นายสัก กอแสงเรืองโฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) แถลง วานนี้ (17 เม.ย.) ภายหลังการประชุม คตส.ว่า ในการประชุม คตส.ได้พิจารณาคดีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 900 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตรในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส.เป็นประธาน โดยที่ประชุมคตส.มีมติให้ คตส.ดำเนินการส่งฟ้อง ต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเอง เนื่องจากคณะทำงานร่วม กันทั้ง2 ฝ่ายระหว่างคตส.และอัยการสูงสุด(อสส.) ยังมีความเห็นต่างกัน โดยอัยการสูงสุดยังมีความเห็นว่าสำนวนของ คตส.ยังไม่สมบูรณ์
ดังนั้น คตส.จะประสานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อขอสำนวนทั้งหมดคืน จากนั้นคตส.จะขอความร่วมมือจากสภาทนายความ เพื่อขอทีมทนายมาร่วมร่างสำนวน เพื่อส่งฟ้องเอง โดยนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.จะลงนามในหนังสือภายในวันที่ 18 เม.ย.ส่วนจะส่งฟ้องคดีเร็วหรือไม่ขึ้นอยู่กับ อัยการสูงสุดจะส่งสำนวนเอกสารคืนคตส.เมื่อใด
ชงคดีซีทีเอ็กเข้าคตส.จันทร์นี้
โฆษก คตส.แถลงอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายอำนวย ธันธรา กรรมการคตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ได้ขอลาการประชุม เพราะต้องเร่งดำเนินการสรุปสำนวนในคดีดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเข้าเสนอในที่ประชุมใหญ่ คตส.เพื่อพิจารณาได้ในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย. นี้ ทั้งนี้คณะอนุกรรมการไต่สวน จะประชุมตรวจสอบความเรียบร้อย ของสำนวนในวันที่ 18 เม.ย. เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงหรือไม่ว่าสำนวนสรุปคำฟ้องจะรั่วไหล นายสัก กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ แต่ตามหลักการ ต้องเข้าใจว่าไม่รั่วไหล เมื่อถามย้ำว่า กรณีการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหามีอัยการสูงสุดร่วมอยู่ด้วย จะทำอย่างไร นายสัก กล่าวว่า ตามมาตรา 97 ของกฎหมาย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ระบุว่าในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นอัยการสูงสุด ทาง ป.ป.ช.ไม่จำเป็นต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดดำเนินการ แต่ป.ป.ช.สามารถ ส่งฟ้องได้เองต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้ถือว่าเป็นสำนวนของศาล ซึ่งไม่ต้องไต่สวนสำนวนมูลฟ้องใหม่
ข้อแก้ตัว “ทักษิณ-สุริยะ”ฟังไม่ขึ้น
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการปรับปรุงระบบสายพาน ลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด(ซีทีเอ็กซ์9000) เปิดเผยว่าในวันที่18 เม.ย.อนุกรรมการจะประชุมเพื่อสรุปสำนวนไต่สวนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุม คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ชุดใหญ่พิจารณาในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.นี้ ซึ่งอนุกรรมการได้สรุปความ เสียหายจากการว่าจ้างให้กิจการร่วมค้าไอทีโอ เข้ามาติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดในราคาที่สูงเกินจริงกว่า 1.7 พันล้านบาท ขณะที่การทำสัญญาซื้อตรงเครื่องซีทีเอ็กซ์ระหว่างบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) กับบริษัท จีอีอินวิชั่น เทคโนโลยี ของประเทศ สหรัฐอเมริกา ก็เป็นเพียงการทำสัญญาในลักษณะนิติกรรมอำพราง ทำให้ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) ซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์สูงเกินราคาเป็นจริง
“จากการพิจารณาคำแก้ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่โต้แย้งว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่มีอำนาจเข้าไปสั่งการ ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างใน บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) นั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ แล้วพบว่า รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าไปใช้อำนาจสั่งการใน บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) ตั้งแต่ปี 2544 ไม่ว่าจะเป็นการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(กทภ.) โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณเป็นประธาน จากเดิมที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลักฐานสำคัญอีกประการที่จะแสดงให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคดีนี้คือ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นชอบให้ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) เสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม..)อนุมัติให้ว่าจ้างกลุ่มไอทีโอเข้ามาก่อสร้าง อาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2544 ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) สามารถอนุมัติได้โดยตรง โดยไม่ต้องเสนอให้ครม.เห็นชอบ
