บล.ไอร่า แนะกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 2/51 บริหารต้นทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมันและทยอยซื้อสะสมในกลุ่ม Domestic Play จับตากลุ่มธนาคารปรับตัวโดดเด่น เหตุในช่วงที่ผ่านมาปรับขึ้นน้อยกว่ากลุ่มอื่น แนะนำ BBL ราคาเป้าหมาย 152 บาท คาดกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง ตามการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่พลิกฟื้น ประกอบกับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ด้านต่างประเทศหากดัชนีดาวโจนส์ยืนเหนือ 12800 จุด เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบ 99-112 เหรียญ
นายสมพงศ์ เบญจเทพานันท์และนายวิชัย แสงบุษราคัมโชติ ทีมวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การลงทุน บ.ล.ไอร่า กล่าวถึง ทิศทางตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2/51 ว่านับแต่ดัชนีขึ้นไปถึง 924 จุด เมื่อประมาณ 21 สัปดาห์หรือ 105 วัน ดัชนีลบไป 8.9% โดยดัชนีกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีลบไป 18.2% และ 17.2% ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่ม Domestic Play อย่างธนาคารลบไป 2.9% และอสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร สื่อบันเทิง ปรับตัวบวกขึ้น 7.8%, 7.2%, 25.9% แสดงถึงความแข็งแกร่งกว่าตลาด และแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวขึ้นจากนี้ไป
โดยมองว่ากลุ่มธนาคารน่าจะยังสามารถปรับขึ้นได้อีกเพราะที่ผ่านมาพบว่ายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ แม้ในช่วง 50 วันที่ผ่านมาที่ ดัชนี SET เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 728 จุด กลุ่มธนาคารจะปรับตัวขึ้น 23.5% ตามกลุ่มอสังหาฯที่ระดับ 25.2% ก็ตาม โดยหักลบกับช่วงที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ทำให้กลุ่มธนาคารยังสามารถปรับขึ้นได้อีก ในขณะที่กลุ่มสื่อสาร สื่อบันเทิงปรับขึ้น 12.8%, 17.4%
"ในช่วง 60 วันย้อนหลังเราได้แสดงหุ้นกลุ่มอสังหาฯและกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดตามลำดับดังนี้ กลุ่มอสังหาฯ EMC 72%, ESTAR 53%, PS 46%, PF 43%, QH 37%, AP 29%, LPN 27%, LH 26%, BROCK 26%, KMC 25% และกลุ่มธนาคาร SCIB 17%, BBL 16%, ACL 11%, SCB 6%, KBANK 5%, KTB 5%, TISCO 5%, TMB 2.4%, BAY 2%, BT 0.8%"
สำหรับ ดัชนีดาวน์โจนส์มองว่าตลาดนิวยอร์คอ่อนไหวต่อข้อมูลที่จะสะท้อนภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากมีการติดตามแก้ปัญหาจากรัฐบาลมาตลอดที่ช่วยพยุงตลาดไว้ ซึ่งหากดัชนีดาวน์โจนส์ยังยืนเหนือบริเวณ 12500-12800 จุดได้ ก็มีโอกาสในการปรับตัวขึ้นที่ 14000 จุด อันจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยด้วยในแนวโน้มระยะกลางช่วงไตรมาส 2/51 ส่วนน้ำมันดิบ NYMEX คาดว่าการเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบ 99-112 ดอลลาร์/บาร์เรล และหากอยู่ในกรอบดังกล่าวกลุ่มพลังงานก็ยังไม่มีปัจจัยอะไรกระตุ้น
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 2/51 แนะนำบริหารต้นทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมันและทยอยซื้อสะสมในกลุ่ม Domestic Play โดยกลุ่มธนาคารมองว่ายังปรับขึ้นได้อีกมาก สำหรับรายตัวหุ้นทางทีมวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้แนะนำหุ้น SATTEL, BBL, BEC โดยมีรายละเอียดดังนี้ SATTEL ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท และราคาหุ้นยังถูกด้วย PBV ระดับ 0.7 เท่า คาดว่า Operation Profit จะพลิกกลับมาเป็นบวก ในรอบ 2 ปี โดยได้ปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจ IPSTAR ที่ในปีนี้จะเติบโตกว่าเท่าตัว
