00 ระดับคอการเมืองจะพอมองออกและเห็นค่อนข้างตรงกันว่า การเดินสายสะเดาะเคราะห์ให้ครบทั้ง 99 วัดของ “เฮียแม้ว” เที่ยวนี้ต้องมีนัยทางการเมืองแฝงเอาไว้ด้วยอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าไม่ได้มีการแสดงออกด้วยคำพูด แต่หากพิจารณาจากลักษณะท่าทาง ช่วงจังหวะเวลาแล้วรับรองว่าไม่ธรรมดา
00 การเลือกพื้นที่ก็เน้นเฉพาะเป้าหมายสำคัญคือ ภาคเหนือ กับภาคอีสาน ซึ่งใครๆก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นฐานเสียงสำคัญ โดยเฉพาะบรรดา “รากหญ้า” ทั้งหลายแค่เห็นเงาปรากฏลางๆ ก็ส่งเสียงกรี๊ดกันแทบสลบแล้ว แต่นี่ “แม้วตัวเป็นๆ” ที่ผ่านการเทรนมาอย่างดีจากทีมงานด้านการตลาดว่า จะต้องขยับแข้งขยับขา หรือเอียงคอโบกมือโปรยยิ้มไปทางไหน บวกกับมีบริวารลิ่วล้อทุกระดับแห่แหนล้อมหน้าล้อมหลัง มันก็ยิ่งเป็นภาพอันยิ่งใหญ่ตระการตาเหมือนกับ “ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง” ก็ไม่ปาน มันก็ยิ่งดูน่าสนใจ น่าติดตาม
00 ขณะเดียวกันในมุมการเมืองมันก็บังเอิญเป็นช่วงเดินเครื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ “วาระพิเศษ” กันพอดิบพอดี และที่ผ่านมาก็มีเสียงนินทากันให้แซดว่างานนี้ “นายใหญ่” สั่งทุ่มเทกันเต็มพิกัด วัดได้-เสียกันเลยทีเดียว เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่า การแก้ไขแบบ “หักดิบ” แบบนี้มันเป็นงานหิน เพราะสังคมรู้ทัน ถึงจะยกสารพัดเหตุผลมาแก้ตัวอย่างไรมันก็ “ไม่เนียน” คนก็ยังจับได้ไล่ทันอยู่ดี
00 ไม่เชื่อลองพิจารณาจากผลโพลล่าสุดที่คนส่วนใหญ่สรุปรวบยอดตอกหน้าออกมาว่าการแก้ไขเที่ยวนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง และพวกพ้อง ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์ และที่สำคัญต้องมีการลงประชามติกันก่อนว่าจะให้มีการแก้ไขหรือเปล่า หมายความว่า “ต้องถามชาวบ้าน” ก่อนว่าคิดอย่างไร แถมถ้ามีการพิจารณากันเดือนต่อเดือนมาเปรียบเทียบปรากฎว่า ยิ่งนานวันคนก็ไม่เอาด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ
00 แต่จะด้วยความถือดีมั่นใจในแผนโปรโมต และอานิสงส์ จาก”ประชานิยม” ลดแลกแจกแถม มัดใจบรรดารากหญ้าได้อยู่หมัด ซ้ายหันขวาหันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเห็นเงา”ยี้ห้อย” กับ"ยุทธ" ประกบเคียงข้างซ้ายขวาประดุจ “รัก-ยม” ก็มองเห็นภาพมวลชนจัดตั้งผุดขึ้นมาทันที
00 ดังนั้น ถ้าให้ปะติดปะต่อเชื่อมโยงกันการเดินสายไปทั่วภาคเหนือและภาคอีสานในช่วงเวลานี้นอกจากมีเรื่องทำบุญสะเดาะเคราะห์แล้ว น่าจะมีเรื่องเช็กเรตติ้งมวลชนควบคู่กันไปด้วย เพราะอย่างที่บอกมันเดิมพันสูง เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ต้องออกแรงเอง
00 แต่ล่าสุดเมื่อเดินสำรวจไปค่อนตลาดเสียงคัดค้านรู้ทันเริ่มหนาหู ทำให้ต้องตีกรรเชียงผ่อนเกมชั่วคราว โดยโยนหินถามทางให้ตั้ง ส.ส.ร.3 เปิดทางให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม แต่ก็ไม่รู้จะรับฟังได้แค่ไหน เพราะคนพูดมันก็มักมีแต่ไอเดีย แต่“ไม่มีราคา” ในพรรคเสียด้วย
00 อีกเรื่องที่กำลังทำท่ากลายเป็นหน่วยงานรับก้อนอิฐ หลังจากไม่ยอมฟ้องคดีของคตส.หลายคดี รวมทั้งมีแนวโน้มไม่ยอมฟ้องคดียุบพรรคของกกต.เข้าไปอีก เวลานี้พนักงานอัยการไม่เป็นอันอะไร เพราะถูกชาวบ้านโทรไปด่าทั้งวัน
00 แต่ที่กดดันอัยการสูงสุดไม่น้อยก็คือเรื่องการได้รับแต่งตั้งเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ที่มีผลประโยชน์ปีละหลายล้านบาท โดยที่พนักงานทั่วประเทศไม่ได้รับส่วนแบ่ง แต่พอเกิดเรื่องมีเสียงต่อว่าต่อขานเกิดขึ้น พนักงานทุกคนกลับรับไปเต็มๆ ดังนั้นเริ่มมีเสียงแว่วๆ ดังลอดมาให้ได้ยินถึงเสียงเรียกร้องให้อัยการสูงสุดถอนตัวจากการเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเสียที และถ้าเป็นไปได้ ให้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาสั่งคดีที่ คตส. และ กกต.ส่งมา โดยเปลี่ยนชุดเดิมออกไป !!
