“อภิสิทธิ์” ปลอบใจชาติไทยยังมีลุ้นต่อสู้คดี ยกกรณี ปชป.พ้นพงหนามยุบพรรคมาแล้ว ยันไม่มีลูกปลาไหลโผซบ เตือนรัฐบาลเสนอแก้รธน.ทั้งฉบับสร้างความตรึงครียดทางการเมือง แนะตั้ง กมธ.ถกให้ตกผลึกก่อน พร้อมชี้ช่อง ปธ.กกต.ส่งศาล รธน.ตีความคุณสมบัติ “ไชยา” ขณะเดียวกันเรียกร้องรัฐบาลสร้างความมั่นใจว่าจะไม่ถอนทุน
วันนี้ (16 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า ส.ส.พรรคชาติไทย เตรียมย้ายพรรคมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หากพรรคถูกยุบ โดยกล่าวว่าไม่เป็นความจริง และเรื่องการยุบพรรคมีกระบวนการอีกยาว ซึ่งพรรคชาติไทยมีความตั้งใจที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ข้อสรุปของ กกต.ก็ยังไม่ใช่ที่สุด
“อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญฉบับเก่า ประชาธิปัตย์ก็ถูกอัยการสูงสุดส่งศาลรัฐธรรมนูญและต้องต่อสู้คดี แต่ในที่สุดเมื่อพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้กระทำความผิดก็ไม่มีการยุบพรรค เราผ่านเรื่องเหล่านี้มาแล้ว จากการโดนพรรคไทยรักไทยเป็นคนร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นเพียงพรรคเดียวที่โดนกรณีเช่นนี้ แต่พรรคการเมืองอื่นเป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และกกต.เห็นว่าเข้าข่ายยุบพรรค แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ต่อสู้คดี จำได้ว่าใช้เวลาเป็นปี ผมรู้ดีว่ามีความกังวล เป็นความหนักใจ แต่เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิด ก็ยังมีข้อต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะพิสูจน์ว่ามีการทำผิดจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นการทำผิดของตัวบุคคลพรรคไม่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นจะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าใจเพราะไม่เคยโดน ไม่ใช่ เราเคยอยู่ในสถานการณ์นี้มาแล้วและก็ต้องต่อสู้เหมือนกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังแสดงความมั่นใจต่อการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยว่าจะตัดสินด้วยความเป็นธรรม ไม่มีธงว่าต้องยุบพรรคเหมือนอย่างที่มีการวิตกกัน โดยเชื่อว่าจะวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน ซึ่งถ้าพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา ความวุ่นวายก็จะไม่เกิดขึ้น
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนเตรียมร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเพื่อเสนอต่อรัฐสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังต้องดูว่าร่างดังกล่าวจะมีเนื้อหาอย่างไร ทั้งนี้เห็นว่าไม่ควรใช้เรื่องรัฐธรรมนูญมาเป็นธงว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือเอาเหตุการณ์เป็นตัวตั้ง แต่ถ้าบอกว่ามาตรา 237, 309 มีปัญหา ก็ควรใช้รูปแบบตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาเพื่อให้ตกผลึก นำมุมมองที่แตกต่างกันมาแลกเปลี่ยนด้วยเหตุด้วยผล อาจจะทำให้ได้ข้อยุติที่ดีก็ได้
“ผมคิดว่าเราควรดูเหตุผลในเชิงหลักการ แลกเปลี่ยนความเห็น เสนอร่างเข้ามาให้กรรมาธิการฯได้ถกเถียง แต่ถ้าอยู่ๆ เสนอร่างเข้าสภาโดยไม่ผ่านกรรมาธิการศึกษาก่อนก็จะทำให้เกิดความตึงเครียดทางการเมือง แต่ถ้าเป็นรูปกรรมาธิการฯก็จะทำให้สังคมเกิดความยอมรับมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็จะช่วยทำให้ระยะเวลาในการพิจารณาสั้นลงด้วย เพราะผ่านการพูดคุยมาก่อน การแปรญัตติก็จะไม่มาก และไม่ใช้เวลานานเกินไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึง กรณีที่นาย ไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งหลังจาก ปปช. ชี้ว่าขาดคุณสมบัติว่า เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องตีความ ซึ่งในส่วนของ ปปช.ก็ได้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กกต. ส.ส.และส.ว.แล้ว หน่วยงานเหล่านี้สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า กกต.เป็นผู้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความจะดีที่สุด เพราะเป็นองค์กรที่เป็นกลาง และยังถูกระบุไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยว่าเป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งหากเป็น ส.ส. หรือ ส.ว.เป็นคนส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญก็จะถูกตีความว่าเป็นเรื่องการเมืองไป ทั้งนี้ในส่วนของ ส.ส.ฝ่ายค้านจะไม่เคลื่อนไหวอะไร โดยขอดูเนื้อหาที่ทางปปช.ส่งมาก่อนว่าเป็นอย่างไร
สำหรับกรณีที่ผลสำรวจเอแบคโพลล์ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่ารัฐบาลจะถอนทุนภายใน 6 เดือนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความห่วงใยในเรื่องปัญหาการทุจริต และไม่เชื่อมั่นการเมืองโดยรวม จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลพิสูจน์ว่าความกลัวของประชาชนจะไม่เป็นความจริง เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ของฝ่ายการเมือง