โดย BBLราคาเป้าหมาย 152 บาท คาดกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง จากการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่พลิกฟื้น จะช่วยให้ Loan growth เติบโตในระดับ 9% ประกอบกับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่ง ณ สิ้นปี 07 อยู่ในระดับ 15.6% และ BEC ราคาเป้าหมาย 32.25 บาท คาดเม็ดเงินโฆษณาเติบโตในปีนี้ ตามเศรษฐกิจที่ถูกกระตุ้นด้วยการบริโภคและการลงทุน นอกจากนี้บริษัทเล็งปรับขึ้นค่าโฆษณาอีกระลอกประมาณเดือนพฤษภาคมหลังต้นปีปรับในส่วน Prime time ไปแล้ว
นายสมพงศ์ เบญจเทพานันท์และนายวิชัย แสงบุษราคัมโชติ ทีมวิเคราะห์ทางเทคนิคและกลยุทธ์การลงทุน บ.ล.ไอร่า กล่าวถึง ทิศทางตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2/51 ว่านับแต่ดัชนีขึ้นไปถึง 924 จุด เมื่อประมาณ 21 สัปดาห์หรือ 105 วัน ดัชนีลบไป 8.9% โดยดัชนีกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีลบไป 18.2% และ 17.2% ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่ม Domestic Play อย่างธนาคารลบไป 2.9% และอสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร สื่อบันเทิง ปรับตัวบวกขึ้น 7.8%, 7.2%, 25.9% แสดงถึงความแข็งแกร่งกว่าตลาด และแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวขึ้นจากนี้ไป
โดยมองว่ากลุ่มธนาคารน่าจะยังสามารถปรับขึ้นได้อีกเพราะที่ผ่านมาพบว่ายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ แม้ในช่วง 50 วันที่ผ่านมาที่ ดัชนี SET เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 728 จุด กลุ่มธนาคารจะปรับตัวขึ้น 23.5% ตามกลุ่มอสังหาฯที่ระดับ 25.2% ก็ตาม โดยหักลบกับช่วงที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ทำให้กลุ่มธนาคารยังสามารถปรับขึ้นได้อีก ในขณะที่กลุ่มสื่อสาร สื่อบันเทิงปรับขึ้น 12.8%, 17.4%
"ในช่วง 60 วันย้อนหลังเราได้แสดงหุ้นกลุ่มอสังหาฯและกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดตามลำดับดังนี้ กลุ่มอสังหาฯ EMC 72%, ESTAR 53%, PS 46%, PF 43%, QH 37%, AP 29%, LPN 27%, LH 26%, BROCK 26%, KMC 25% และกลุ่มธนาคาร SCIB 17%, BBL 16%, ACL 11%, SCB 6%, KBANK 5%, KTB 5%, TISCO 5%, TMB 2.4%, BAY 2%, BT 0.8%"
สำหรับ ดัชนีดาวน์โจนส์มองว่าตลาดนิวยอร์คอ่อนไหวต่อข้อมูลที่จะสะท้อนภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากมีการติดตามแก้ปัญหาจากรัฐบาลมาตลอดที่ช่วยพยุงตลาดไว้ ซึ่งหากดัชนีดาวน์โจนส์ยังยืนเหนือบริเวณ 12500-12800 จุดได้ ก็มีโอกาสในการปรับตัวขึ้นที่ 14000 จุด อันจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยด้วยในแนวโน้มระยะกลางช่วงไตรมาส 2/51 ส่วนน้ำมันดิบ NYMEX คาดว่าการเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบ 99-112 ดอลลาร์/บาร์เรล และหากอยู่ในกรอบดังกล่าวกลุ่มพลังงานก็ยังไม่มีปัจจัยอะไรกระตุ้น
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 2/51 แนะนำบริหารต้นทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมันและทยอยซื้อสะสมในกลุ่ม Domestic Play โดยกลุ่มธนาคารมองว่ายังปรับขึ้นได้อีกมาก สำหรับรายตัวหุ้นทางทีมวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้แนะนำหุ้น SATTEL, BBL, BEC โดยมีรายละเอียดดังนี้ SATTEL ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท และราคาหุ้นยังถูกด้วย PBV ระดับ 0.7 เท่า คาดว่า Operation Profit จะพลิกกลับมาเป็นบวก ในรอบ 2 ปี โดยได้ปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจ IPSTAR ที่ในปีนี้จะเติบโตกว่าเท่าตัว
โดย BBLราคาเป้าหมาย 152 บาท คาดกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง จากการบริโภคและการลงทุนในประเทศที่พลิกฟื้น จะช่วยให้ Loan growth เติบโตในระดับ 9% ประกอบกับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่ง ณ สิ้นปี 07 อยู่ในระดับ 15.6% และ BEC ราคาเป้าหมาย 32.25 บาท คาดเม็ดเงินโฆษณาเติบโตในปีนี้ ตามเศรษฐกิจที่ถูกกระตุ้นด้วยการบริโภคและการลงทุน นอกจากนี้บริษัทเล็งปรับขึ้นค่าโฆษณาอีกระลอกประมาณเดือนพฤษภาคมหลังต้นปีปรับในส่วน Prime time ไปแล้ว
