“เหวง” ยกพลคนเสื้อแดง ฮึดแก้ รธน.ไม่สมราคา

รวมพลคนเสื้อแดงระดมพลจัดเวทีรณรงค์แก้ไข รธน.เมืองกรุงเก่าไม่สมราคาท่อน้ำเลี้ยง ปชช.สนใจร่วมรับฟังบางตาแค่พันคน แถมอ้างจำใจทนรับร่าง รธน.ปี 50 เพราะถูกทหารบังคับ

วันนี้ (20 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ กลุ่มวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540 ชมรมฟ้าใหม่ กลุ่มสื่อเพื่อประชาธิปไตย และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 จัดเวทีประชาพิจารณ์รวมพลคนเสื้อแดง ในการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2550 ภายในหอประชุมใหญ่ภายในสนามกีฬา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มี นพ.เหวง โตจิราการ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ผศ.ดร.ศิลป์ ราศี มีนายชาตรี อยู่ประเสริฐ เลขาธิการสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย เป็นวิทยากรร่วม โดยมีประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้าร่วมรับฟังกว่า 1,000 คน

ทั้งนี้ พบว่ามีการแจกจ่ายเอกสารเพื่อให้ประชาชนร่วมกันกดดันในการแก้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว โดยระบุว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ใช้งบประมาณในการร่างสูงถึง 5 พันล้านบาทถือว่าแพงที่สุดในโลกและมีความอัปลักษณ์หลายประการ เช่น 1.เป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย กีดกั้นเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ 2.เนื้อหาทำลายสิทธิของประชาชนและสนับสนุนให้อำนาจตุลาการภิวัตน์ให้เหนือกว่าอำนาจอธิปไตยจากประชาชน 3.ทำลายหลักนิติธรรม นิรโทษกลุ่มทำรัฐประหาร 4.ใช้อำนาจผ่านปากกระบอกปืนเพื่อบังคับส่วนราชการและประชาชนให้ลงมติเห็นชอบต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ 5.เกิดคอร์รัปชัน ใช้งบประมาณสูงเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวว่า เห็นว่าพี่น้องประชาชนจำนวนมากทั่วประเทศประเทศแสดงพลัง เพื่อต้องการให้แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะรัฐธรรมนูญจากปากกระบอกปืนที่บังคับให้ประชาชนต้องจำทนรับกฎหมาย และให้นำเอากฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เกิดจากประชาชนร่วมร่างอย่างแท้จริง มาเป็นหลักในการปรับปรุงเนื้อหาให้มีความเป็นประชาธิปไตยและใช้เป็นกฎหมายต่อไป

นายชาตรี อยู่ประเสริฐ เลขาธิการสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เลือกรับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะในการลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมาใน จ.พระนครศรีอยุธยา มีประชนแสดงความคิดเห็นไม่รับร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ มากที่สุดในภาคกลาง โดยตามข้อมูลพบว่า มีสิทธิลงประชามติจำนวน 562,370 คน ปรากฏว่ามีผู้มีสิทธิมาลงประชามติ 328,610 คน หรือ 58.43 เปอร์เซ็นต์ โดยในจำนวนที่มาใช้สิทธิ์ เป็นบัตรรับร่างจำนวน 174,541 ใบ หรือ 54.41 เปอร์เซ็นต์ และ บัตรไม่รับร่าง 146,244 ใบ หรือ 45.59 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งใน 16 อำเภอทั้งจังหวัด พบว่ารับร่างรัฐธรรมนูญเพียง 9 อำเภอ และไม่รับร่างรัฐธรรมนูญถึง 7 อำเภอ คือ อำเภอบางซ้าย อำเภอบางไทร อำเภอบางบาล อำเภอบางปะหัน อำเภอผักไห่ อำเภอภาชี และอำเภอลาดบัวหลวง จึงถือได้ว่าพี่น้องจำนวนมากของจังหวัดไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเช่นกัน

นางทิพมนต์ รัตนอุทัย อายุ 20 ปี ที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ยอมรับว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาแต่ต้น และได้ไปลงไม่รับร่างประชามติมาแล้ว เมื่ออำนาจทางทหารบังคับประชาชนจนต้องจำทนรัฐธรรมนูญ และครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการแก้ไข แต่หากให้ดียกเลิกไปเลยและนำเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาปรับประยุกต์ใช้แทนจะดีที่สุด