ปัตตานี - กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคใต้ตอนล่างชวนนายกฯสมัคร มาชิมไปบ่นไป 3จังหวัดชายแดนใต้ หนุนอาหารฮาลาลให้เกิดในตลาดโลกอย่างจริงจัง พร้อมด้วยการแก้ปัญหาความไม่สงบให้นักท่องเที่ยวกว่า 1.4 แสนคน ที่หายไปกลับคืนมาโดยเร็ว
นายอับดุลอายิ อาแวสือแม กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคใต้ตอนล่าง และสมาชิกสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. และอดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจ.นราธิวาส เปิดแผยถึงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ต่อการแก้ปัญหาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ว่า ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีมีความเชี่ยวชาญเรื่องอาหาร ภาคเอกชนจึงอยากให้นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดันพัฒนาอาหารฮาลาลชายแดนภาคใต้ส่งออกสู่ตลาดมุสลิมโลกอย่างจริงจัง เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนภาคธุรกิจในพื้นที่
ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านมายังติดขัดในเรื่องของมาตรฐานการผลิต รวมถึงการตลาดที่ดี ทางภาคเอกชนอยากเชิญชวนให้นายสมัคร ลงพื้นที่มาชิมไปบ่นไปใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อชิมรสชาติฝีมืออาหารมุสลิมที่นี่ ซึ่งบางคนเคยเป็นกุ๊กที่ตะวันออกกลางมาก่อน และได้รับการยอมรับจากมุสลิมทั่วโลก อันจะเห็นได้จากในช่วงแสวงบุญที่เมืองเมกกะฮ์ ผู้แสวงบุญต่างถามหาร้านอาหารที่มีกุ๊กเป็นชาวชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งการเดินทางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเพื่อมาชิมไปบ่นไป ก็จะเป็นการสนับสนุนอาหารฮาลาลและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย
กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคใต้ตอนล่างกล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความรุนแรงนั้น ความหวังก็อยู่ที่รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะต้องใช้ฝีมืออย่างมาก เพราะที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนได้นำอาวุธ นำกำลังทหารเข้ามาในพื้นที่จำนวนมากแล้วแต่สถานการณ์ก็ยังไม่สงบ รัฐบาลชุดใหม่ก็จะต้องใช้ความสามารถว่าจะทำอย่างไรในการแก้ปัญหานี้
ในด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างความสงบสุขให้เกิดในพื้นที่เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจเข้ามายังพื้นที่ ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งเสื่อมโทรมขาดการดูแลจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
ที่สำคัญ นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องเร่งทำความเข้าใจกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ประมาณ 140,000 คนในปี 2546 ก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียมั่นใจ ในการเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น จากปัจจุบันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียแทบจะเหลือศูนย์
นายอับดุลอายิ อาแวสือแม กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคใต้ตอนล่าง และสมาชิกสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. และอดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจ.นราธิวาส เปิดแผยถึงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ต่อการแก้ปัญหาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ว่า ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีมีความเชี่ยวชาญเรื่องอาหาร ภาคเอกชนจึงอยากให้นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดันพัฒนาอาหารฮาลาลชายแดนภาคใต้ส่งออกสู่ตลาดมุสลิมโลกอย่างจริงจัง เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนภาคธุรกิจในพื้นที่
ทั้งนี้ เพราะที่ผ่านมายังติดขัดในเรื่องของมาตรฐานการผลิต รวมถึงการตลาดที่ดี ทางภาคเอกชนอยากเชิญชวนให้นายสมัคร ลงพื้นที่มาชิมไปบ่นไปใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อชิมรสชาติฝีมืออาหารมุสลิมที่นี่ ซึ่งบางคนเคยเป็นกุ๊กที่ตะวันออกกลางมาก่อน และได้รับการยอมรับจากมุสลิมทั่วโลก อันจะเห็นได้จากในช่วงแสวงบุญที่เมืองเมกกะฮ์ ผู้แสวงบุญต่างถามหาร้านอาหารที่มีกุ๊กเป็นชาวชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งการเดินทางลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีเพื่อมาชิมไปบ่นไป ก็จะเป็นการสนับสนุนอาหารฮาลาลและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย
กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคใต้ตอนล่างกล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความรุนแรงนั้น ความหวังก็อยู่ที่รัฐบาลใหม่ ซึ่งจะต้องใช้ฝีมืออย่างมาก เพราะที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนได้นำอาวุธ นำกำลังทหารเข้ามาในพื้นที่จำนวนมากแล้วแต่สถานการณ์ก็ยังไม่สงบ รัฐบาลชุดใหม่ก็จะต้องใช้ความสามารถว่าจะทำอย่างไรในการแก้ปัญหานี้
ในด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างความสงบสุขให้เกิดในพื้นที่เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจเข้ามายังพื้นที่ ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งเสื่อมโทรมขาดการดูแลจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
ที่สำคัญ นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องเร่งทำความเข้าใจกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ประมาณ 140,000 คนในปี 2546 ก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียมั่นใจ ในการเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น จากปัจจุบันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียแทบจะเหลือศูนย์