รอยเตอร์/เอเอฟพี/ผู้จัดการรายวัน – ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่อีกแล้ว ทะยานทะลุระดับ 114 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันอังคาร(15) แล้วยังขยับขึ้นต่อเมื่อวานนี้(16) สืบเนื่องจากอาการอ่อนปวกของค่าเงินดอลลาร์, การไหลทะลักเข้าตลาดของเงินเก็งกำไร, และการที่ซัปพลายอยู่ในภาวะตึงตัวมายาวนาน ด้านผู้ค้าในประเทศส่งสัญญาณราคาน้ำมันขยับอีกระลอกปลายสัปดาห์นี้ หลังค่าการตลาดต่ำหนัก ชี้ดีเซลอาจเห็น 3 ลิตร 100 บาทเร็วๆ นี้ขณะที่นักวิชาการมองยาวอาจได้ลุ้นแตะ 35 บาทต่อลิตร
สัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคมสำหรับน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก พุ่งขึ้นไป 2.03 ดอลลาร์ ปิดวันอังคาร ณ ระดับ 113.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แล้วระหว่างการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังตลาดจริงปิด ก็ได้ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 114.08 ดอลลาร์
ต่อจากนั้น เมื่อได้ถอยลงมาบ้างในตลาดแถบเอเชีย ไลต์สวีตครูดก็พุ่งขึ้นไปทำนิวไฮใหม่ที่ 114.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงการซื้อขายตอนสายของตลาดลอนดอนวานนี้ ก่อนจะไหลลงมาอยู่แถวๆ 113.99 ดอลลาร์ในเวลาเที่ยงวันเศษๆ
ทางด้านน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน สัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปิดวันอังคารสูงขึ้นมา 1.47 ดอลลาร์ อยู่ที่ 111.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากการซื้อขายระหว่างวันดังกล่าว มีช่วงหนึ่งไต่ขึ้นทำสิถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 112.08 ดอลลาร์
เนื่องจากสัญญาเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคมของเบรนต์หมดอายุลงในวันอังคาร การซื้อขายที่ตลาดลอนดอนวานนี้ สัญญาล่วงหน้าเดือนล่าสุดจึงกลายเป็นของเดือนมิถุนายน โดยในช่วงเที่ยงเศษ ซื้อขายกันที่ระดับ 111.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงขึ้นมา 9 เซ็นต์
สำหรับปัจจัยที่ดันให้ราคาน้ำมันพุ่งลิ่วเช่นนี้ พวกนักวิเคราะห์มองว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว คือตัวขับดันน้ำมันตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวโพด, ทองคำ, และข้าว ให้ทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพวกนักลงทุนและนักเก็งกำไรก็ต้องหาแหล่งที่จะช่วยรับประกันความเสี่ยงจากค่าเงินที่ทรุดฮวบและอัตราเงินเฟ้อซึ่งเบ่งบานตามมา จึงต้องเข้าตลาดน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์นั่นแหละ นอกจากนั้นความต้องการใช้น้ำมันของโลกก็ดูยังคงแข็งแกร่ง
“ปัจจัยครอบงำยังคงเป็นเรื่องดอลลาร์สหรัฐฯ และผมคาดหมายว่ามันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกพักหนึ่ง” เป็นความเห็นของ เจอราร์ด ริกบี นักวิเคราะห์แห่งฟูเอล เฟิร์สต์ คอนซัลติ้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่นครซิดนีย์
“ในตอนนี้เมื่อใดก็ตามที่คุณได้ข่าวเศรษฐกิจดีๆ ไม่ว่าชนิดไหนออกมาจากสหรัฐฯ เงินดอลลาร์ก็จะขึ้นและน้ำมันจะตก แล้วถ้าข่าวออกมาในอีกทางหนึ่ง คุณก็จะได้เห็นน้ำมันทำลายสถิติครั้งใหม่” เขากล่าวต่อ
ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราลอนดอนช่วงสายวานนี้ เงินสกุลยูโรพุ่งโด่งทำนิวไฮเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5968 ดอลลาร์ ภายหลังการประกาศตัวเลขของทางการที่แสดงว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมของบรรดา 15 ชาติที่ใช้เงินตราสกุลยูโร อยู่ในระดับเท่ากับปีละ 3.6% นับเป็นตัวเลขสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรกันมาในปี 1999
เมื่อวันอังคาร มีข่าวความตึงตัวด้านซัปพลายอยู่เช่นกัน โดยเม็กซิโกซึ่งเป็นผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ให้แก่สหรัฐฯ เจอสภาพอากาศเลว จึงต้องปิดท่าเรือส่งออกน้ำมันไป 4 แห่ง ทว่ามาถึงวานนี้ ก็สามารถเปิดใช้ใหม่ได้แล้ว 3 แห่ง
ทว่าบรรดาประเทศผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเรื่องซัปพลายน้ำมันไม่ค่อยเพียงพออยู่ดี นายกรัฐมนตรี กอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ ออกมาเรียกร้องในวันอังคาร ขอให้โอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มเพื่อสู้กับราคาซึ่งพุ่งลิ่วๆ
ทว่ารัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่าน โกลัมฮอสเซน โนซารี กล่าววานนี้โดยตั้งคำถามว่า ทำไมโอเปกจะต้องเพิ่มการผลิตเพื่อทำให้ราคาต่ำลงด้วย ในเมื่อซัปพลายน้ำมันเวลานี้มีมากกว่าดีมานด์ในตลาดเสียอีก ทว่าเป็นเพราะปัจจัยอื่นๆ ดังเช่นค่าเงินดอลลาร์ จึงทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น
***ระทึกดีเซล3ลิตร100บาท
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหาร บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ราคาน้ำมันขายปลีกในไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มไปในทิศทางที่จะต้องปรับขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบและสำเร็จรูปตลาดโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ค่าการตลาดดีเซลที่แท้จริงที่ผู้ค้าควรจะได้รับติดลบ 1.50-2 บาทต่อลิตร เบนซินบวก 50-60 สตางค์ต่อลิตร ดังนั้นปีนี้หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทดสอบระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรลโอกาสที่จะเห็นดีเซลแตะระดับ 35 บาทต่อลิตรภายในปีนี้ก็โอกาสสูงมาก
“ หากมองกันตามข้อเท็จจริงวันนี้ราคาดีเซลในบ้านเราที่เหมาะสมจริงจะต้องอยู่ระดับ 33.50 บาทต่อลิตรไปแล้วหรือก็ 3 ลิตร 100 บาทแต่การขึ้นก็ยังไม่ได้สะท้อนค่าการตลาดที่ควรได้รับ ซึ่งดูจากนี้ไปราคาในประเทศยังมีโอกาสปรับขึ้นอีกสัปดาห์นี้ ซึ่งหากดูทิศทางตลาดโลกที่ยังมีการเก็งกำไรกันอยู่โอกาสเห็นดีเซล 35 บาทต่อลิตรก็มีสูง”นายมนูญกล่าว
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มสูงขณะนี้มาจากการที่จีนเร่งเก็บสต็อกน้ำมันไว้เตรียมต้อนรับกีฬาโอลิมปิก 2008 ประกอบกับช่วงนี้โรงกลั่นเกาหลี ไต้หวันมีการส่งออกน้อยลงเพราะความต้องการสูงขึ้นและเมื่อราคาน้ำมันตลาดยุโรปราคาสูง ทำให้มีการเทขายจากตลาดสิงคโปร์ไปยังยุโรปแทนทำให้สต็อกน้ำมันที่สิงคโปร์ลดต่ำดังนั้นจึงเป็นที่คาดหมายว่าราคาน้ำมันดิบจะมีการทดสอบระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรลในเร็วๆ นี้ซึ่งส่วนหนึ่งยังคงมาจากการเก็งกำไรผสมโรงด้วย
ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยที่ถือว่าเป็นนิวไฮเท่าที่เคยมีแล้วนั้นมีความจำเป็นที่รัฐบาลคงจะต้องมองหามาตรการบังคับอย่างจริงจังได้แล้วเพราะอดีตที่ผ่านมามาตรการดังกล่าวมีการคิดกันไว้มากแต่ท้ายสุดก็ไม่มีรัฐบาลใดกล้าทำเช่น การปรับระบบขนส่งทั้งหมดอย่างเร่งด่วน การห้ามรถวิ่งเข้าชั้นในกรุงเทพฯหรือหากเข้ามาจะต้องมีคนนั่งตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปหรือการเก็บค่าเข้าเมือง ฯลฯ
