xs
xsm
sm
md
lg

ปีทองหุ้นกลุ่มเกษตร ราคา"PRG"พุ่ง120%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ปีทองกลุ่มธุรกิจการเกษตร ตั้งแต่ต้นปีดัชนีกลุ่มบวกแล้ว 3.51% นำโด่งโดย "ปทุมไรซมิลฯ" ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วเกือบ 120% ทิ้งห่างอันดับสอง "จีเอฟพีที" เพิ่มขึ้นแค่ 49% ขณะที่ CPF ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 4.35% ปิดที่ 4.80 บาท ด้านโบรกเกอร์ ชี้ได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แนะ PRG มีโอกาสทำกำไรอีกแค่ 10%

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างได้รับผลดีจากปริมาณความต้องการจากทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมาตรการของรัฐบาลที่พยายามผลักดันคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรของไทย เพื่อพัฒนาสู่การส่งออกมากขึ้น ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยปรับพอร์ตการลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธุรกิจการเกษตรมากขึ้น

ผู้จัดการรายวัน ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 16 เมษายน 51 ปรากฏว่า ดัชนีกลุ่มปรับเพิ่มขึ้น 3.51% ปิดที่ 135.67 จุด จาก 131.07 จุด โดยขึ้นไปสูงสุดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 51 ที่ 135.67 จุด และลดลงต่ำสุดเมื่อวันที่ 24 มกราคม 51 ที่ 120.73 จุด มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 22,046.05 ล้านบาท

ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารแบ่งออกเป็น 2 หมวด คือ หมวดธุรกิจการเกษตร และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับหมวดธุรกิจการเกษตรนั้น หลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) หรือ PRG ราคาปิดที่ 62.00 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 33.75 บาท คิดเป็น 119.47% จาก 28.25 บาท (ตารางประกอบข่าว)

บมจ.จีเอฟพีที หรือ GFPT ปิดที่ 18.30 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 6.00 บาท คิดเป็น 48.78% จาก 12.30 บาท บมจ.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม หรือ UVAN ปิดที่ 68.00 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 16.00 บาท คิดเป็น 30.77% จาก 52.00 บาท บมจ.บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม หรือ UPOIC ปิดที่ 77.50 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 13.50 บาท คิดเป็น 21.09% จาก 64.00 บาท และบมจ.ห้องเย็นโชติวัฒน์หาดใหญ่ หรือ CHOTI ปิดที่ 100.00 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 17.00 บาท คิดเป็น 20.48% จาก 83.00 บาท

ขณะที่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF ราคาปิดที่ 4.80 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.20 บาท คิดเป็น 4.35% จาก 4.60 บาท

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไซรัส กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 51 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือพืชพลังงานทดแทน ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในกลุ่มกลุ่มธุรกิจการเกษตรมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทได้ประเมินหลักทรัพย์รายตัวดังนี้ หุ้น PRG จะได้รับประโยชน์จากราคาข้าวที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจทำข้าวถุงขายโดยตรง ได้แก่ ข้าวมาบุญครอง ขณะที่เมื่อปีที่แล้วขายในประเทศ 82% ส่งออก 18% โดยปีนี้แนวโน้มขายในประเทศมากขึ้น คาดช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ผลการดำเนินงานจะออกมาดีต่อเนื่อง ด้านราคาหุ้นมีโอกาสวิ่งขึ้นไปถึง 70 บาท มี upside ประมาณ 10% แต่ตัวหุ้น PRG ไม่ค่อยมีสภาพคล่องมากนัก

หุ้น GFPT แม้จะได้รับปัจจัยบวกจากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมารับรู้ปัจจัยบวกมากแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าราคา ณ ขณะนี้ที่ 18.30 บาทแพงเกินไป จึงปรับพอร์ตไปลงทุนหุ้น CPF แทนดูจะเหมาะสมกว่า ซึ่งราคาปัจจุบันอยู่ที่ 4.80 บาท

ส่วนหุ้น UVAN มีข้อดีกว่าหุ้นตัวอื่นในธุรกิจผลิตน้ำมันปาล์ม เนื่องจากมีความสามารถในการเลือกขายสินค้าได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เมื่อราคาขายในประเทศสูงกว่าต่างประเทศก็ขายในประเทศมากกว่าส่งออกไปขายต่างประเทศ แตกต่างจาก UPOIC ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น บมจ.ล่ำสูง (ประเทศไทย) ทำให้การขายสินค้าจะขายให้แก่บมจ.ล่ำสูงเป็นหลักหรือขายในประเทศนั้นเอง สำหรับราคาของหุ้น UVAN มองว่ายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้สัก 1-2 บาท โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 70 บาท แต่เป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง

ด้านบทวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า UVAN จะมีผลการดำเนินงานที่ดี คาดว่ากำไรสุทธิปี 51 จะอยู่ที่ 681 ล้านบาท หรือเติบโต 35% เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่อง และปริมาณการผลิตปาล์มที่เพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามีผลผลิตต่อไร่ประมาณ 2.9 ตัน และคาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เป็น 3.2 ตันต่อไร่ รวมทั้งยังมีความต้องการไบโอดีเซล B2 ที่จะทำให้ความต้องการน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศเพิ่มขึ้นว่าราคาน้ำมันปาล์มเฉลี่ยปีนี้ที่จะอยู่ในระดับสูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการพลังงานทดแทนจากพืชที่เพิ่มขึ้น และปริมาณผลผลิตปาล์มต่อไร่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10%

ขณะเดียวกัน ความต้องการน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ภายในประเทศ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการบังคับใช้ไบโอดีเซล B2 ที่จะทำให้ปริมาณอุปสงค์-อุปทานปาล์มน้ำมันของไทยตึงตัวในปีนี้ ดังนั้นมาตรการห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มของรัฐบาลจึงไม่น่าส่งผลกระทบต่อราคาและยอดขายในปีนี้ อย่างไรก็ตามการเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเทศของ UVAN อาจจะกระทบต้นทุนค่าขนส่ง เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น โดยแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 80 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น