เลขาศาลฎีกาฯคดีนักการเมือง เผยจำเลยขอพิจารณาคดีลับได้ตาม ป.วิอาญา 177 แต่อ้างเหตุนำคดีโยงการเมืองไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ขณะที่ศาลฎีกานัดตรวจสอบหลักฐานคดีใบแดง"ยุทธ" 2 พ.ค.นี้ ทนายเผย ศาลสั่งแจ้ง กกต.ส่งคำวินิจฉัยส่วนตน พร้อมหลักฐานซีดี - วีซีดี ด้วย
วานนี้( 21 เม.ย.) นายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จำเลยซึ่งถูกฟ้องในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จำเลยที่ 1-2 ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก จะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับว่า เรื่องนี้ตามกฎหมาย สามารถทำได้ โดยองค์คณะผู้พิพากษาจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีเป็นการลับได้หรือไม่นั้นเป็นไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.177 ที่ระบุว่า ศาลมีอำนาจสั่งให้พิจารณาเป็นการลับ เมื่อเห็นสมควรโดยพลการ หรือโดยคำร้องขอของคู่ความฝ่ายใด แต่ต้องเพื่อประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันความลับอันเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศมิให้ล่วงรู้ถึงประชาชน
นายรักเกียรติ กล่าวว่า หากองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีเป็นการลับแล้ว ตาม ม.178 ระบุว่า บุคคลที่จะมีสิทธิอยู่ในห้องพิจารณาได้ คือ โจทก์ จำเลย และทนาย ผู้ควบคุมตัวจำเลย พยานและผู้ชำนาญการพิเศษ ล่าม บุคคลผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องและได้รับอนุญาตจากศาล และพนักงานงานศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ศาล แล้วแต่จะเห็นสมควร
"ที่ผ่านมายังไม่เคยมีจำเลยคนใดยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีเป็นการลับ ส่วนที่จำเลยอาจจะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับโดยอ้างเหตุผลการนำคำเบิกความในคดี ไปเชื่อมโยงกับเรื่องทางการเมืองนั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน" นายรักเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1- 2 ศาลนัดตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 29 - 30 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 ไม่ต้องเดินทางมาศาลตามกำหนดนัดครั้งนี้ได้ เนื่องจากได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีลับหลัง โดยระบุว่ามีความจำเป็นต้องเดินทางไปทำธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาต คงเพื่อเพียงในส่วนของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 2 เท่านั้นที่ต้องเดินทางมา
ตรวจหลักฐานคดีใบแดง"ยุทธ" 2 พ.ค.
วันเดียวกันที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลปิดประกาศกำหนดวันนัดพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ ลต. 38 /2551 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.แบ่งเขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้ถูกกล่าวที่ 1-2 ซึ่ง กกต. ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ซึ่งถูกใบแดง และ น.ส.ละออง ซึ่งถูกใบเหลือง ที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 3 จ.เชียงราย เนื่องจากกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. ด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของนายยงยุทธ เพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน
โดยภายหลังที่นายสาคร ศิริชัย ทนายความ นายยงยุทธ ได้ยื่นคำให้การคัดค้านพร้อมบัญชีพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีต่อศาลฎีกาแล้ว เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา วันนี้องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีคำสั่งแจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่าย เดินทางมาศาลเพื่อนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายสาคร ศิริชัย ทนายความนายยงยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับแจ้งคำสั่งศาลแล้วในการกำหนดวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งในวันดังกล่าวนายยงยุทธ และน.ส.ละออง ในฐานะผู้ร้องคัดค้าน จะเดินทางมาศาลหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากขณะนี้ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความที่ได้รับมอบอำนาจในการรับผิดชอบคดีแล้ว
นายสาคร กล่าวด้วยว่า ในวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐานนั้น ศาลจะได้สอบถามฝ่าย กกต. ในฐานะผู้ร้อง และฝ่ายนายยงยุทธ และน.ส.ละออง ผู้ร้องคัดค้าน ว่า มีข้อเท็จจริงในคดีประเด็นใดบ้างที่คู่ความสองฝ่ายจะรับข้อเท็จจริงกันได้บ้าง และแต่ละฝ่ายจะนำพยานเข้าไต่สวนกี่ปาก ซึ่งเป็นรายละเอียดที่สองฝ่ายจะต้องเตรียมแถลงต่อศาลในวันที่ 2 พ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของนายยงยุทธ ตนได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลกว่า 20 ปากต่อศาลไปแล้วในวันที่ยื่นคำให้การคัดค้าน ซึ่งขณะนี้ศาลยังได้มีคำสั่งใดที่จะตัดพยานหลักฐาน อย่างไรก็ดี คำสั่งศาลที่แจ้งวันนัดให้คู่ความทราบนั้น ศาลได้มีคำสั่งให้ กกต. ส่งคำวินิจฉัยส่วนตนของ กกต. ทั้งห้า ต่อศาลพร้อมซีดี และวีซีดี รวม 8 แผ่น ที่เป็นพยานหลักฐานคดีนี้ที่ กกต. นำมาวินิจฉัยความผิดในวันที่ 2 พ.ค.ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา กกต. ไม่ได้ส่งมอบคำวินิจฉัยส่วนตน และซีดี รวมทั้งวีซีดี ที่เป็นหลักฐานไว้ในสำนวนที่ยื่นเป็นคำร้องต่อศาลฎีกา โดยเรื่องซีดี และวีซีดี นายยงยุทธ เคยร้องขอที่จะตรวจดูจาก กกต. มาก่อนแล้ว และในชั้นยื่นคำให้การคัดค้าน ต่อศาลฎีกา ตนได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ไว้ด้วย