“ในปี 2544 บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด หนึ่งในบริษัทร่วมทุน ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ คณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) จึงเห็นว่าไม่สามารถเข้าประมูลงานและทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ เพราะมีฐานะไม่มั่นคง บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) จึงเสนอเรื่องให้ครม. เห็นชอบให้ว่าจ้างกลุ่มไอทีโอ เข้ามารับงานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้ว บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) ก็นำเรื่องให้คณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) อนุมัติ ก่อนที่จะมีการทำสัญญาว่าจ้างกลุ่มไอทีโออย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการทำสัญญาโดยมิชอบ ดังนั้นการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสุริยะ อ้างว่าไม่มีอำนาจเข้าไปกำกับดูแลหรือสั่งการใดๆ จึงไม่เป็นความจริง” แหล่งข่าวกล่าว
“สมชาย-ชัยเกษม”ติดรากแหซีทีเอ็กซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และอดีตประธานบอร์ด ทอท. พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งอาจมีปัญหาต้องหลุดจากเก้าอี้ใน ครม.หลัง คตส.ส่งฟ้องศาลอาญาฯ เหมือนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในคดีหวยบนดิน
นอกจากนี้ยังมี นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด ในฐานะอดีตบอร์ดทอท.สมัยเป็นรองอัยการสูงสุด พล.อ.สมชัย สมประสงค์ พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ อดีตรอง ผบ.ตร. นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และปัจจุบันเป็นประธานบอร์ดบริษัท ทอท.ซึ่งก่อนหน้านี้ถูก คตส.ส่งฟ้องคดีหวยบนดินด้วย นายอดิเทพ นาคะวิสุทธิ์ ประธานคณะกรรมการต่อรองราคางานจ้างออกแบบและปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิ นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อิตาเลี่ยน-ไทย นักธุรกิจรายใหญ่เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและเศรษฐีหุ้นอันดับต้นๆของเมืองไทย และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ผู้บริหารบริษัท แพทริออต
ส่วนคนที่หลุดในชั้นการส่งฟ้องคือนายวิชัย จึงรักเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากสามารถชี้แจงในชั้นไต่สวนได้เพราะได้เข้าไปเป็นบอร์ด ทอท.ในโควต้าของกระทรวงการคลังและได้เข้าประชุมบอร์ดทอท. เพียงครั้งเดียว โดยไม่รู้เรื่องการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์มาตั้งแต่ต้น
“สัก”ชี้ “ทักษิณ”พร่ามมั่ว
นายสัก ก่อแสงเรื่อง ยังกล่าว ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ได้วางแผนที่จะจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนภาคเอกชน (private equity fund) มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ราว 155,000 ล้านบาท ขึ้นมาเพื่อลงทุนในบริษัทต่างๆ ในเอเชีย หากได้เงินที่ คตส. อายัดไว้ จากข้อกล่าวหาว่าทุจริตประพฤติมิชอบกลับคืนมาว่า ไม่แน่ใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุถึงเงินส่วนไหนที่ถูก คตส. อายัดไว้ เพราะเงินที่ คตส. อายัดไว้ขณะนี้ เป็นเงินที่คนใน ครอบครัวชินวัตร ได้รับการจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ชินคอร์ป จำนวน 7.3 หมื่นล้าน ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก
“การที่คุณทักษิณ พูดว่าถ้าได้เงินคืน ผมไม่รู้เขาหมายความว่าอย่างไร หมายความว่า เป็นเจ้าของเงินเองหรือเปล่า เพราะเงินส่วนนี้เป็นเงินที่ได้จากการขาย หุ้นชินคอร์ป ถ้าความหมายเป็นอย่างนั้น ก็แสดงว่าเขาเป็นเจ้าของหุ้นเองนะซิ” นายสักกล่าว