*** บางจากฯเล็งขยับราคาน้ำมัน
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายตลาดค้าปลีก บมจ.บางจากปิโตรเลียม เปิดเผยว่า บางจากจะรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ในวันนี้ (17 เม.ย) ก่อนพิจารณาตัดสินใจปรับขึ้นราคาขายปลีกหรือไม่ หลังจากที่บางจากฯได้มีนโยบายตรึงราคาขายดีเซลต่ำกว่าปตท.ลิตรละ 50 สตางค์และต่ำกว่าผู้ค้าน้ำมันค่ายอื่นลิตรละ 1 บาทในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
ซึ่งมีแนวโน้มว่าบางจากคงต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลขึ้นให้เท่ากับปตท. เนื่องจากขณะนี้ค่าการตลาดดีเซลติดลบอยู่ 1.20 บาท/ลิตร และคาดว่าสิงคโปร์ปิดตลาดจะบวกตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้ค่าการตลาดติดลบมากกว่านี้อีก ขณะที่ค่าการตลาดเบนซินอยู่ที่50-60 สตางค์/ลิตร ซึ่งยังเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเกณฑ์ จึงมีโอกาสที่จะปรับขึ้นราคาขายปลีกทั้งเบนซินและดีเซลในปลายสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม การตรึงดีเซลบางจากต่ำกว่าค่ายอื่นๆ เว้นปตท. 1 บาทต่อลิตรตั้งแต่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้บางจากขาดทุนส่วนนี้ไปประมาณ 52 ล้านบาทซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดหมายที่บางจากต้องการดูแลประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งผลจากราคาต่ำกว่าค่ายอื่นๆ 1 บาทต่อลิตรและปตท. 50 สตางค์ต่อลิตร รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆทำให้บางจากจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น 22-23 % หรือเพิ่มขึ้น 1.2-1.3 ล้านลิตร/วัน พร้อมกับสำรองน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคและเพิ่มกำลังการกลั่นด้วย จึงไม่ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการที่ปั๊มบางจากแล้วไม่มีน้ำมันดีเซล
สัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคมสำหรับน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก พุ่งขึ้นไป 2.03 ดอลลาร์ ปิดวันอังคาร ณ ระดับ 113.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แล้วระหว่างการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังตลาดจริงปิด ก็ได้ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 114.08 ดอลลาร์
ต่อจากนั้น เมื่อได้ถอยลงมาบ้างในตลาดแถบเอเชีย ไลต์สวีตครูดก็พุ่งขึ้นไปทำนิวไฮใหม่ที่ 114.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงการซื้อขายตอนสายของตลาดลอนดอนวานนี้ ก่อนจะไหลลงมาอยู่แถวๆ 113.99 ดอลลาร์ในเวลาเที่ยงวันเศษๆ
ทางด้านน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน สัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปิดวันอังคารสูงขึ้นมา 1.47 ดอลลาร์ อยู่ที่ 111.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากการซื้อขายระหว่างวันดังกล่าว มีช่วงหนึ่งไต่ขึ้นทำสิถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 112.08 ดอลลาร์
เนื่องจากสัญญาเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคมของเบรนต์หมดอายุลงในวันอังคาร การซื้อขายที่ตลาดลอนดอนวานนี้ สัญญาล่วงหน้าเดือนล่าสุดจึงกลายเป็นของเดือนมิถุนายน โดยในช่วงเที่ยงเศษ ซื้อขายกันที่ระดับ 111.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงขึ้นมา 9 เซ็นต์
