ผู้จัดการรายวัน - ราคาหุ้นขนาดเล็กร้อน หลังนักลงทุนปรับพฤติกรรมลดพอร์ตหุ้นใหญ่ นำโดย "DE- DISTAR" ควงแขนวิ่งแรง จากต้นเดือนเม.ย.ราคาพุ่งเกิน 70% แล้ว สวนทางหุ้นที่เคยร้อนแรงอย่าง TRAF ที่ติดลบเกือบ 14% ด้านโบรกเกอร์ แนะหลีกเลี่ยง เหตุราคาหุ้นปรับตัวสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน พร้อมเตือนให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง
ตลอดเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในช่วงที่ซบเซา เนื่องจากมีวันหยุดยาวในเทศเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับปัจจัยลบด้านการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักลงทุนหยุดพักเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางส่วนปรับกลยุทธ์หันมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กแทน ส่งผลให้ราคาหุ้นขนาดเล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
ผู้จัดการรายวัน ได้สำรวจการซื้อขายของหุ้นขนาดเล็กในตลาดหุ้นไทย เปรียบเทียบตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 18 เมษายน 51 ปรากฏว่า หุ้นขนาดเล็กส่วนใหญ่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่นักลงทุนมีพฤติกรรมหันมาให้ความสนใจลงทุนในหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น ประกอบกับการเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากก็สามารถทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
สำหรับหุ้นขนาดเล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ บมจ.ดี อี แคปปิตอล จำกัด หรือ DE ราคาปิดที่ 3.10 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.31 บาท คิดเป็น 73.18% จากราคา 1.79 บาท บมจ.ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น หรือ DISTAR ราคาปิดที่ 1.09 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.45 บาท คิดเป็น 70.31% จากราคา 0.64 บาท บมจ.ไมด้า ลิสซิ่ง หรือ ML ราคาปิดที่ 4.66 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.80 บาท คิดเป็น 62.94% จากราคา 2.86 บาท (ตารางประกอบข่าว)
บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC ราคาปิดที่ 2.76 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.62 บาท คิดเป็น 28.97% จากราคา 2.14 บาท และบมจ.ไมด้า แอสเซ็ท หรือ MIDA ปิดที่ 1.20 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.17 บาท คิดเป็น 16.50% จากราคา 1.03 บาท ขณะที่หุ้นที่เคยร้อนแรงอย่างบมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ หรือ TRAF ปิดที่ 5.45 บาท ปรับลดลง 0.85 บาท คิดเป็น 13.49% จากราคา 6.30 บาท
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 850-860 จุด แต่เนื่องจากดัชนีกลุ่มที่นำตลาดอย่างธนาคารพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์สัญญาณทางเทคนิดได้ปรับตัวขึ้นในระดับสูงแล้ว มีโอกาสอ่อนตัวลงมาก่อน
ขณะที่กลุ่มพลังงาน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้แนวต้านแล้ว ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่การขึ้นทดสอบ 850-860 จุดอาจไม่ผ่านในครั้งเดียว
ส่วนการเล่นหุ้นเก็งกำไรตามดัชนีจะมีสองจังหวะ คือ หนึ่งในช่วงที่ดัชนีปรับขึ้นทดสอบบริเวณดังกล่าว 10-20 จุด และสองจังหวะที่ดัชนีทะลุ 850-860 จุดและยืนได้
สำหรับหุ้นขนาดเล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับ ประกอบด้วย หุ้น DE, DISTAR, IEC และ ML นั้น บล.ไอร่า ไม่แนะนำเข้าเก็งกำไร เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคปรับขึ้นมามากแล้ว ส่วนหุ้น MIDA ราคาปัจจุบัน 1.20 บาท มี PE อยู่ที่ระดับ 84.62 และ PBV 0.38 หากราคายืนที่ 1.16-1.18 บาท สามารถซื้อเล่นบางส่วน สำหรับคนที่มีหุ้นทยอยขายบริเวณแนวต้าน 1.24-1.3 บาท ขณะที่หุ้น TRAF ราคาปัจจุบันที่ 5.45 บาท PE และ PBV ไม่มี หากราคายืนที่ 5.71 บาท เล่นสั้นๆ ทยอยขายจนถึงแนวต้าน 6.1-6.78 บาท
พร้อมกันนี้ ได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับการเล่นหุ้นเก็งกำไร ดังนี้ 1.ควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เล่นในปริมาณเงินที่น้อย 2.จังหวะที่ดีในการเข้าเก็งกำไรควรเป็นช่วงที่แนวโน้มของดัชนี SET และดัชนีกลุ่มอยู่ในจังหวะที่มีโอกาสปรับตัวขึ้น หากดัชนีรวมอยู่ในช่วงขาลงจะจำกัดและมีความเสี่ยงในการปรับตัวขึ้นของหุ้นมากขึ้น 3.ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานประกอบกับข่าวที่เข้ามารวมถึง Analyst Consensus ถ้ามีอย่างน้อยที่สุดควรดูค่าอัตราส่วน PE, PBV ประกอบเพื่อให้รู้ว่าราคาปัจจุบันมีความเสี่ยงระดับไหนแล้ว 4.แบ่งเม็ดเงินเป็นส่วนๆ 4-5 ส่วน อย่าลงทุนในครั้งเดียว รวมถึงกำหนดจุดขายเพื่อตัดขาดทุนโดยถือเป็นวินัยอย่างเคร่งครัด
ด้านบล.สินเอเซีย ระบุว่า ราคาหุ้นบริษัท ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DISTAR มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงเก็งกำไรมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคเข้าเขตการซื้อมากเกินไป (Overbought) มีแนวโน้มปรับตัวลดลง แนะนำขายทำกำไร
ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้ประเมินแนวรับของ DE อยู่ที่ 3.04 บาท และแนวต้านอยู่ที่ 3.20 บาท
และบล.แอ๊ดคินซัน กล่าวถึงหุ้น DISTAR ว่าเป็นหุ้นที่มีความเกี่ยวพันทางธุรกิจกับหุ้น DE เพราะทำธุรกิจในการขายของปล่อยกู้ร่วมกัน ดังนั้นพอหุ้น DE มีการถูกขายเปลี่ยนมือ ตัว DISTAR จะถูกเล็งว่าคงจะพ่วงไปด้วยกันเหมือน โดยจะเห็นได้จากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้น DISTAR ยังต่ำกว่า Book value ที่ 1.24 บาท โดยมีแนวต้านรอบใหม่ที่ 1.20 บาท
ตลอดเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในช่วงที่ซบเซา เนื่องจากมีวันหยุดยาวในเทศเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับปัจจัยลบด้านการเมืองยังไม่มีความชัดเจน ทำให้นักลงทุนหยุดพักเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางส่วนปรับกลยุทธ์หันมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กแทน ส่งผลให้ราคาหุ้นขนาดเล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
ผู้จัดการรายวัน ได้สำรวจการซื้อขายของหุ้นขนาดเล็กในตลาดหุ้นไทย เปรียบเทียบตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 18 เมษายน 51 ปรากฏว่า หุ้นขนาดเล็กส่วนใหญ่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่นักลงทุนมีพฤติกรรมหันมาให้ความสนใจลงทุนในหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น ประกอบกับการเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากก็สามารถทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
สำหรับหุ้นขนาดเล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ บมจ.ดี อี แคปปิตอล จำกัด หรือ DE ราคาปิดที่ 3.10 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.31 บาท คิดเป็น 73.18% จากราคา 1.79 บาท บมจ.ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น หรือ DISTAR ราคาปิดที่ 1.09 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.45 บาท คิดเป็น 70.31% จากราคา 0.64 บาท บมจ.ไมด้า ลิสซิ่ง หรือ ML ราคาปิดที่ 4.66 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.80 บาท คิดเป็น 62.94% จากราคา 2.86 บาท (ตารางประกอบข่าว)
บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC ราคาปิดที่ 2.76 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.62 บาท คิดเป็น 28.97% จากราคา 2.14 บาท และบมจ.ไมด้า แอสเซ็ท หรือ MIDA ปิดที่ 1.20 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.17 บาท คิดเป็น 16.50% จากราคา 1.03 บาท ขณะที่หุ้นที่เคยร้อนแรงอย่างบมจ.ทราฟฟิกคอร์นเนอร์โฮลดิ้งส์ หรือ TRAF ปิดที่ 5.45 บาท ปรับลดลง 0.85 บาท คิดเป็น 13.49% จากราคา 6.30 บาท
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า ประเมินแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 850-860 จุด แต่เนื่องจากดัชนีกลุ่มที่นำตลาดอย่างธนาคารพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์สัญญาณทางเทคนิดได้ปรับตัวขึ้นในระดับสูงแล้ว มีโอกาสอ่อนตัวลงมาก่อน
ขณะที่กลุ่มพลังงาน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้แนวต้านแล้ว ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่การขึ้นทดสอบ 850-860 จุดอาจไม่ผ่านในครั้งเดียว
ส่วนการเล่นหุ้นเก็งกำไรตามดัชนีจะมีสองจังหวะ คือ หนึ่งในช่วงที่ดัชนีปรับขึ้นทดสอบบริเวณดังกล่าว 10-20 จุด และสองจังหวะที่ดัชนีทะลุ 850-860 จุดและยืนได้
สำหรับหุ้นขนาดเล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับ ประกอบด้วย หุ้น DE, DISTAR, IEC และ ML นั้น บล.ไอร่า ไม่แนะนำเข้าเก็งกำไร เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคปรับขึ้นมามากแล้ว ส่วนหุ้น MIDA ราคาปัจจุบัน 1.20 บาท มี PE อยู่ที่ระดับ 84.62 และ PBV 0.38 หากราคายืนที่ 1.16-1.18 บาท สามารถซื้อเล่นบางส่วน สำหรับคนที่มีหุ้นทยอยขายบริเวณแนวต้าน 1.24-1.3 บาท ขณะที่หุ้น TRAF ราคาปัจจุบันที่ 5.45 บาท PE และ PBV ไม่มี หากราคายืนที่ 5.71 บาท เล่นสั้นๆ ทยอยขายจนถึงแนวต้าน 6.1-6.78 บาท
พร้อมกันนี้ ได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับการเล่นหุ้นเก็งกำไร ดังนี้ 1.ควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูง เล่นในปริมาณเงินที่น้อย 2.จังหวะที่ดีในการเข้าเก็งกำไรควรเป็นช่วงที่แนวโน้มของดัชนี SET และดัชนีกลุ่มอยู่ในจังหวะที่มีโอกาสปรับตัวขึ้น หากดัชนีรวมอยู่ในช่วงขาลงจะจำกัดและมีความเสี่ยงในการปรับตัวขึ้นของหุ้นมากขึ้น 3.ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานประกอบกับข่าวที่เข้ามารวมถึง Analyst Consensus ถ้ามีอย่างน้อยที่สุดควรดูค่าอัตราส่วน PE, PBV ประกอบเพื่อให้รู้ว่าราคาปัจจุบันมีความเสี่ยงระดับไหนแล้ว 4.แบ่งเม็ดเงินเป็นส่วนๆ 4-5 ส่วน อย่าลงทุนในครั้งเดียว รวมถึงกำหนดจุดขายเพื่อตัดขาดทุนโดยถือเป็นวินัยอย่างเคร่งครัด
ด้านบล.สินเอเซีย ระบุว่า ราคาหุ้นบริษัท ไดสตาร์ อิเลคทริก คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DISTAR มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงเก็งกำไรมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคเข้าเขตการซื้อมากเกินไป (Overbought) มีแนวโน้มปรับตัวลดลง แนะนำขายทำกำไร
ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ได้ประเมินแนวรับของ DE อยู่ที่ 3.04 บาท และแนวต้านอยู่ที่ 3.20 บาท
และบล.แอ๊ดคินซัน กล่าวถึงหุ้น DISTAR ว่าเป็นหุ้นที่มีความเกี่ยวพันทางธุรกิจกับหุ้น DE เพราะทำธุรกิจในการขายของปล่อยกู้ร่วมกัน ดังนั้นพอหุ้น DE มีการถูกขายเปลี่ยนมือ ตัว DISTAR จะถูกเล็งว่าคงจะพ่วงไปด้วยกันเหมือน โดยจะเห็นได้จากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้น DISTAR ยังต่ำกว่า Book value ที่ 1.24 บาท โดยมีแนวต้านรอบใหม่ที่ 1.20 บาท