นายสัก กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ คงเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง ที่มีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการคตส. เป็นประธาน ที่รับผิดชอบเรื่องการซุกหุ้นภาค 2 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร
ระบุคตส.อายัดเงิน “ทักษิณ”แค่5ร้อยล้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าจะใช้เงินที่ถูกอายัดมาตั้งมูลนิธิ นายสัก กล่าวว่า ในที่ประชุม คตส.ไม่มีการหารือกันในเรื่องนี้ แต่ตนได้ดูตัวเลขที่ คตส.ได้สั่งอายัดตามมติของ คตส.พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มียอดที่ถูกอายัดอยู่เพียง 548,587,514.56 บาท ส่วนที่เหลืออยู่อีก 7 หมื่นกว่าล้าน เป็นเงินของคนในครอบครัวชินวัตร
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ข่าวดังกล่าว เป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อ คตส.หรือไม่ เพราะอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวมาช่วยชาติ โฆษก คตส. กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าความหมายของท่านคืออะไร ส่วนจะเอาไปตั้งมูลนิธิเท่าไหร่นั้นไม่ทราบ ทราบแต่ว่า ท่านมีเงินที่ถูก คตส.อายัดเพียง 548 ล้านบาทเท่านั้น
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการคตส. ในฐานะคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการ เอื้อประโยชน์ ให้แก่ธุรกิจตนเองและพวกพ้องกล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้คงให้ความเห็น ไม่ได้ เนื่องจากสับสนกับข้อมูลที่เกิดขึ้น เพราะในช่วงที่ คตส.เปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้แจงข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็บอกว่าไม่ใช่เจ้าของเงิน เพราะได้โอนขายให้ลูก ไปหมดแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลไหนถูกต้องกันแน่
++++++++
เลิกกฎอัยการศึกทั่วปท.
เว้น3จังหวัดชายแดนใต้
ผู้จัดการรายวัน - สมช.ยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนใต้ กับอีก 5 อำเภอในจ.สงขลา อ้างมีกม.ความมั่นคงฯฉบับใหม่ดำเนินการอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เตรียมประชุม ครม.นัดพิเศษวันนี้เพื่อพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อีก 3 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาบว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (17 เม.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ภายหลังการประชุม นายสมัคร แถลงว่า ที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศ 179 อำเภอ ใน 31 จังหวัด ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับอีก 5 อำเภอ ในจ.สงขลา ส่วนการดำเนินการของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) หากจะเข้าไปดูพื้นที่ใดเป็นพิเศษสามารถนำกฎหมายความมั่นคงภายในที่ออกมาใหม่ และประกาศใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ไปใช้ทดแทนกฎอัยการศึกได้
“เหุตผลที่ยกเลิกเพราะมันมีกฎหมายใหม่มาทดแทนได้ แต่ว่าไม่ได้มาทดแทนทั้งหมด เขาจะใช้ในบางพื้นที่ เช่นบริเวณจังหวัดชายแดนอื่นๆ เขาจะพิจารณาใช้กฎหมายอื่นตามสมควร ตามชายแดนที่มีปัญหา ไม่ใช่มาใช้กฎอัยการศึกคลุมทั่วประเทศ จะใช้บางกรณีที่ปราบปรา มยาเสพติดตรงนั้นตรงนี้มุมนั้นมุมนี้เท่านั้นเอง”
นายสมัคร กล่าวอีกว่า วันนี้(18เม.ย.)เวลา 09.00 น. จะมีการประชุมครม. เป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 30 นาที เพื่อพิจารณาวาระเดียวคือการต่ออายุ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายได้ภาคใต้ ต่อไปอีก 3 เดือน เนื่องจากจะหมดอายุในวันที่ 19 เม.ย.นี้
ด้าน พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง เพิ่มเติมว่า ในการให้ต่อายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นที่ประชุมเห็นควรให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป เนื่องจากจะเพิ่มขีดความ สามารถในการสืบสวนสอบสวน รวบรวม พยายานหลักฐานของเจ้าหน้าในการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษในชั้นศาล จึงเห็นควรให้มีการขยายระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-19 ก.ค.2551 แต่จำเป็น ต้องใช้มติครม.จึงต้องมีการประชุมในวันนี้ (18 เม.ย.)