สำหรับปัจจัยที่ดันให้ราคาน้ำมันพุ่งลิ่วเช่นนี้ พวกนักวิเคราะห์มองว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว คือตัวขับดันน้ำมันตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวโพด, ทองคำ, และข้าว ให้ทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพวกนักลงทุนและนักเก็งกำไรก็ต้องหาแหล่งที่จะช่วยรับประกันความเสี่ยงจากค่าเงินที่ทรุดฮวบและอัตราเงินเฟ้อซึ่งเบ่งบานตามมา จึงต้องเข้าตลาดน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์นั่นแหละ นอกจากนั้นความต้องการใช้น้ำมันของโลกก็ดูยังคงแข็งแกร่ง
“ปัจจัยครอบงำยังคงเป็นเรื่องดอลลาร์สหรัฐฯ และผมคาดหมายว่ามันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกพักหนึ่ง” เป็นความเห็นของ เจอราร์ด ริกบี นักวิเคราะห์แห่งฟูเอล เฟิร์สต์ คอนซัลติ้ง ซึ่งตั้งอยู่ที่นครซิดนีย์
“ในตอนนี้เมื่อใดก็ตามที่คุณได้ข่าวเศรษฐกิจดีๆ ไม่ว่าชนิดไหนออกมาจากสหรัฐฯ เงินดอลลาร์ก็จะขึ้นและน้ำมันจะตก แล้วถ้าข่าวออกมาในอีกทางหนึ่ง คุณก็จะได้เห็นน้ำมันทำลายสถิติครั้งใหม่” เขากล่าวต่อ
ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราลอนดอนช่วงสายวานนี้ เงินสกุลยูโรพุ่งโด่งทำนิวไฮเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5968 ดอลลาร์ ภายหลังการประกาศตัวเลขของทางการที่แสดงว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมของบรรดา 15 ชาติที่ใช้เงินตราสกุลยูโร อยู่ในระดับเท่ากับปีละ 3.6% นับเป็นตัวเลขสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรกันมาในปี 1999
เมื่อวันอังคาร มีข่าวความตึงตัวด้านซัปพลายอยู่เช่นกัน โดยเม็กซิโกซึ่งเป็นผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ให้แก่สหรัฐฯ เจอสภาพอากาศเลว จึงต้องปิดท่าเรือส่งออกน้ำมันไป 4 แห่ง ทว่ามาถึงวานนี้ ก็สามารถเปิดใช้ใหม่ได้แล้ว 3 แห่ง
ทว่าบรรดาประเทศผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเรื่องซัปพลายน้ำมันไม่ค่อยเพียงพออยู่ดี นายกรัฐมนตรี กอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ ออกมาเรียกร้องในวันอังคาร ขอให้โอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มเพื่อสู้กับราคาซึ่งพุ่งลิ่วๆ
ทว่ารัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่าน โกลัมฮอสเซน โนซารี กล่าววานนี้โดยตั้งคำถามว่า ทำไมโอเปกจะต้องเพิ่มการผลิตเพื่อทำให้ราคาต่ำลงด้วย ในเมื่อซัปพลายน้ำมันเวลานี้มีมากกว่าดีมานด์ในตลาดเสียอีก ทว่าเป็นเพราะปัจจัยอื่นๆ ดังเช่นค่าเงินดอลลาร์ จึงทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น
***ระทึกดีเซล3ลิตร100บาท
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาด้านน้ำมันและอดีตผู้บริหาร บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ราคาน้ำมันขายปลีกในไทยสัปดาห์นี้มีแนวโน้มไปในทิศทางที่จะต้องปรับขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบและสำเร็จรูปตลาดโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้ค่าการตลาดดีเซลที่แท้จริงที่ผู้ค้าควรจะได้รับติดลบ 1.50-2 บาทต่อลิตร เบนซินบวก 50-60 สตางค์ต่อลิตร ดังนั้นปีนี้หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทดสอบระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรลโอกาสที่จะเห็นดีเซลแตะระดับ 35 บาทต่อลิตรภายในปีนี้ก็โอกาสสูงมาก
