เอเอฟพี/รอยเตอร์/ผู้จัดการรายวัน – ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดอีกเป็นวันที่สามติดต่อกัน คราวนี้ทะยานทะลุระดับ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สาเหตุเงินดอลลาร์อ่อนตัว แรงเก็งกำไรของกองทุน ชี้ข้อมูลปริมาณน้ำมันตามคลังเก็บทั่วสหรัฐฯประจำสัปดาห์มีเหลืออยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดหมาย ขณะที่เชลล์นำขึ้นดีเซลอีกวันนี้ 50 สตางค์ต่อลิตรดันราคาทะยานสู่ระดับ 32.94 บาทต่อลิตรทำนิวไฮอีกครั้ง ขณะที่ จับตาสุดสัปดาห์นี้อาจเห็นขยับขึ้นอีกรอบ 2
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด เพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคม ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก ปิดตลาดวันพุธโดยสูงขึ้น 1.14 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 114.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่การซื้อขายระหว่างวันช่วงหนึ่งกระโจนขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 115.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พอถึงช่วงการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในลอนดอนวานนี้ ไลต์สวีตครูดก็ไต่ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยอยู่ที่ 115.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะถอยลงมาอยู่แถวๆ 115.03 ดอลลาร์ ในเวลาราวบ่ายโมงของลอนดอน
สำหรับสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ของตลาดลอนดอน ปิดตลาดวันพุธโดยสูงขึ้น 1.08 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 112.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยระหว่างวันไต่ไปทำสถิติสูงสุดสำหรับน้ำมันเบรนต์ที่ 112.79 ดอลลาร์ ครั้นมาถึงวานนี้ในลอนดอน เบรนต์ก็ทะยานทำนิวไฮอีกคำรบหนึ่งที่ 113.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบทะยานแรงในวันพุธ ภายหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงตัวเลขน้ำมันในคลังเก็บทั่วประเทศประจำสัปดาห์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบเหลือน้อยลงอย่างน่าแปลกใจ ส่วนน้ำมันเบนซินก็ลดต่ำลงกว่าที่คาดหมายกันไว้มาก ขณะที่สหรัฐฯกำลังย่างเข้าสู่ฤดูร้อนซึ่งผู้คนจะขับขี่รถออกท่องเที่ยวกัน และจะบริโภคเบนซินเพิ่มขึ้นมากมาย
ตามตัวเลขของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ น้ำมันเบนซินในอเมริกาลดลง 5.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ล่าสุดที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายกันไว้ว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบก็มีปริมาณตกลงมา 2.3 ล้านบาร์เรล ทั้งที่นักวิเคราะห์คิดว่าน่าจะเพิ่มขึ้น
การลดลงมาเหล่านี้ มีสาเหตุจากการที่พวกโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯลดกำลังการผลิตของพวกตนลงมาเหลือ 81.4% ของความสามารถในการผลิต ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2005 ภายหลังพายุเฮอริเคนหลายลูกทำให้เกิดน้ำท่วมโรงกลั่นต่างๆ ทางชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก แต่สำหรับคราวนี้เหตุผลที่โรงกลั่นลดการผลิตลง ก็เพราะราคาน้ำมันดิบซึ่งเพิ่มสูง ทำให้ส่วนต่างกำไรหดแคบจนไม่น่าพอใจ
“ตัวเลขการใช้ความสามารถผลิตของพวกโรงกลั่น อยู่ในระดับที่พวกโรงกลั่นต้องการให้เป็นเช่นนั้น –เศรษฐศาสตร์อันย่ำแย่สำหรับเบนซิน ได้เร่งให้พวกโรงกลั่นชะลอการผลิตลงมา นอกจากนั้นพวกเขายังกำลังมองดูตัวเลขความต้องการผลิตภัณฑ์กลั่นแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไร” เป็นความเห็นของ ทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของ ซิตี้กรุ๊ป ฟิวเจอร์ส รีเสิร์ช
ขณะที่ แจน สตวร์ต แห่ง ยูบีเอส บอกว่า การที่ฤดูขับรถในช่วงหน้าร้อนกำลังย่างกรายเข้ามา ย่อมทำให้ความต้องการเบนซินเพิ่มสูง แม้กระทั่งในยามที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยก็ตามที และเรื่องนี้ก็เข้าไปเพิ่มความตึงตัวในสายโซ่แห่งซัปพลายของน้ำมันในทั่วโลก
อังเดรย์ ครยูเชนคอฟ นักวิเคราะห์แห่งค่ายซัคเดน ในกรุงลอนดอน ก็มองว่า ตัวเลขของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯทำให้ราคาล่วงหน้าน้ำมันดิบพุ่งต่อไป โดยเฉพาะในยามที่เงินดอลลาร์ยังคงอ่อนตัวอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับเงินยูโร
“โดยภาพรวมแล้ว เป็นที่ชัดเจนมากว่าพวกนักลงทุนยังไม่ได้เตรียมตัวที่จะปล่อยขายสัญญาล่วงหน้าน้ำมันในขณะนี้หรอก โดยที่พวกกองทุนและนักเก็งกำไรยังมีความสนใจอย่างแรงมาก เพราะต้องการหาผลตอบแทนที่ดีกว่าจากพวกสินค้าโภคภัณฑ์” เขากล่าว และชี้ด้วยว่า ปัจจัยหลักที่ตลาดสนใจมากที่สุด ณ เวลานี้ หนีไม่พ้นเรื่องเงินดอลลาร์
เมื่อวานนี้ ดอลลาร์ทำสถิติต่ำสุดเมื่อเทียบกับเงินยูโรอีกแล้ว โดยที่ 1 ยูโรแลกได้ถึง 1.5984 ดอลลาร์ ภายหลังธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)เตือนว่า อัตราเงินเฟ้อที่กำลังขึ้นสูงในแถบยูโรโซน อาจจะยืดเยื้อนานกว่าที่คาดหมาย คำพูดเช่นนี้ทำให้ตลาดมองว่าโอกาสที่อีซีบีจะลดดอกเบี้ยก็ย่อมจะน้อยลง และดังนั้นเงินยูโรก็ยังน่าจะแข็งต่อไป
ทางด้าน โทนี นูแนน แห่งฝ่ายธุรกิจปิโตรเลียระหว่างประเทศของบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ป ในโตเกียว ถึงขั้นคาดหมายว่า ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งทะลุไปถึง 120 ดอลลาร์ได้ทีเดียวในสัปดาห์นี้
***เชลล์ขึ้นราคาดีเซลอีกแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยได้ยื่นแจ้งต่อสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)เพื่อขอปรับราคาดีเซลลิตรละ 50 สตางค์ ส่วนเบนซินคงเดิม มีผลวันนี้ (18เม.ย.) ขณะที่ค่ายอื่นๆ ทั้งปิโตรนาส คาลเท็กซ์ เอสโซ่ ปรับตามทำให้ราคาดีเซลของค่ายดังกล่าวสูงถึง 32.94 บาทต่อลิตรซึ่งถือเป็นราคาสูงสุดหรือนิวไฮอีกครั้งและเป็นราคาที่สูงกว่าค่ายปตท.และบางจากถึง 1 บาทต่อลิตร
นายไซมอน เฮิร์ส ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2551 จนถึง 16 เมษายนได้เพิ่มขึ้นเกือบ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา บริษัทรับภาระขาดทุนเฉพาะน้ำมันดีเซลกว่า 20 ล้านบาทจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันนี้ (18เม.ย.)