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่าสำหรับการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ที่ประขุม สมช. มีมติให้ยกเลิกอัยการศึกทุกพื้นที่ ยกเว้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 5 อำเภอในจังหวัดสงขลาประกอบด้วย อ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย อ.นาทวี และอ.สะเดา แต่ในส่วนของจังหวัดอื่นให้กอ.รมน.และกองทัพบกไปพิจารณาในรายละเอียดและนำเสนอต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังพิจารณาเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงาน โครงการจัดส่งนักศึกษาไทยที่นับถือศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยต่างๆ อีก 5 ปี ระหว่างปี 2552-2556 เพื่อยกระดับการศึกษาของเยาวชนไทยมุสลิมที่ด้อยโอกาสให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นโครงการเพื่อแก้ปัญหาด้านสังคมจิตวาในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยเพิ่มบุคคลกรอาชีพครูอย่างน้อยอีก 10 % และเพิ่มทุนจากเดิมใน 5 ปีที่ผ่านมาจะมีทั้งหมด 7 โครงการ 16 ทุนแต่เพิ่มเป็น 44 ทุนและยังเพิ่มจำนวนเงินเป็น 2 เท่า แบ่งเป็นสาขาวิทยาศาสตร์ 27 ทุน ทุนละ 4 หมื่นบาท จากเดิม 2 หมื่นบาท สาขาสังคมศาสตร์ 17 ทุน ทุนละ 3 หมื่นบาทจากเดิม 1.5 หมื่นบาท ซึ่งที่ประชุมมีมติเน้นเรื่องของการเพิ่มครูที่จะไปสอนเยาวชนทางภาคใต้
ดังนั้น คตส.จะประสานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อขอสำนวนทั้งหมดคืน จากนั้นคตส.จะขอความร่วมมือจากสภาทนายความ เพื่อขอทีมทนายมาร่วมร่างสำนวน เพื่อส่งฟ้องเอง โดยนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.จะลงนามในหนังสือภายในวันที่ 18 เม.ย.ส่วนจะส่งฟ้องคดีเร็วหรือไม่ขึ้นอยู่กับ อัยการสูงสุดจะส่งสำนวนเอกสารคืนคตส.เมื่อใด
ชงคดีซีทีเอ็กเข้าคตส.จันทร์นี้
โฆษก คตส.แถลงอีกว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายอำนวย ธันธรา กรรมการคตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ได้ขอลาการประชุม เพราะต้องเร่งดำเนินการสรุปสำนวนในคดีดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเข้าเสนอในที่ประชุมใหญ่ คตส.เพื่อพิจารณาได้ในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย. นี้ ทั้งนี้คณะอนุกรรมการไต่สวน จะประชุมตรวจสอบความเรียบร้อย ของสำนวนในวันที่ 18 เม.ย. เวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงหรือไม่ว่าสำนวนสรุปคำฟ้องจะรั่วไหล นายสัก กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ แต่ตามหลักการ ต้องเข้าใจว่าไม่รั่วไหล เมื่อถามย้ำว่า กรณีการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหามีอัยการสูงสุดร่วมอยู่ด้วย จะทำอย่างไร นายสัก กล่าวว่า ตามมาตรา 97 ของกฎหมาย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ระบุว่าในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นอัยการสูงสุด ทาง ป.ป.ช.ไม่จำเป็นต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดดำเนินการ แต่ป.ป.ช.สามารถ ส่งฟ้องได้เองต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้ถือว่าเป็นสำนวนของศาล ซึ่งไม่ต้องไต่สวนสำนวนมูลฟ้องใหม่
ข้อแก้ตัว “ทักษิณ-สุริยะ”ฟังไม่ขึ้น
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการปรับปรุงระบบสายพาน ลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด(ซีทีเอ็กซ์9000) เปิดเผยว่าในวันที่18 เม.ย.อนุกรรมการจะประชุมเพื่อสรุปสำนวนไต่สวนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุม คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิด ความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ชุดใหญ่พิจารณาในวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.นี้ ซึ่งอนุกรรมการได้สรุปความ เสียหายจากการว่าจ้างให้กิจการร่วมค้าไอทีโอ เข้ามาติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดในราคาที่สูงเกินจริงกว่า 1.7 พันล้านบาท ขณะที่การทำสัญญาซื้อตรงเครื่องซีทีเอ็กซ์ระหว่างบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) กับบริษัท จีอีอินวิชั่น เทคโนโลยี ของประเทศ สหรัฐอเมริกา ก็เป็นเพียงการทำสัญญาในลักษณะนิติกรรมอำพราง ทำให้ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) ซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์สูงเกินราคาเป็นจริง
