ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วานนี้ (18 เม.ย.) นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทย ได้เดินทางมาขอถ่ายเอกสารที่เกี่ยวกับการต่อสู้คดียุบพรรค
นายนิกร กล่าวว่า เอกสารที่ขอนั้นประกอบด้วย คำร้องพร้อมทั้งการให้ปากคำ ของพยานทั้งหมด รายงานการสืบสวนการทุจริตที่ จ.ชัยนาท ชุดที่มี พ.ต.ท.สุชิน ศกุนตนาค เป็นประธาน ฉบับลงวันที่ 6 ม.ค. 2551 จำนวน 150 แผ่น ที่ไม่ปรากฏอยู่ในสำนวน เพราะทางพรรคทราบว่าคณะกรรมการสืบสวนชุดดังกล่าว มีความเห็นว่า นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ไม่มีความผิด สำนวนที่ระบุว่า นายมณเฑียร ควรถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ผลการสืบสวนของคณะกรรมการสืบสวนชุดนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน มติของที่ปรึกษากฎหมาย กกต. บันทึกคำชี้แจงของหัวหน้าพรรคชาติไทย ฝ่ายกฎหมายของพรรคและนักวิชาการอิสระ ที่เข้าชี้แจงต่อกกต. และเอกสารอื่นที่ประกอบในสำนวน
นายนิกรกล่าวว่า เอกสารที่ขอทั้งหมดจะนำไปศึกษาและประกอบการต่อสู้คดี ในชั้นของอัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญ ราขอยืนยันว่า พรรคชาติไทย เป็นพรรคของมวลชน เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น
นายนิกร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าจะให้กกต. เสียงข้างน้อย หรือ นายบุญทัน เป็นพยานด้วยหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่าไม่ขอพูดถึงเรื่องคดี
สำหรับแนวทางในการต่อสู้คดีของพรรคฯนั้นจะประกอบด้วย 1.เหตุการทุจริต ที่เกิดขึ้นยังคลุมเครือ 2.องค์ประกอบความผิดยังไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดเพราะยังไม่มีการซื้อเสียง 3.ยังไม่สามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้ทำผิดกับนายมณเฑียรได้ ซึ่งด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงยังไม่สมควรที่จะยุบพรรคชาติไทย
นอกจากนี้การเดินทางมาครังนี้ยังได้มายื่นรายงานการประชุมใหญ่ของ พรรคชาติไทยให้ กกต. รับทราบซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองฉบับใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงจำนวน กรรมการบริหารพรรค ให้เหลือเพียง 19 คน จากเดิม 60-70 คน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ใช่เพื่อรองรับการยุบพรรค แต่เนื่องจากเห็นว่ารูปแบบบกรรมกาบริหารรรคเดิมนั้นมีมากเกินความจำเป็น และไม่ได้ทำงานจริงจึงมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งไม่ใช่มี พรรคชาติไทยพรรคเดียวที่กระทำเช่นนี้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็คิดเช่นกัน
วันเดียวกัน ที่ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง นายสาคร ศีริชัย ทนายความ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 1 และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางมายื่นคำให้การคัดค้าน คดีหมายเลขดำที่ ลต.38/2551 ระหว่าง กกต. และนายยงยุทธ ติยะไพรัช และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช อดีตผู้สมัครส.ส.แบ่งเขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้ถูกกล่าวที่ 1-2 ซึ่ง กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาล เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ซึ่งถูกใบแดง และ น.ส.ละออง ซึ่งถูกใบเหลือง ที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 3 จ.เชียงราย เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ทุจริตการเลือกตั้งด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของ นายยงยุทธ แจกเงินซื้อเสียงเพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชน
นายสาคร กล่าวว่า คำให้การคัดค้านที่ยื่นเป็นส่วนเฉพาะของ นายยงยุทธ เท่านั้น ซึ่ง นายยงยุทธ เพิ่งได้รับสำเนาคำร้องของ กกต.จากศาลเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา และวันนี้ก็ครบกำหนด 7 วันที่จะต้องยื่นคำให้การคัดค้าน โดยครั้งแรก นายยงยุทธ ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการยื่นคำให้การคัดค้านออกไปอีก 7 วัน แต่ศาลไม่อนุญาต โดยคำให้การคัดค้านของ นายยงยุทธ ที่ยื่นมีรายละเอียดร่วม 100 หน้า ซึ่งให้การสู้คดีทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงโดยครบถ้วน พร้อมทั้งยื่นบัญชีพยานเอกสารหลักฐานที่จะใช้ในการไต่สวนด้วย โดยระบุบัญชีพยานบุคคลกว่า 20 ปาก ซึ่งพยานบางส่วนก็จะใช้ไต่สวนคดี ในส่วนของ น.ส.ละออง ด้วย เนื่องจากข้อเท็จจริงมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่ง น.ส.ละออง ได้ยื่นคำให้การคัดค้านไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ดี มั่นใจว่า คำให้การคัดค้านและพยานหลักฐานที่ยื่นมีน้ำหนักเพียงพอในการต่อสู้คดีแต่ทั้งนี้ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด เพราะคดีกำลังอยู่ในชั้นพิจารณาคดีของศาล ส่วนการพิจารณาคดีนั้นหลังจากนี้ต้องรอศาลนัดวันไต่สวนพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ นายยงยุทธ ยื่นคำให้การคัดค้านแล้ว องค์คณะผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีก็จะพิจารณาพร้อมกำหนดนัดวันไต่สวนพยานของ คู่ความทั้งสองฝ่าย ซึ่งคาดว่าศาลจะกำหนดวันนัดไต่สวนและปิดประกาศให้ทราบภายในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.นี้
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า สำหรับการสู้คดีใบแดง ของนายยงยุทธ ขณะนี้ทีมงานของนายยงยุทธได้รับหลักฐานใหม่ ซึ่งเป็นเทปลับและวีซีดีลับของทหารตัวจริง โดยจะชี้ให้เห็นถึงการสร้างหลักฐานต่างๆ เพื่อเอาผิด นายยงยุทธ
ทั้งนี้ในส่วนของทนายที่มาทำหน้าที่ว่าความให้นายยงยุทธนั้น จะเป็น นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งที่ผ่านมา นายพิชิฏ ก็ดูแลคดดีนายยงยุทธมาโดยตลอด เห็นหลักฐานทุกอย่าง เข้าใจในคดี รู้รายละเอียดดี อีกทั้งยังเป็นการแก้มือของนายพิชิฏจากการแพ้คดียุบพรรคไทยรักไทย เพราะจากพยานหลักฐานที่ทีมงานนายยงยุทธเตรียมไว้นั้น เชื่อมั่นว่าจะชี้แจงและทำให้หลุดคดีได้
นายนิกร กล่าวว่า เอกสารที่ขอนั้นประกอบด้วย คำร้องพร้อมทั้งการให้ปากคำ ของพยานทั้งหมด รายงานการสืบสวนการทุจริตที่ จ.ชัยนาท ชุดที่มี พ.ต.ท.สุชิน ศกุนตนาค เป็นประธาน ฉบับลงวันที่ 6 ม.ค. 2551 จำนวน 150 แผ่น ที่ไม่ปรากฏอยู่ในสำนวน เพราะทางพรรคทราบว่าคณะกรรมการสืบสวนชุดดังกล่าว มีความเห็นว่า นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ไม่มีความผิด สำนวนที่ระบุว่า นายมณเฑียร ควรถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ผลการสืบสวนของคณะกรรมการสืบสวนชุดนายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธาน มติของที่ปรึกษากฎหมาย กกต. บันทึกคำชี้แจงของหัวหน้าพรรคชาติไทย ฝ่ายกฎหมายของพรรคและนักวิชาการอิสระ ที่เข้าชี้แจงต่อกกต. และเอกสารอื่นที่ประกอบในสำนวน
นายนิกรกล่าวว่า เอกสารที่ขอทั้งหมดจะนำไปศึกษาและประกอบการต่อสู้คดี ในชั้นของอัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญ ราขอยืนยันว่า พรรคชาติไทย เป็นพรรคของมวลชน เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น
นายนิกร ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าจะให้กกต. เสียงข้างน้อย หรือ นายบุญทัน เป็นพยานด้วยหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่าไม่ขอพูดถึงเรื่องคดี
สำหรับแนวทางในการต่อสู้คดีของพรรคฯนั้นจะประกอบด้วย 1.เหตุการทุจริต ที่เกิดขึ้นยังคลุมเครือ 2.องค์ประกอบความผิดยังไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดเพราะยังไม่มีการซื้อเสียง 3.ยังไม่สามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้ทำผิดกับนายมณเฑียรได้ ซึ่งด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงยังไม่สมควรที่จะยุบพรรคชาติไทย
