกเพื่ออาหารด้วย โดยเมื่อได้รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายจะมีการสรุปเพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กพช.)ต่อไป

วางแผนพลังงานทดแทน 15 ปีรับมือ

นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานทดแทน 5 ปีนี้ (2551-2554) การพัฒนาพลังงานทดแทนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ 4.7 % เป็น8 % ของการใช้พลังงานทั้งหมดในปี 2554 และเพิ่มเป็น 20% ในปี 2565 โดยปี 2554 มีเป้าหมายการเพิ่มในส่วนของการผลิตไฟฟ้า เป็น 3,276 เมกะวัตต์ การผลิตความร้อนเป็น 4,035 กิโลตัน การใช้เอทานอล เป็น 2.4 ล้านลิตรต่อวัน ไบโอดีเซล เป็น 3 ล้านลิตรต่อวัน ขณะดียวกันกระทรวงพลังงานจะมีการส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวีอย่างต่อเนื่อง

ยัน NGV ก.ค.จะรองรับได้

นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่า ยังยืนยันตามเดิมว่าเดือน ก.ค.นี้ ปตท.จะมีความพร้อมเรื่องของก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV แต่ยอมรับว่าอัตราการใช้เฉลี่ยโต 6-7 % ค่อนข้างสูงมากเมื่อถึงก.ค.จึงอาจจะทำให้ก๊าซที่ใช้จะใกล้เคียงกับการจัดหาซึ่งปตท.ก็จะพยายามดูแลให้เต็มที่

ผู้ค้ารอดูตลาดโลก 1-2 วันก่อนขยับ

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.บางจาก กล่าวว่า บางจากจะรอดูทิศทางราคาน้ำมันสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 21 เม.ย.ก่อนซึ่งยอมรับว่าหากปรับขึ้นโอกาสที่จะต้องปรับราคาขายปลีกในประเทศก็มีสูงเนื่องจากขณะนี้ดีเซลติดลบ 1 บาทต่อลิตร เบนซินบวก 80 สตางค์ต่อลิตรก็ยังถือว่าต่ำอยู่ อย่างไรก็ตามช่วงเทศกาลสงกรานต์บางจากได้ตรึงราคาไว้ให้ต่ำทำให้ต้องแบกภาระไป 50 ล้านบาท

“เราก็แบกภาระช่วงสงกรานต์ไปพอสมควรแต่ก็เพื่อประชาชนแต่น้ำมันยังขึ้นสูงมากคงต้องหันมามองตนเองบ้างเราเองก็เป็นบริษัทเล็กๆ ส่วนคลังจะลดภาษีสรรพสามิตถ้าทำได้เพื่อช่วยประชาชนส่วนของภาคขนส่งก็เป็นเรื่องดีแต่ก็จะต้องดูว่าช่วยได้มากน้อยเพียงใด”นายอนุสรณ์กล่าว

เตือนน้ำมันยังสวิงหนัก

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า ราคาน้ำมันสำเร็จรูปมีการเทขายทำกำไรเล็กน้อยช่วงสุดสัปดาห์แต่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสหรัฐยังคงปรับขึ้นและคาดว่าสัปดาห์นี้อาจทดสอบระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรลได้ ประกอบกับสมาชิกโอเปกออกมาส่งสัญญาณที่จะไม่ผลิตเพิ่มตามคำเรียกร้องของนานาชาติก็จะมีผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกกลับมาสวิงตัวในช่วงขาขึ้นอีกสัปดาห์นี้ดังนั้นต้องติดตามใกล้ชิด ส่วนค้าปลีกไทยคาดว่าผู้ค้าจะรอดูตลาดสิงคโปร์อีก 1-2 วันก่อนตัดสินใจ

คมนาคมเบรกขึ้นค่าโดยสาร

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะขอให้รัฐช่วยเหลือและขอให้ปรับขึ้นค่าโดยสาร ทั้ง ขสมก.และ บขส. และผู้ประกอบการรถร่วม ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ว่าขณะนี้ ต้องการให้ผู้ประกอบการพิจารณาในเรื่องการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องเที่ยวรถ และจำนวนผู้โดยสาร ให้มีความเหมาะสมต่อการออกรถในแต่ละครั้ง รวมทั้งให้ทำการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จากดีเซลมาใช้ เอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิง เพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมัน

“ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัญหาสำคัญซึ่งกระทรวงคมนาคมจะเร่งศึกษาเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยอาจให้มีการรวมเที่ยวรถกับทางรัฐบาล หากผู้ประกอบการต้องการขอขึ้นค่าโดยสารการทำเรื่องเสนอมานั้นขอให้แนบแนวทางการบริหารจัดการมาด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาเพราะจะทำให้รู้ว่าแผนการจัดการเดินรถนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ “นายสันติ กล่าว

นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า จะยังไม่พิจารณาเรื่องปรับค่าโดยสารรถสาธารณะในเดือนเม.ย. นี้ โดยจะพิจาณาต้นทุนราคาน้ำมันของผู้ประกอบการไปอีก 30 วัน อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ จะให้ผู้ประกอบการรถร่วมบริการทั้ง บขส.และ ขสมก.นำข้อมูลมาแสดงด้วยว่า มีรถที่ใช้น้ำมันดีเซลกี่คัน และรถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีกี่คัน

สำหรับมาตรการที่จะใช้ผ่อนคลายภาระให้ผู้ประกอบการในส่วน รถร่วมบริการ บขส. กระทรวงคมนาคมมีแนวคิด แก้ปัญหาสำหรับรถสายยาว ที่มีภาระค่าน้ำมันสูง หากไม่มีการอนุมัติให้ปรับค่าโดยสารจะให้ผู้ประกอบการคงราคาค่าโดยสารไว้ แต่ไม่ต้องเสิร์ฟอาหาร จากเดิม ที่ราคาค่าโดยสาร จะมีการรวมค่าอาหารไว้ด้วย และเมื่อถึงจุดพักรถ ก็จะแจกคูปอง ให้ผู้โดยสารไปแลกซื้ออาหาร ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข้อร้องเรียนของผู้โดยสารว่า อาหารรสชาติไม่ดี และเป็นเหมือนการบังคับให้ต้องบริโภคเฉพาะร้านที่มีขาย ซึ่งแนวทางนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าโดยสารที่ไม่ต้องปรับเพิ่มไม่น้อยกว่า 40 -50 บาท ต่อผู้โดยสาร 1 คนต่อเที่ยวการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่านายสันติ นายทรงศักดิ์และนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมด้านการขนส่ง ได้หารือร่วมกันถึงการที่ผู้ประกอบการรถโดยสาร ยื่นขอปรับขึ้นค่าโดยสาร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ ต้นทุนการให้บริการของผู้ประกอบการในขณะนี้สูงกว่า 50% ซึ่งคาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ในวันนี้(22 เม.ย.) จะมีการหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น