เดอะมอลล์หายใจทั่วท้อง ไตรมาสแรกเติบโตดีเกินคาด 14% ยันยังไม่ปรับเป้ารายได้ทั้งปีที่ตั้งไว้ 5% แต่ยอมรับครึ่งปีหลังลำบาก เพราะซีซันนอลหน้าขายใหญ่ๆไม่มี พร้อมเดินหน้าทุ่ม 10 ล้านบาท คาดรายได้ 200 ล้านบาท ดึง 41 แบรนด์ร่วมทัพ
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตทั้งปีไว้ที่ 5% แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาผลประกอบการจะเติบโตโดยรวมดี 14% และคาดว่าสี่เดือนแรกนี้เติบโตจะมากกว่า 14% ก็ตาม มีรายได้รวมกว่า 10,000 ล้านบาท และคาดหมายว่าครึ่งปีแรกจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 20,000 กว่าล้านบาท จากทั้งปีที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 40,000 ล้านบาท
โดยแยกเป็นช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ รายได้เติบโต 15% มากกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วเนื่องจากปีที่แล้วยังมีปัญหาด้านการเมือง ปัญหายังไม่เลือกตั้ง ทำให้ฐานเดิมต่ำ ขณะที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาเติบโต 20% เพราะการจัดกิจกรรมรองรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังจากนี้คงจะต้องมีการจัดกิจกรรมหรืองัดกลยุทธ์มากขึ้น เพราะเทศกาลหน้าขายนั้นจะน้อยกว่าช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย ซึ่งไตรมาสที่สองนี้คงจะสู้ไตรมาสแรกไม่ได้ เพราะมีซีซันนอลลิตี้ที่น้อยกว่าซึ่งครึ่งปีแรกปีที่แล้วเติบโต 7%
"จริงๆแล้วเราตั้งเป้าไว้ต่ำ แต่คิดว่าจริงๆก็คงจะมากถึง 10% เราตั้งไว้แบบพอเพียง เพราะว่าราคาสินค้าตอนนี้มันเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็ปรับตัวสูงขึ้น เราต้องปรับตัวปรับกลยุทธ์ พยายามเอาสินค้าอะไรที่ขายได้มาขายทดแทน ส่วนแผนกแฟชั่นผู้ชายาโตถึง 16% ซึ่งปีที่แล้วโตเพียง 3-5% เท่านั้น การทำธุรกิจห้างค้าปลีกมันปรับตัวได้ มันสามารถมิกซ์ตัวสินค้าได้ตลอด เราเล่นแบบซีซันนอลลิตี้ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี แต่เราบริหารจัดการดีมันก็ช่วยได้ แต่ว่าอย่าชะล่าใจว่าจะต้องเติบโต 20-25%"
สำหรับอีเวนต์ใหญ่ที่จะถึงคือ แบ็คทูสคูล นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้า กล่าวว่า ได้ใช้งบตลาด 10 ล้านบาท จัดงานที่เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ ช่วงวันที่ 24 เมษายน-14 พฤษภาคม 2551 คาดหวังรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้ว ซึ่งจะมีซัปพลายเออร์มาร่วมประมาณ 41 แบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วซัปพลายเออร์จะยังคงตรึงราคาผลิตภัณฑ์ไว้และบางส่วนถูกกว่า เช่น เสื้อนักเรียนราคา 230 บาท ถูกกว่าที่โรงเรียนขาย 300 บาท หรือ กระโปรงราคา 300 บาท ขณะที่โรงเรียนขาย 350 บาท
จากการสำรวจพบว่า ตลาดเกี่ยวกับการเรียนช่วงเปิดเทอมทั้งหมดนั้นมีมูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านบาท แต่หากตัดเรื่องค่าเล่าเรียน หนังสือการเรียน แล้ว จะมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แยกเป็น เครื่องแบบ มูลค่า 3,600 ล้านบาท เติบโต 3% รองเท้า มูลค่า 2,100 ล้านบาท เติบโต 5% และที่เหลือเป็นอื่นๆ
ขณะที่จากการสำรวจของเดอะมอลล์พบว่า พฤติกรรมของลูกค้าเดอะมอลล์ในการมาซื้อสินค้าแบ็คททูสคูล เป็นผู้หญิงแม่บ้าน 75%, อายุระหว่าง 36-45ปี จำนวน 45% ซึ่งลูกค้าทั้งหมด 100% มาซื้อสินค้าเฉลี่ย 500-2,000 บาท โดยแยกเป็นสินค้าที่ซื้อดังนี้ ซื้อรองเท้า ถุงเท้า 40% , ชุดนักเรียน 20%, เครื่องเขียน 25% และ กระเป๋านักเรียน 15%