00 การเลือกพื้นที่ก็เน้นเฉพาะเป้าหมายสำคัญคือ ภาคเหนือ กับภาคอีสาน ซึ่งใครๆก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นฐานเสียงสำคัญ โดยเฉพาะบรรดา “รากหญ้า” ทั้งหลายแค่เห็นเงาปรากฏลางๆ ก็ส่งเสียงกรี๊ดกันแทบสลบแล้ว แต่นี่ “แม้วตัวเป็นๆ” ที่ผ่านการเทรนมาอย่างดีจากทีมงานด้านการตลาดว่า จะต้องขยับแข้งขยับขา หรือเอียงคอโบกมือโปรยยิ้มไปทางไหน บวกกับมีบริวารลิ่วล้อทุกระดับแห่แหนล้อมหน้าล้อมหลัง มันก็ยิ่งเป็นภาพอันยิ่งใหญ่ตระการตาเหมือนกับ “ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง” ก็ไม่ปาน มันก็ยิ่งดูน่าสนใจ น่าติดตาม
00 ขณะเดียวกันในมุมการเมืองมันก็บังเอิญเป็นช่วงเดินเครื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ “วาระพิเศษ” กันพอดิบพอดี และที่ผ่านมาก็มีเสียงนินทากันให้แซดว่างานนี้ “นายใหญ่” สั่งทุ่มเทกันเต็มพิกัด วัดได้-เสียกันเลยทีเดียว เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่า การแก้ไขแบบ “หักดิบ” แบบนี้มันเป็นงานหิน เพราะสังคมรู้ทัน ถึงจะยกสารพัดเหตุผลมาแก้ตัวอย่างไรมันก็ “ไม่เนียน” คนก็ยังจับได้ไล่ทันอยู่ดี
00 ไม่เชื่อลองพิจารณาจากผลโพลล่าสุดที่คนส่วนใหญ่สรุปรวบยอดตอกหน้าออกมาว่าการแก้ไขเที่ยวนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง และพวกพ้อง ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์ และที่สำคัญต้องมีการลงประชามติกันก่อนว่าจะให้มีการแก้ไขหรือเปล่า หมายความว่า “ต้องถามชาวบ้าน” ก่อนว่าคิดอย่างไร แถมถ้ามีการพิจารณากันเดือนต่อเดือนมาเปรียบเทียบปรากฎว่า ยิ่งนานวันคนก็ไม่เอาด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ
00 แต่จะด้วยความถือดีมั่นใจในแผนโปรโมต และอานิสงส์ จาก”ประชานิยม” ลดแลกแจกแถม มัดใจบรรดารากหญ้าได้อยู่หมัด ซ้ายหันขวาหันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเห็นเงา”ยี้ห้อย” กับ"ยุทธ" ประกบเคียงข้างซ้ายขวาประดุจ “รัก-ยม” ก็มองเห็นภาพมวลชนจัดตั้งผุดขึ้นมาทันที
00 ดังนั้น ถ้าให้ปะติดปะต่อเชื่อมโยงกันการเดินสายไปทั่วภาคเหนือและภาคอีสานในช่วงเวลานี้นอกจากมีเรื่องทำบุญสะเดาะเคราะห์แล้ว น่าจะมีเรื่องเช็กเรตติ้งมวลชนควบคู่กันไปด้วย เพราะอย่างที่บอกมันเดิมพันสูง เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ต้องออกแรงเอง
00 แต่ล่าสุดเมื่อเดินสำรวจไปค่อนตลาดเสียงคัดค้านรู้ทันเริ่มหนาหู ทำให้ต้องตีกรรเชียงผ่อนเกมชั่วคราว โดยโยนหินถามทางให้ตั้ง ส.ส.ร.3 เปิดทางให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม แต่ก็ไม่รู้จะรับฟังได้แค่ไหน เพราะคนพูดมันก็มักมีแต่ไอเดีย แต่“ไม่มีราคา” ในพรรคเสียด้วย
00 อีกเรื่องที่กำลังทำท่ากลายเป็นหน่วยงานรับก้อนอิฐ หลังจากไม่ยอมฟ้องคดีของคตส.หลายคดี รวมทั้งมีแนวโน้มไม่ยอมฟ้องคดียุบพรรคของกกต.เข้าไปอีก เวลานี้พนักงานอัยการไม่เป็นอันอะไร เพราะถูกชาวบ้านโทรไปด่าทั้งวัน
00 แต่ที่กดดันอัยการสูงสุดไม่น้อยก็คือเรื่องการได้รับแต่งตั้งเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ที่มีผลประโยชน์ปีละหลายล้านบาท โดยที่พนักงานทั่วประเทศไม่ได้รับส่วนแบ่ง แต่พอเกิดเรื่องมีเสียงต่อว่าต่อขานเกิดขึ้น พนักงานทุกคนกลับรับไปเต็มๆ ดังนั้นเริ่มมีเสียงแว่วๆ ดังลอดมาให้ได้ยินถึงเสียงเรียกร้องให้อัยการสูงสุดถอนตัวจากการเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเสียที และถ้าเป็นไปได้ ให้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาสั่งคดีที่ คตส. และ กกต.ส่งมา โดยเปลี่ยนชุดเดิมออกไป !!