นอกจากนี้การเดินทางมาครังนี้ยังได้มายื่นรายงานการประชุมใหญ่ของ พรรคชาติไทยให้ กกต. รับทราบซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองฉบับใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงจำนวน กรรมการบริหารพรรค ให้เหลือเพียง 19 คน จากเดิม 60-70 คน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ใช่เพื่อรองรับการยุบพรรค แต่เนื่องจากเห็นว่ารูปแบบบกรรมกาบริหารรรคเดิมนั้นมีมากเกินความจำเป็น และไม่ได้ทำงานจริงจึงมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งไม่ใช่มี พรรคชาติไทยพรรคเดียวที่กระทำเช่นนี้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็คิดเช่นกัน
วันเดียวกัน ที่ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง นายสาคร ศีริชัย ทนายความ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่มที่ 1 และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางมายื่นคำให้การคัดค้าน คดีหมายเลขดำที่ ลต.38/2551 ระหว่าง กกต. และนายยงยุทธ ติยะไพรัช และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช อดีตผู้สมัครส.ส.แบ่งเขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้ถูกกล่าวที่ 1-2 ซึ่ง กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาล เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ ซึ่งถูกใบแดง และ น.ส.ละออง ซึ่งถูกใบเหลือง ที่ กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 3 จ.เชียงราย เนื่องจากกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ทุจริตการเลือกตั้งด้วยการแจกเงินให้กับกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทน (หัวคะแนน) ของ นายยงยุทธ แจกเงินซื้อเสียงเพื่อให้มีการลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพรรคประชาชน
นายสาคร กล่าวว่า คำให้การคัดค้านที่ยื่นเป็นส่วนเฉพาะของ นายยงยุทธ เท่านั้น ซึ่ง นายยงยุทธ เพิ่งได้รับสำเนาคำร้องของ กกต.จากศาลเมื่อวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมา และวันนี้ก็ครบกำหนด 7 วันที่จะต้องยื่นคำให้การคัดค้าน โดยครั้งแรก นายยงยุทธ ได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาการยื่นคำให้การคัดค้านออกไปอีก 7 วัน แต่ศาลไม่อนุญาต โดยคำให้การคัดค้านของ นายยงยุทธ ที่ยื่นมีรายละเอียดร่วม 100 หน้า ซึ่งให้การสู้คดีทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงโดยครบถ้วน พร้อมทั้งยื่นบัญชีพยานเอกสารหลักฐานที่จะใช้ในการไต่สวนด้วย โดยระบุบัญชีพยานบุคคลกว่า 20 ปาก ซึ่งพยานบางส่วนก็จะใช้ไต่สวนคดี ในส่วนของ น.ส.ละออง ด้วย เนื่องจากข้อเท็จจริงมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่ง น.ส.ละออง ได้ยื่นคำให้การคัดค้านไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ดี มั่นใจว่า คำให้การคัดค้านและพยานหลักฐานที่ยื่นมีน้ำหนักเพียงพอในการต่อสู้คดีแต่ทั้งนี้ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด เพราะคดีกำลังอยู่ในชั้นพิจารณาคดีของศาล ส่วนการพิจารณาคดีนั้นหลังจากนี้ต้องรอศาลนัดวันไต่สวนพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ นายยงยุทธ ยื่นคำให้การคัดค้านแล้ว องค์คณะผู้พิพากษาที่รับผิดชอบคดีก็จะพิจารณาพร้อมกำหนดนัดวันไต่สวนพยานของ คู่ความทั้งสองฝ่าย ซึ่งคาดว่าศาลจะกำหนดวันนัดไต่สวนและปิดประกาศให้ทราบภายในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.นี้
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนเปิดเผยว่า สำหรับการสู้คดีใบแดง ของนายยงยุทธ ขณะนี้ทีมงานของนายยงยุทธได้รับหลักฐานใหม่ ซึ่งเป็นเทปลับและวีซีดีลับของทหารตัวจริง โดยจะชี้ให้เห็นถึงการสร้างหลักฐานต่างๆ เพื่อเอาผิด นายยงยุทธ
ทั้งนี้ในส่วนของทนายที่มาทำหน้าที่ว่าความให้นายยงยุทธนั้น จะเป็น นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งที่ผ่านมา นายพิชิฏ ก็ดูแลคดดีนายยงยุทธมาโดยตลอด เห็นหลักฐานทุกอย่าง เข้าใจในคดี รู้รายละเอียดดี อีกทั้งยังเป็นการแก้มือของนายพิชิฏจากการแพ้คดียุบพรรคไทยรักไทย เพราะจากพยานหลักฐานที่ทีมงานนายยงยุทธเตรียมไว้นั้น เชื่อมั่นว่าจะชี้แจงและทำให้หลุดคดีได้