“จากการพิจารณาคำแก้ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่โต้แย้งว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่มีอำนาจเข้าไปสั่งการ ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างใน บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) นั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ แล้วพบว่า รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าไปใช้อำนาจสั่งการใน บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) ตั้งแต่ปี 2544 ไม่ว่าจะเป็นการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(กทภ.) โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณเป็นประธาน จากเดิมที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลักฐานสำคัญอีกประการที่จะแสดงให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีส่วนเกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคดีนี้คือ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นชอบให้ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) เสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม..)อนุมัติให้ว่าจ้างกลุ่มไอทีโอเข้ามาก่อสร้าง อาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2544 ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) สามารถอนุมัติได้โดยตรง โดยไม่ต้องเสนอให้ครม.เห็นชอบ
“ในปี 2544 บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด หนึ่งในบริษัทร่วมทุน ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ คณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) จึงเห็นว่าไม่สามารถเข้าประมูลงานและทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ เพราะมีฐานะไม่มั่นคง บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) จึงเสนอเรื่องให้ครม. เห็นชอบให้ว่าจ้างกลุ่มไอทีโอ เข้ามารับงานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร เมื่อ ครม.เห็นชอบแล้ว บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) ก็นำเรื่องให้คณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งใหม่(บทม.) อนุมัติ ก่อนที่จะมีการทำสัญญาว่าจ้างกลุ่มไอทีโออย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการทำสัญญาโดยมิชอบ ดังนั้นการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสุริยะ อ้างว่าไม่มีอำนาจเข้าไปกำกับดูแลหรือสั่งการใดๆ จึงไม่เป็นความจริง” แหล่งข่าวกล่าว
“สมชาย-ชัยเกษม”ติดรากแหซีทีเอ็กซ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวประกอบด้วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และอดีตประธานบอร์ด ทอท. พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งอาจมีปัญหาต้องหลุดจากเก้าอี้ใน ครม.หลัง คตส.ส่งฟ้องศาลอาญาฯ เหมือนนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในคดีหวยบนดิน
นอกจากนี้ยังมี นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด ในฐานะอดีตบอร์ดทอท.สมัยเป็นรองอัยการสูงสุด พล.อ.สมชัย สมประสงค์ พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ อดีตรอง ผบ.ตร. นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และปัจจุบันเป็นประธานบอร์ดบริษัท ทอท.ซึ่งก่อนหน้านี้ถูก คตส.ส่งฟ้องคดีหวยบนดินด้วย นายอดิเทพ นาคะวิสุทธิ์ ประธานคณะกรรมการต่อรองราคางานจ้างออกแบบและปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิ นายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อิตาเลี่ยน-ไทย นักธุรกิจรายใหญ่เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างและเศรษฐีหุ้นอันดับต้นๆของเมืองไทย และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือเสี่ยเช ผู้บริหารบริษัท แพทริออต