“ หากมองกันตามข้อเท็จจริงวันนี้ราคาดีเซลในบ้านเราที่เหมาะสมจริงจะต้องอยู่ระดับ 33.50 บาทต่อลิตรไปแล้วหรือก็ 3 ลิตร 100 บาทแต่การขึ้นก็ยังไม่ได้สะท้อนค่าการตลาดที่ควรได้รับ ซึ่งดูจากนี้ไปราคาในประเทศยังมีโอกาสปรับขึ้นอีกสัปดาห์นี้ ซึ่งหากดูทิศทางตลาดโลกที่ยังมีการเก็งกำไรกันอยู่โอกาสเห็นดีเซล 35 บาทต่อลิตรก็มีสูง”นายมนูญกล่าว
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มสูงขณะนี้มาจากการที่จีนเร่งเก็บสต็อกน้ำมันไว้เตรียมต้อนรับกีฬาโอลิมปิก 2008 ประกอบกับช่วงนี้โรงกลั่นเกาหลี ไต้หวันมีการส่งออกน้อยลงเพราะความต้องการสูงขึ้นและเมื่อราคาน้ำมันตลาดยุโรปราคาสูง ทำให้มีการเทขายจากตลาดสิงคโปร์ไปยังยุโรปแทนทำให้สต็อกน้ำมันที่สิงคโปร์ลดต่ำดังนั้นจึงเป็นที่คาดหมายว่าราคาน้ำมันดิบจะมีการทดสอบระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรลในเร็วๆ นี้ซึ่งส่วนหนึ่งยังคงมาจากการเก็งกำไรผสมโรงด้วย
ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยที่ถือว่าเป็นนิวไฮเท่าที่เคยมีแล้วนั้นมีความจำเป็นที่รัฐบาลคงจะต้องมองหามาตรการบังคับอย่างจริงจังได้แล้วเพราะอดีตที่ผ่านมามาตรการดังกล่าวมีการคิดกันไว้มากแต่ท้ายสุดก็ไม่มีรัฐบาลใดกล้าทำเช่น การปรับระบบขนส่งทั้งหมดอย่างเร่งด่วน การห้ามรถวิ่งเข้าชั้นในกรุงเทพฯหรือหากเข้ามาจะต้องมีคนนั่งตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปหรือการเก็บค่าเข้าเมือง ฯลฯ
*** บางจากฯเล็งขยับราคาน้ำมัน
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายตลาดค้าปลีก บมจ.บางจากปิโตรเลียม เปิดเผยว่า บางจากจะรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ในวันนี้ (17 เม.ย) ก่อนพิจารณาตัดสินใจปรับขึ้นราคาขายปลีกหรือไม่ หลังจากที่บางจากฯได้มีนโยบายตรึงราคาขายดีเซลต่ำกว่าปตท.ลิตรละ 50 สตางค์และต่ำกว่าผู้ค้าน้ำมันค่ายอื่นลิตรละ 1 บาทในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
ซึ่งมีแนวโน้มว่าบางจากคงต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลขึ้นให้เท่ากับปตท. เนื่องจากขณะนี้ค่าการตลาดดีเซลติดลบอยู่ 1.20 บาท/ลิตร และคาดว่าสิงคโปร์ปิดตลาดจะบวกตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ทำให้ค่าการตลาดติดลบมากกว่านี้อีก ขณะที่ค่าการตลาดเบนซินอยู่ที่50-60 สตางค์/ลิตร ซึ่งยังเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเกณฑ์ จึงมีโอกาสที่จะปรับขึ้นราคาขายปลีกทั้งเบนซินและดีเซลในปลายสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม การตรึงดีเซลบางจากต่ำกว่าค่ายอื่นๆ เว้นปตท. 1 บาทต่อลิตรตั้งแต่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้บางจากขาดทุนส่วนนี้ไปประมาณ 52 ล้านบาทซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดหมายที่บางจากต้องการดูแลประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งผลจากราคาต่ำกว่าค่ายอื่นๆ 1 บาทต่อลิตรและปตท. 50 สตางค์ต่อลิตร รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆทำให้บางจากจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น 22-23 % หรือเพิ่มขึ้น 1.2-1.3 ล้านลิตร/วัน พร้อมกับสำรองน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคและเพิ่มกำลังการกลั่นด้วย จึงไม่ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการที่ปั๊มบางจากแล้วไม่มีน้ำมันดีเซล