นายชำนาญ เมธปรีชากุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตทั้งปีไว้ที่ 5% แม้ว่าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาผลประกอบการจะเติบโตโดยรวมดี 14% และคาดว่าสี่เดือนแรกนี้เติบโตจะมากกว่า 14% ก็ตาม มีรายได้รวมกว่า 10,000 ล้านบาท และคาดหมายว่าครึ่งปีแรกจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 20,000 กว่าล้านบาท จากทั้งปีที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 40,000 ล้านบาท
โดยแยกเป็นช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ รายได้เติบโต 15% มากกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วเนื่องจากปีที่แล้วยังมีปัญหาด้านการเมือง ปัญหายังไม่เลือกตั้ง ทำให้ฐานเดิมต่ำ ขณะที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาเติบโต 20% เพราะการจัดกิจกรรมรองรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังจากนี้คงจะต้องมีการจัดกิจกรรมหรืองัดกลยุทธ์มากขึ้น เพราะเทศกาลหน้าขายนั้นจะน้อยกว่าช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย ซึ่งไตรมาสที่สองนี้คงจะสู้ไตรมาสแรกไม่ได้ เพราะมีซีซันนอลลิตี้ที่น้อยกว่าซึ่งครึ่งปีแรกปีที่แล้วเติบโต 7%
"จริงๆแล้วเราตั้งเป้าไว้ต่ำ แต่คิดว่าจริงๆก็คงจะมากถึง 10% เราตั้งไว้แบบพอเพียง เพราะว่าราคาสินค้าตอนนี้มันเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็ปรับตัวสูงขึ้น เราต้องปรับตัวปรับกลยุทธ์ พยายามเอาสินค้าอะไรที่ขายได้มาขายทดแทน ส่วนแผนกแฟชั่นผู้ชายาโตถึง 16% ซึ่งปีที่แล้วโตเพียง 3-5% เท่านั้น การทำธุรกิจห้างค้าปลีกมันปรับตัวได้ มันสามารถมิกซ์ตัวสินค้าได้ตลอด เราเล่นแบบซีซันนอลลิตี้ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี แต่เราบริหารจัดการดีมันก็ช่วยได้ แต่ว่าอย่าชะล่าใจว่าจะต้องเติบโต 20-25%"
สำหรับอีเวนต์ใหญ่ที่จะถึงคือ แบ็คทูสคูล นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่สายบริหารสินค้า กล่าวว่า ได้ใช้งบตลาด 10 ล้านบาท จัดงานที่เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ ช่วงวันที่ 24 เมษายน-14 พฤษภาคม 2551 คาดหวังรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้ว ซึ่งจะมีซัปพลายเออร์มาร่วมประมาณ 41 แบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วซัปพลายเออร์จะยังคงตรึงราคาผลิตภัณฑ์ไว้และบางส่วนถูกกว่า เช่น เสื้อนักเรียนราคา 230 บาท ถูกกว่าที่โรงเรียนขาย 300 บาท หรือ กระโปรงราคา 300 บาท ขณะที่โรงเรียนขาย 350 บาท
จากการสำรวจพบว่า ตลาดเกี่ยวกับการเรียนช่วงเปิดเทอมทั้งหมดนั้นมีมูลค่ามากกว่า 40,000 ล้านบาท แต่หากตัดเรื่องค่าเล่าเรียน หนังสือการเรียน แล้ว จะมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แยกเป็น เครื่องแบบ มูลค่า 3,600 ล้านบาท เติบโต 3% รองเท้า มูลค่า 2,100 ล้านบาท เติบโต 5% และที่เหลือเป็นอื่นๆ
ขณะที่จากการสำรวจของเดอะมอลล์พบว่า พฤติกรรมของลูกค้าเดอะมอลล์ในการมาซื้อสินค้าแบ็คททูสคูล เป็นผู้หญิงแม่บ้าน 75%, อายุระหว่าง 36-45ปี จำนวน 45% ซึ่งลูกค้าทั้งหมด 100% มาซื้อสินค้าเฉลี่ย 500-2,000 บาท โดยแยกเป็นสินค้าที่ซื้อดังนี้ ซื้อรองเท้า ถุงเท้า 40% , ชุดนักเรียน 20%, เครื่องเขียน 25% และ กระเป๋านักเรียน 15%