ส่วนคนที่หลุดในชั้นการส่งฟ้องคือนายวิชัย จึงรักเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากสามารถชี้แจงในชั้นไต่สวนได้เพราะได้เข้าไปเป็นบอร์ด ทอท.ในโควต้าของกระทรวงการคลังและได้เข้าประชุมบอร์ดทอท. เพียงครั้งเดียว โดยไม่รู้เรื่องการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์มาตั้งแต่ต้น
“สัก”ชี้ “ทักษิณ”พร่ามมั่ว
นายสัก ก่อแสงเรื่อง ยังกล่าว ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ได้วางแผนที่จะจัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนภาคเอกชน (private equity fund) มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ราว 155,000 ล้านบาท ขึ้นมาเพื่อลงทุนในบริษัทต่างๆ ในเอเชีย หากได้เงินที่ คตส. อายัดไว้ จากข้อกล่าวหาว่าทุจริตประพฤติมิชอบกลับคืนมาว่า ไม่แน่ใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุถึงเงินส่วนไหนที่ถูก คตส. อายัดไว้ เพราะเงินที่ คตส. อายัดไว้ขณะนี้ เป็นเงินที่คนใน ครอบครัวชินวัตร ได้รับการจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ชินคอร์ป จำนวน 7.3 หมื่นล้าน ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก
“การที่คุณทักษิณ พูดว่าถ้าได้เงินคืน ผมไม่รู้เขาหมายความว่าอย่างไร หมายความว่า เป็นเจ้าของเงินเองหรือเปล่า เพราะเงินส่วนนี้เป็นเงินที่ได้จากการขาย หุ้นชินคอร์ป ถ้าความหมายเป็นอย่างนั้น ก็แสดงว่าเขาเป็นเจ้าของหุ้นเองนะซิ” นายสักกล่าว
นายสัก กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ คงเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ในการเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง ที่มีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการคตส. เป็นประธาน ที่รับผิดชอบเรื่องการซุกหุ้นภาค 2 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร
ระบุคตส.อายัดเงิน “ทักษิณ”แค่5ร้อยล้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าจะใช้เงินที่ถูกอายัดมาตั้งมูลนิธิ นายสัก กล่าวว่า ในที่ประชุม คตส.ไม่มีการหารือกันในเรื่องนี้ แต่ตนได้ดูตัวเลขที่ คตส.ได้สั่งอายัดตามมติของ คตส.พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มียอดที่ถูกอายัดอยู่เพียง 548,587,514.56 บาท ส่วนที่เหลืออยู่อีก 7 หมื่นกว่าล้าน เป็นเงินของคนในครอบครัวชินวัตร
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ข่าวดังกล่าว เป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อ คตส.หรือไม่ เพราะอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวมาช่วยชาติ โฆษก คตส. กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าความหมายของท่านคืออะไร ส่วนจะเอาไปตั้งมูลนิธิเท่าไหร่นั้นไม่ทราบ ทราบแต่ว่า ท่านมีเงินที่ถูก คตส.อายัดเพียง 548 ล้านบาทเท่านั้น
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการคตส. ในฐานะคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการ เอื้อประโยชน์ ให้แก่ธุรกิจตนเองและพวกพ้องกล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้คงให้ความเห็น ไม่ได้ เนื่องจากสับสนกับข้อมูลที่เกิดขึ้น เพราะในช่วงที่ คตส.เปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้แจงข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็บอกว่าไม่ใช่เจ้าของเงิน เพราะได้โอนขายให้ลูก ไปหมดแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลไหนถูกต้องกันแน่
++++++++
เลิกกฎอัยการศึกทั่วปท.