วานนี้( 21 เม.ย.) นายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จำเลยซึ่งถูกฟ้องในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาทิ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา จำเลยที่ 1-2 ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก จะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับว่า เรื่องนี้ตามกฎหมาย สามารถทำได้ โดยองค์คณะผู้พิพากษาจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีเป็นการลับได้หรือไม่นั้นเป็นไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.177 ที่ระบุว่า ศาลมีอำนาจสั่งให้พิจารณาเป็นการลับ เมื่อเห็นสมควรโดยพลการ หรือโดยคำร้องขอของคู่ความฝ่ายใด แต่ต้องเพื่อประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันความลับอันเกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศมิให้ล่วงรู้ถึงประชาชน
นายรักเกียรติ กล่าวว่า หากองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีเป็นการลับแล้ว ตาม ม.178 ระบุว่า บุคคลที่จะมีสิทธิอยู่ในห้องพิจารณาได้ คือ โจทก์ จำเลย และทนาย ผู้ควบคุมตัวจำเลย พยานและผู้ชำนาญการพิเศษ ล่าม บุคคลผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องและได้รับอนุญาตจากศาล และพนักงานงานศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่ศาล แล้วแต่จะเห็นสมควร
"ที่ผ่านมายังไม่เคยมีจำเลยคนใดยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีเป็นการลับ ส่วนที่จำเลยอาจจะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับโดยอ้างเหตุผลการนำคำเบิกความในคดี ไปเชื่อมโยงกับเรื่องทางการเมืองนั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน" นายรักเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1- 2 ศาลนัดตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 29 - 30 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น. โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 ไม่ต้องเดินทางมาศาลตามกำหนดนัดครั้งนี้ได้ เนื่องจากได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีลับหลัง โดยระบุว่ามีความจำเป็นต้องเดินทางไปทำธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาต คงเพื่อเพียงในส่วนของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 2 เท่านั้นที่ต้องเดินทางมา
ตรวจหลักฐานคดีใบแดง"ยุทธ" 2 พ.ค.
วันเดียวกันที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลปิดประกาศกำหนดวันนัดพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ ลต. 38 /2551 ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่มที่ 1 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ส.ส.แบ่งเขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้ถูกกล่าวที่ 1-2 ซึ่ง กกต. ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ซึ่งถูกใบแดง และ น.ส.ละออง ซึ่งถูกใบเหลือง ที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 3 จ.เชียงราย เนื่องจากกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. ด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของนายยงยุทธ เพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชาชน
โดยภายหลังที่นายสาคร ศิริชัย ทนายความ นายยงยุทธ ได้ยื่นคำให้การคัดค้านพร้อมบัญชีพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีต่อศาลฎีกาแล้ว เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา วันนี้องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีคำสั่งแจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่าย เดินทางมาศาลเพื่อนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายสาคร ศิริชัย ทนายความนายยงยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้รับแจ้งคำสั่งศาลแล้วในการกำหนดวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งในวันดังกล่าวนายยงยุทธ และน.ส.ละออง ในฐานะผู้ร้องคัดค้าน จะเดินทางมาศาลหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากขณะนี้ตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความที่ได้รับมอบอำนาจในการรับผิดชอบคดีแล้ว
นายสาคร กล่าวด้วยว่า ในวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐานนั้น ศาลจะได้สอบถามฝ่าย กกต. ในฐานะผู้ร้อง และฝ่ายนายยงยุทธ และน.ส.ละออง ผู้ร้องคัดค้าน ว่า มีข้อเท็จจริงในคดีประเด็นใดบ้างที่คู่ความสองฝ่ายจะรับข้อเท็จจริงกันได้บ้าง และแต่ละฝ่ายจะนำพยานเข้าไต่สวนกี่ปาก ซึ่งเป็นรายละเอียดที่สองฝ่ายจะต้องเตรียมแถลงต่อศาลในวันที่ 2 พ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของนายยงยุทธ ตนได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลกว่า 20 ปากต่อศาลไปแล้วในวันที่ยื่นคำให้การคัดค้าน ซึ่งขณะนี้ศาลยังได้มีคำสั่งใดที่จะตัดพยานหลักฐาน อย่างไรก็ดี คำสั่งศาลที่แจ้งวันนัดให้คู่ความทราบนั้น ศาลได้มีคำสั่งให้ กกต. ส่งคำวินิจฉัยส่วนตนของ กกต. ทั้งห้า ต่อศาลพร้อมซีดี และวีซีดี รวม 8 แผ่น ที่เป็นพยานหลักฐานคดีนี้ที่ กกต. นำมาวินิจฉัยความผิดในวันที่ 2 พ.ค.ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา กกต. ไม่ได้ส่งมอบคำวินิจฉัยส่วนตน และซีดี รวมทั้งวีซีดี ที่เป็นหลักฐานไว้ในสำนวนที่ยื่นเป็นคำร้องต่อศาลฎีกา โดยเรื่องซีดี และวีซีดี นายยงยุทธ เคยร้องขอที่จะตรวจดูจาก กกต. มาก่อนแล้ว และในชั้นยื่นคำให้การคัดค้าน ต่อศาลฎีกา ตนได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ไว้ด้วย