ราคาขายส่งดีเซล หน้าคลังกรุงเทพสูงกว่าราคาขายปลีกหน้าปั๊มอยู่ที่ 1.08 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หน้าปั๊มควรปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.58 บาท/ลิตร จึงจะทำให้ผู้ค้าอยู่ได้ และแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ในวันนี้แล้วก็ตาม น้ำมันดีเซลทุกลิตรที่ขายก็ยังขาดทุนอยู่ 2.08 บาทต่อลิตร
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายตลาดค้าปลีกบมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า บางจากได้ตัดสินใจปรับขึ้นดีเซลและไบโอดีเซลอีก 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นไปทำให้ดีเซลของบางจากอยู่ที่ระดับ 31.94 บาทต่อลิตรเท่าปตท. และแม้ว่าจะปรับแล้วค่าการตลาดดีเซลก็ยังต่ำติดลบถึง 2 บาทต่อลิตร เบนซินบวก 50 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ดังนั้นหากปตท.ปรับราคาขายปลีกเพิ่มบางจากก็คงจะต้องปรับขึ้นตาม
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีกบมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.จะขอดูราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์อีกครั้งในวันนี้ (18เม.ย.) เพื่อตัดสินใจว่าจะปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันในประเทศหรือไม่ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าค่าการตลาดค่อนข้างต่ำมากโดยเฉพาะดีเซล
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า หลังจากหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ผู้ค้าน้ำมันไม่ได้ทำการปรับเปลี่ยนราคาขายปลีกในประเทศขณะที่ราคาตลาดโลกที่เปิดทำการปกติกลับมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้จะเห็นการปรับราคาน้ำมันรายวัน เพราะค่าการตลาดดีเซลต่ำมากติดลบถึง 2 บาทต่อลิตรเบนซินบวก 40 สตางค์ต่อลิตร
ราคาน้ำมันดีเซลที่ตลาดสิงคโปร์พุ่งขึ้นถึงเกือบ 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 16 เม.ย. สูงสุดตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายน้ำมันในสิงคโปร์ โดยปิดที่ระดับ 141.99 ดอลลาร์ ส่วนเบนซินปิดที่ 118 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขึ้น 0.46 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากความต้องการน้ำมันในจีนและอินเดีย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปรับขึ้น 1.48 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 104.58 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งก็ถือว่าสูงมากเช่นกัน
*** น้ำมันแพงดันพลังงานทดแทนพุ่ง
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่แพงทำให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นโดยไตรมาสแรกของปี 2551 (ม.ค.-มี.ค.51) เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2550 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพิ่มขึ้น 108.4% จาก 3.6 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 7.4 ล้านลิตรต่อวัน E20 ซึ่งเริ่มจำหน่ายในปีนี้มีอัตราสูงขึ้นต่อเนื่องจากต้นปี 9,000 ลิตรต่อวัน เพิ่มเป็น 29,000 ลิตรต่อวัน ในเดือนมีนาคม หรือ สูงขึ้น 224% ส่วนน้ำมันไบโอดีเซลบี 5 ปริมาณการใช้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 778% สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาจาก 0.676 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 5.934 ล้านลิตรต่อวัน
***ชี้ราคาสินค้าจ่อขยับตาม
นายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามสถานการณ์น้ำมันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะดีเซลที่เป็นต้นทุนการผลิตและภาคขนส่งที่อาจปรับเพิ่มขึ้นซึ่งจะสะท้อนไปยังราคาสินค้าให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นทิศทางราคาสินค้าช่วงนี้ภาพรวมจึงมีทิศทางปรับขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเอกชนจึงต้องการเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการปรับราคาสินค้าควรยึดหลักให้เป็นไปตามต้นทุนที่ควรจะเป็นมากกว่าใช้นโยบายตรึงราคา
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด เพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคม ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก ปิดตลาดวันพุธโดยสูงขึ้น 1.14 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 114.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่การซื้อขายระหว่างวันช่วงหนึ่งกระโจนขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 115.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พอถึงช่วงการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ในลอนดอนวานนี้ ไลต์สวีตครูดก็ไต่ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยอยู่ที่ 115.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะถอยลงมาอยู่แถวๆ 115.03 ดอลลาร์ ในเวลาราวบ่ายโมงของลอนดอน
สำหรับสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ของตลาดลอนดอน ปิดตลาดวันพุธโดยสูงขึ้น 1.08 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 112.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยระหว่างวันไต่ไปทำสถิติสูงสุดสำหรับน้ำมันเบรนต์ที่ 112.79 ดอลลาร์ ครั้นมาถึงวานนี้ในลอนดอน เบรนต์ก็ทะยานทำนิวไฮอีกคำรบหนึ่งที่ 113.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบทะยานแรงในวันพุธ ภายหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงตัวเลขน้ำมันในคลังเก็บทั่วประเทศประจำสัปดาห์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบเหลือน้อยลงอย่างน่าแปลกใจ ส่วนน้ำมันเบนซินก็ลดต่ำลงกว่าที่คาดหมายกันไว้มาก ขณะที่สหรัฐฯกำลังย่างเข้าสู่ฤดูร้อนซึ่งผู้คนจะขับขี่รถออกท่องเที่ยวกัน และจะบริโภคเบนซินเพิ่มขึ้นมากมาย
ตามตัวเลขของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ น้ำมันเบนซินในอเมริกาลดลง 5.5 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ล่าสุดที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายกันไว้ว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบก็มีปริมาณตกลงมา 2.3 ล้านบาร์เรล ทั้งที่นักวิเคราะห์คิดว่าน่าจะเพิ่มขึ้น
การลดลงมาเหล่านี้ มีสาเหตุจากการที่พวกโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯลดกำลังการผลิตของพวกตนลงมาเหลือ 81.4% ของความสามารถในการผลิต ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2005 ภายหลังพายุเฮอริเคนหลายลูกทำให้เกิดน้ำท่วมโรงกลั่นต่างๆ ทางชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก แต่สำหรับคราวนี้เหตุผลที่โรงกลั่นลดการผลิตลง ก็เพราะราคาน้ำมันดิบซึ่งเพิ่มสูง ทำให้ส่วนต่างกำไรหดแคบจนไม่น่าพอใจ
“ตัวเลขการใช้ความสามารถผลิตของพวกโรงกลั่น อยู่ในระดับที่พวกโรงกลั่นต้องการให้เป็นเช่นนั้น –เศรษฐศาสตร์อันย่ำแย่สำหรับเบนซิน ได้เร่งให้พวกโรงกลั่นชะลอการผลิตลงมา นอกจากนั้นพวกเขายังกำลังมองดูตัวเลขความต้องการผลิตภัณฑ์กลั่นแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไร” เป็นความเห็นของ ทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของ ซิตี้กรุ๊ป ฟิวเจอร์ส รีเสิร์ช
ขณะที่ แจน สตวร์ต แห่ง ยูบีเอส บอกว่า การที่ฤดูขับรถในช่วงหน้าร้อนกำลังย่างกรายเข้ามา ย่อมทำให้ความต้องการเบนซินเพิ่มสูง แม้กระทั่งในยามที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยก็ตามที และเรื่องนี้ก็เข้าไปเพิ่มความตึงตัวในสายโซ่แห่งซัปพลายของน้ำมันในทั่วโลก
อังเดรย์ ครยูเชนคอฟ นักวิเคราะห์แห่งค่ายซัคเดน ในกรุงลอนดอน ก็มองว่า ตัวเลขของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯทำให้ราคาล่วงหน้าน้ำมันดิบพุ่งต่อไป โดยเฉพาะในยามที่เงินดอลลาร์ยังคงอ่อนตัวอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับเงินยูโร
“โดยภาพรวมแล้ว เป็นที่ชัดเจนมากว่าพวกนักลงทุนยังไม่ได้เตรียมตัวที่จะปล่อยขายสัญญาล่วงหน้าน้ำมันในขณะนี้หรอก โดยที่พวกกองทุนและนักเก็งกำไรยังมีความสนใจอย่างแรงมาก เพราะต้องการหาผลตอบแทนที่ดีกว่าจากพวกสินค้าโภคภัณฑ์” เขากล่าว และชี้ด้วยว่า ปัจจัยหลักที่ตลาดสนใจมากที่สุด ณ เวลานี้ หนีไม่พ้นเรื่องเงินดอลลาร์
เมื่อวานนี้ ดอลลาร์ทำสถิติต่ำสุดเมื่อเทียบกับเงินยูโรอีกแล้ว โดยที่ 1 ยูโรแลกได้ถึง 1.5984 ดอลลาร์ ภายหลังธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)เตือนว่า อัตราเงินเฟ้อที่กำลังขึ้นสูงในแถบยูโรโซน อาจจะยืดเยื้อนานกว่าที่คาดหมาย คำพูดเช่นนี้ทำให้ตลาดมองว่าโอกาสที่อีซีบีจะลดดอกเบี้ยก็ย่อมจะน้อยลง และดังนั้นเงินยูโรก็ยังน่าจะแข็งต่อไป
ทางด้าน โทนี นูแนน แห่งฝ่ายธุรกิจปิโตรเลียระหว่างประเทศของบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ป ในโตเกียว ถึงขั้นคาดหมายว่า ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งทะลุไปถึง 120 ดอลลาร์ได้ทีเดียวในสัปดาห์นี้
***เชลล์ขึ้นราคาดีเซลอีกแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยได้ยื่นแจ้งต่อสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)เพื่อขอปรับราคาดีเซลลิตรละ 50 สตางค์ ส่วนเบนซินคงเดิม มีผลวันนี้ (18เม.ย.) ขณะที่ค่ายอื่นๆ ทั้งปิโตรนาส คาลเท็กซ์ เอสโซ่ ปรับตามทำให้ราคาดีเซลของค่ายดังกล่าวสูงถึง 32.94 บาทต่อลิตรซึ่งถือเป็นราคาสูงสุดหรือนิวไฮอีกครั้งและเป็นราคาที่สูงกว่าค่ายปตท.และบางจากถึง 1 บาทต่อลิตร
นายไซมอน เฮิร์ส ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2551 จนถึง 16 เมษายนได้เพิ่มขึ้นเกือบ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา บริษัทรับภาระขาดทุนเฉพาะน้ำมันดีเซลกว่า 20 ล้านบาทจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันนี้ (18เม.ย.)
ราคาขายส่งดีเซล หน้าคลังกรุงเทพสูงกว่าราคาขายปลีกหน้าปั๊มอยู่ที่ 1.08 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล หน้าปั๊มควรปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.58 บาท/ลิตร จึงจะทำให้ผู้ค้าอยู่ได้ และแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 50 สตางค์ในวันนี้แล้วก็ตาม น้ำมันดีเซลทุกลิตรที่ขายก็ยังขาดทุนอยู่ 2.08 บาทต่อลิตร
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายตลาดค้าปลีกบมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า บางจากได้ตัดสินใจปรับขึ้นดีเซลและไบโอดีเซลอีก 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นไปทำให้ดีเซลของบางจากอยู่ที่ระดับ 31.94 บาทต่อลิตรเท่าปตท. และแม้ว่าจะปรับแล้วค่าการตลาดดีเซลก็ยังต่ำติดลบถึง 2 บาทต่อลิตร เบนซินบวก 50 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น ดังนั้นหากปตท.ปรับราคาขายปลีกเพิ่มบางจากก็คงจะต้องปรับขึ้นตาม
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีกบมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.จะขอดูราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์อีกครั้งในวันนี้ (18เม.ย.) เพื่อตัดสินใจว่าจะปรับเปลี่ยนราคาน้ำมันในประเทศหรือไม่ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าค่าการตลาดค่อนข้างต่ำมากโดยเฉพาะดีเซล
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า หลังจากหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ผู้ค้าน้ำมันไม่ได้ทำการปรับเปลี่ยนราคาขายปลีกในประเทศขณะที่ราคาตลาดโลกที่เปิดทำการปกติกลับมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้จะเห็นการปรับราคาน้ำมันรายวัน เพราะค่าการตลาดดีเซลต่ำมากติดลบถึง 2 บาทต่อลิตรเบนซินบวก 40 สตางค์ต่อลิตร
ราคาน้ำมันดีเซลที่ตลาดสิงคโปร์พุ่งขึ้นถึงเกือบ 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 16 เม.ย. สูงสุดตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายน้ำมันในสิงคโปร์ โดยปิดที่ระดับ 141.99 ดอลลาร์ ส่วนเบนซินปิดที่ 118 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขึ้น 0.46 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากความต้องการน้ำมันในจีนและอินเดีย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปรับขึ้น 1.48 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 104.58 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งก็ถือว่าสูงมากเช่นกัน
*** น้ำมันแพงดันพลังงานทดแทนพุ่ง
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่แพงทำให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นโดยไตรมาสแรกของปี 2551 (ม.ค.-มี.ค.51) เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2550 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพิ่มขึ้น 108.4% จาก 3.6 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 7.4 ล้านลิตรต่อวัน E20 ซึ่งเริ่มจำหน่ายในปีนี้มีอัตราสูงขึ้นต่อเนื่องจากต้นปี 9,000 ลิตรต่อวัน เพิ่มเป็น 29,000 ลิตรต่อวัน ในเดือนมีนาคม หรือ สูงขึ้น 224% ส่วนน้ำมันไบโอดีเซลบี 5 ปริมาณการใช้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 778% สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาจาก 0.676 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 5.934 ล้านลิตรต่อวัน
***ชี้ราคาสินค้าจ่อขยับตาม
นายสมมาต ขุนเศษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามสถานการณ์น้ำมันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะดีเซลที่เป็นต้นทุนการผลิตและภาคขนส่งที่อาจปรับเพิ่มขึ้นซึ่งจะสะท้อนไปยังราคาสินค้าให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นทิศทางราคาสินค้าช่วงนี้ภาพรวมจึงมีทิศทางปรับขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเอกชนจึงต้องการเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาแนวทางการปรับราคาสินค้าควรยึดหลักให้เป็นไปตามต้นทุนที่ควรจะเป็นมากกว่าใช้นโยบายตรึงราคา