xs
xsm
sm
md
lg

เชลล์โขกน้ำมันอีก 50 สต. ขี่ดีเซลบางจาก 1 บ./ลิตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - “เชลล์” ไม่สนผู้ใช้รถจะเที่ยวสงกรานต์ นำขึ้นเบนซินและดีเซลอีก 50 ส.ต.ต่อลิตร ทำนิวไฮเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ อ้างน้ำมันตลาดโลกพุ่ง “บางจาก” โคตรอึดอั้น 7 วัน ยืนราคาดีเซลต่ำกว่าค่ายต่างชาติ1 บาทต่อลิตร แต่ต่ำกว่า ปตท. 50 ส.ต.ทำให้ดีเซลมี 3 ราคาให้เลือก ส่วนเบนซินปตท.-บางจาก ต่ำกว่ารายอื่น 50 ส.ต. ด้าน ปตท.ระบุ หลัง 17 เม.ย. ค่อยกลับมาดูราคากันใหม่ ยอมรับยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก

วานนี้ (11 เม.ย.) เชลล์ได้ตัดสินใจขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกเป็นรายแรก ทุกชนิดอีก 50 สตางค์ ต่อลิตรมีผลวันนี้ (12เม.ย.) เป็นต้นไปส่งผลให้ราคาเบนซิน 95 เป็น 35.59 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เป็น 34.49 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 31.59 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 30.29 บาทต่อลิตร และดีเซลเป็น 32.44 บาทต่อลิตร เป็นการทำสถิติราคาสูงสุดหรือนิวไฮ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ ส่งผลให้ค่ายอื่นๆ ขยับตาม เว้นบางจาก และปตท.

ทั้งนี้ ผลจากการขึ้นราคาดังกล่าวทำให้ราคาขายปลีกน้ำมัน แยกเป็นกลุ่มเบนซิน 2 ราคา และดีเซล 3 ราคา คือ ของค่ายต่างชาติเบนซิน และดีเซล จะมีราคาสูงสุด ค่ายปตท. จะต่ำกว่าค่ายแรก ทั้งเบนซินและ ดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่ราคาอีกค่ายของบางจาก กลุ่มเบนซินจะเท่ากับปตท. แต่ดีเซลจะต่ำกว่าค่ายต่างชาติถึง 1 บาทต่อลิตร และต่ำกว่า ปตท. 50 สตางค์ต่อลิตร โดยดีเซลบางจากจะอยู่ที่ 31.44 บาทต่อลิตร

นายไซมอน เฮิร์ส ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากราคานํ้ามันตลาดโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ค่าการตลาดเชลล์ยิ่งทรุดหนักลงไปอีก โดยค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน 95 เหลืออยู่เพียง 0.75 บาทต่อลิตร ดีเซล ติดลบเพิ่มขึ้นเป็น -1.27 บาทต่อลิตร ทำให้ทุกลิตรที่ขายขาดทุน 2.80 บาท หากจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงจะต้องขึ้นราคาอีกเกือบ 3 บาทต่อลิตร แต่เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ บริษัท ขอปรับขึ้นราคา ขายปลีกน้ำมันทุกชนิดเพียง 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 12 เม.ย.เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งทะยานขึ้น มีปัจจัยหลักจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐลดลง รวมถึงเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ยังอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ ปิดเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ดีดตัวสูงขึ้น โดยเบนซิน 95 ปรับขึ้น 0.90 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล มาปิดที่ระดับ 17.23 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วน ดีเซลทะยานขึ้นมาปิดที่ 139.50 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นถึง 3.85 เหรียญต่อบาร์เรล

ปตท.เผย 17เม.ย.มาดูราคากันใหม่

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ราคาดีเซลหน้าโรงกลั่นต่ำกว่าราคาขายหน้าปั๊ม 50 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่ค่าการตลาดที่เหมาะสม ควรได้รับประมาณ 1.50 บาทต่อลิตร ดังนั้นทุกลิตรที่จำหน่ายออกไปส่วนของดีเซล ต้องขาดทุนมากกว่า 1 บาท

อย่างไรก็ตาม ปตท.ก็ยังคงไม่ปรับขึ้นอีกโดยจะรอดูทิศทางตลาดโลกและวันที่ 17 เม.ย. จึงจะมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอีก

นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก กล่าวว่า บางจาก ยังคงนโยบายเดิมคือ ตรึงราคาไว้อีก 7 วัน (10-16 เม.ย.) ซึ่งผลจากการตรึงจะทำให้ราคาน้ำมันบางจาก โดยเฉพาะดีเซลค่อนข้างต่ำ จึงทำให้บางจากคาดว่าช่วงดังกล่าวจะขาดทุนเพิ่มเป็น 60 ล้านบาท จากเดิมที่จะคาดว่าจะขาดทุน 50 ล้านบาท ขณะเดียวกัน จะสำรองดีเซลเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการในช่วงสงกรานต์

ท่อเยตากุนเสร็จป้อนก๊าซแล้ว

นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น และก๊าซธรรมชาติ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ปิโตรนาสซึ่งเป็นผู้บริหารหรือโอเปเรเตอร์ ระบบท่อส่งก๊าซเยตากุน พม่าได้ดำเนินการซ่อมแซมและแก้ไขรอยรั่วเสร็จสมบูรณ์ และเริ่มจ่ายก๊าซเข้าระบบ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งแต่ 14.00 น.ของวันที่ 10 เม.ย.

นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า จากการที่ท่อก๊าซเยตากุนซ่อมเสร็จเร็ว จะส่งผลดีให้ลดการใช้น้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ Ft ไม่ได้สูงขึ้นมากอย่างที่เคยคาดการณ์ แต่ในแง่ของประชาชนจะไม่ได้รับภาระดังกล่าวอยู่แล้ว เพราะกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่าจะต้องเป็นภาระที่ปตท. รับผิดชอบ

นายพีระพล สาครินทร์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนใน พื้นที่รอบโรงไฟฟ้าขณะนี้ ได้ดำเนินการจัดตั้งแล้วเสร็จ จำนวน 60 แห่ง โดยได้เริ่มจัดเก็บเงินตั้งแต่เดือนก.ค. 50 ทั้งนี้ภายในปี 51 ตั้งเป้าหมายที่จะจัดตั้งกองทุนให้ได้ 75 แห่ง โดยกระจายอยู่ใน 39 จังหวัดทั่วประเทศ คาดว่าเมื่อสิ้นปี 51 จะสามารถจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ได้ประมาณ 1,887 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น