เว้น3จังหวัดชายแดนใต้
ผู้จัดการรายวัน - สมช.ยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศ ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนใต้ กับอีก 5 อำเภอในจ.สงขลา อ้างมีกม.ความมั่นคงฯฉบับใหม่ดำเนินการอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เตรียมประชุม ครม.นัดพิเศษวันนี้เพื่อพิจารณาต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อีก 3 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาบว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (17 เม.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ภายหลังการประชุม นายสมัคร แถลงว่า ที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศ 179 อำเภอ ใน 31 จังหวัด ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับอีก 5 อำเภอ ในจ.สงขลา ส่วนการดำเนินการของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) หากจะเข้าไปดูพื้นที่ใดเป็นพิเศษสามารถนำกฎหมายความมั่นคงภายในที่ออกมาใหม่ และประกาศใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ไปใช้ทดแทนกฎอัยการศึกได้
“เหุตผลที่ยกเลิกเพราะมันมีกฎหมายใหม่มาทดแทนได้ แต่ว่าไม่ได้มาทดแทนทั้งหมด เขาจะใช้ในบางพื้นที่ เช่นบริเวณจังหวัดชายแดนอื่นๆ เขาจะพิจารณาใช้กฎหมายอื่นตามสมควร ตามชายแดนที่มีปัญหา ไม่ใช่มาใช้กฎอัยการศึกคลุมทั่วประเทศ จะใช้บางกรณีที่ปราบปรา มยาเสพติดตรงนั้นตรงนี้มุมนั้นมุมนี้เท่านั้นเอง”
นายสมัคร กล่าวอีกว่า วันนี้(18เม.ย.)เวลา 09.00 น. จะมีการประชุมครม. เป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 30 นาที เพื่อพิจารณาวาระเดียวคือการต่ออายุ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายได้ภาคใต้ ต่อไปอีก 3 เดือน เนื่องจากจะหมดอายุในวันที่ 19 เม.ย.นี้
ด้าน พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง เพิ่มเติมว่า ในการให้ต่อายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นที่ประชุมเห็นควรให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป เนื่องจากจะเพิ่มขีดความ สามารถในการสืบสวนสอบสวน รวบรวม พยายานหลักฐานของเจ้าหน้าในการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษในชั้นศาล จึงเห็นควรให้มีการขยายระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.-19 ก.ค.2551 แต่จำเป็น ต้องใช้มติครม.จึงต้องมีการประชุมในวันนี้ (18 เม.ย.)
พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่าสำหรับการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ที่ประขุม สมช. มีมติให้ยกเลิกอัยการศึกทุกพื้นที่ ยกเว้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 5 อำเภอในจังหวัดสงขลาประกอบด้วย อ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย อ.นาทวี และอ.สะเดา แต่ในส่วนของจังหวัดอื่นให้กอ.รมน.และกองทัพบกไปพิจารณาในรายละเอียดและนำเสนอต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังพิจารณาเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงาน โครงการจัดส่งนักศึกษาไทยที่นับถือศาสนาอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยต่างๆ อีก 5 ปี ระหว่างปี 2552-2556 เพื่อยกระดับการศึกษาของเยาวชนไทยมุสลิมที่ด้อยโอกาสให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นโครงการเพื่อแก้ปัญหาด้านสังคมจิตวาในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยเพิ่มบุคคลกรอาชีพครูอย่างน้อยอีก 10 % และเพิ่มทุนจากเดิมใน 5 ปีที่ผ่านมาจะมีทั้งหมด 7 โครงการ 16 ทุนแต่เพิ่มเป็น 44 ทุนและยังเพิ่มจำนวนเงินเป็น 2 เท่า แบ่งเป็นสาขาวิทยาศาสตร์ 27 ทุน ทุนละ 4 หมื่นบาท จากเดิม 2 หมื่นบาท สาขาสังคมศาสตร์ 17 ทุน ทุนละ 3 หมื่นบาทจากเดิม 1.5 หมื่นบาท ซึ่งที่ประชุมมีมติเน้นเรื่องของการเพิ่มครูที่จะไปสอนเยาวชนทางภาคใต้