xs
xsm
sm
md
lg

อย่าแก้รัฐธรรมนูญด้วยวิธีถ่อย

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

พรรคพลังประชาชนประกาศแล้วครับว่า จะแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็ว โดยจะพิจารณาวาระแรกภายใน 1 เดือน และพิจารณาวาระ 2-3 ให้เสร็จภายในเดือนมิถุนายน

นับเป็นวิธีการเขียนรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่เร็วที่สุดในโลก

พูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือ พรรคพลังประชาชนจะฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ทิ้ง เขียนรัฐธรรมนูญที่ตัวเองต้องการขึ้นมาใหม่ แล้วจะเขียนรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไรก็ได้ด้วยเสียงข้างมากลากไป โดยที่ไม่ต้องรับฟังความเห็นจากประชาชน อันเป็นหลักการพื้นฐานในการร่างรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย

เพ็ญ จักรภพ ที่ชอบยกหางตัวเองว่า เป็นนักประชาธิปไตย อ้างว่า ที่ต้องดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไม่รีรอเพราะได้ถามความเห็นของประชาชนมามากแล้ว

ทำให้ผมอยากจะฟังทัศนคตินักประชาธิปไตย นักวิชาการที่คัดค้านการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญด้วยเผด็จการทหารว่า มีความเห็นต่อการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญด้วยเผด็จการรัฐสภาอย่างไร เพราะการใช้เสียงข้างมากล้มล้างรัฐธรรมนูญน่าจะไม่ชอบด้วยหลักประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน

อย่าลืมนะครับว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ที่รัฐบาลโดยพรรคพลังประชาชนประกาศฉีกทิ้งนั้น เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกในประเทศไทยที่ผ่านการลงมติด้วยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนชาวไทย เป็นการลงมติที่ฝ่ายต่อต้านออกมารณรงค์อย่างเข้มแข็งเพียงฝ่ายเดียวให้ประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในขณะที่ฝ่ายจัดทำร่างรัฐธรรมนูญได้แต่เรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ

สุดท้ายประชาชนกว่า 14 ล้านคนลงมติ “รับ” ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และ “ไม่รับ” ร่างประมาณ 10 ล้านคน

แต่วันนี้กลับมีเสียงของพรรคพลังประชาชนอ้างว่าที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเพราะมีคนไม่รับร่างมากถึง 10 ล้านคน ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ตลกที่สุดในโลก เพราะถ้าใช้กติกาในระบอบประชาธิปไตยแล้วยังมาอ้างกันแบบนั้น ก็ไม่มีวันที่เรื่องไหนที่มาจากเสียงส่วนใหญ่จะถูกบังคับใช้ได้ แม้แต่พรรคพลังประชาชนก็ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ เพราะมีคนเลือกแค่ 12 ล้านคน แต่ไม่เลือก 20 ล้านคน

และต่อให้เอาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นทุกพรรคมารวมกับเสียงที่เลือกพรรคพลังประชาชน รัฐบาลทั้งคณะก็ไม่มีคนเลือกถึง 12 ล้านคน เท่ากับคะแนนเสียงที่ประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ดี

แต่ในระบอบประชาธิปไตยไม่มีใครในโลกที่เขาอ้างล้มประชามติของประชาชนกันแบบนั้นหรอกครับ เพราะกติกาของระบอบประชาธิปไตยก็คือ การเคารพเสียงส่วนใหญ่

หากจะถามว่ารัฐธรรมนูญแก้ได้หรือไม่ คำตอบก็คือ แก้ได้ครับ แต่ต้องถามกลับว่า แก้เพื่ออะไร อย่ามาอ้างว่า แก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เพราะผู้ร่างรัฐธรรมนูญมีที่มาจากการรัฐประหารนะครับ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกทำให้เป็นประชาธิปไตยแล้วโดยการขอประชามติเห็นชอบจากประชาชน

แล้วสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ การประกาศฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มาจากการลงประชามติของคนไทย 14 ล้านคน ของพรรคพลังประชาชนนั้นมีจุดประสงค์เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง เพื่อหลีกหนีคดีความที่ทำผิดตามมาตรา 237 ที่อาจนำไปสู่สาเหตุการยุบพรรค และยกเลิกมาตรา 309 เพื่อที่จะลบล้างคำสั่งของ คมช.ล้มกระดานคณะกรรมการ คตส.ที่กำลังตรวจสอบการทุจริตของทักษิณและพรรคพวกในระบอบทักษิณ

ถามว่า ถ้านักการเมืองกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญแล้ว ไม่ยอมให้มีกระบวนการตรวจสอบการกระทำผิดตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง หรือศาลรัฐธรรมนูญนั้นถือว่า เป็นการใช้อำนาจบริหารและนิติบัญญัติก้าวก่ายอำนาจตุลาการหรือไม่ เป็นการใช้เผด็จการรัฐสภาแทรกแซงไม่ให้กระบวนการยุติธรรมทำงานได้ใช่หรือไม่ แล้วรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้หรือไม่

มาตรา 122 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่บัญญัติว่า “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์”

การประกาศว่า จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับเกิดขึ้นภายหลังจากที่เกิดกระแสต่อต้านว่า เป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างความผิดของตัวเองเท่านั้น ทั้งวิธีการแก้ที่พรรคพลังประชาชนประกาศออกมาก็ยังเหมือนเดิมคือ เร่งรัดแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อพรรคของตัวเองที่กำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายจะได้พ้นผิด เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามมาตรา 122 ใช่หรือไม่

แน่นอนว่า พรรคพลังประชาชนจะต้องดื้อดึงเร่งรัดแก้ไขฆาตกรรมอำพรางรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงประชาชน ซึ่งต้องถามว่า ประชาชนจะยินยอมให้พรรคพลังประชาชนใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมเช่นนั้นหรือไม่

เพราะคำประกาศแก้รัฐธรรมนูญอย่างเร่งด่วนรวบรัดของพรรคพลังประชาชนครั้งนี้ตรงกับที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้แถลงเอาไว้แล้วว่าคือ การรัฐประหารเงียบนั่นเอง

และแม้ว่าการกระทำเยี่ยงนี้จะขัดกับหลักการความชอบธรรม หลักการของกฎหมาย และหลักการในระบอบประชาธิปไตย เราก็คงไม่อาจคาดหวังว่า พวกเขาจะมีสำนึก เพราะเราเห็นแล้วว่าคนหลายคนในพรรคการเมืองพรรคนี้ ไม่อาจแยกแยะความผิดชอบชั่วดีได้เลย ไม่มีหิริโอตตัปปะ ไม่มีคุณธรรมในการเป็นผู้นำตามหลักธรรมาภิบาล

ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศก็มีแต่การแบ่งปันผลประโยชน์กันในหมู่พรรคพวกตัวเอง ทำลายล้างกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้าม รังแกโยกย้ายข้าราชการที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ตั้งคนที่ไม่มีความสามารถเข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจเพื่อตอบแทนความภักดี ปกป้องพรรคพวกตัวเองที่กระทำผิด แม้แต่เรื่องจริยธรรมขั้นพื้นฐานในการแสดงพฤติกรรม กิริยาและวาจาของส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภา

ยึดช่อง 11 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ของรัฐแล้วแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับพรรคพวกของตัวเองเข้าไปหากิน บางวันก็มีการสั่งการให้ไปถ่ายทอดสดที่จัดขึ้นโดยกลุ่ม นปก.บางวันก็สั่งให้ถ่ายทอดสดการแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือของอดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังถูกสอบสวนข้อหาทุจริตคอร์รัปชัน เปิดให้ถ่ายทอดสดการปาฐกถาเป็นชั่วโมง

รัฐมนตรีกระทำความผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้วถูกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญชี้มูลความผิดก็ปกป้องว่า รัฐมนตรีของตัวเองไม่ผิด แต่กฎหมายผิด

ใช่ไหมว่า สังคมเรียกคนทำผิดแล้วไม่รู้ว่าตัวเองผิดว่า “คนถ่อย” ลองคิดดูว่า พฤติกรรมคนที่กำลังปกครองบ้านปกครองเมืองนั้นเป็นอย่างไร

แต่วันนี้ คนเหล่านี้กำลังอ้างสิทธิในการเป็นเสียงข้างมากว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง แล้วจะทำอะไรก็ได้แม้แต่ ล้มล้างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชามติของประชาชน โดยไม่สอบถามความเห็นของประชาชน โดยรวบรัดตัดตอน เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด แต่อ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

อยากถามว่า พฤติกรรมของพรรคพลังประชาชนเยี่ยงนี้กับเผด็จการทหาร (ซึ่งเข้ามาล้มล้างรัฐบาลฉ้อฉล) อย่างไหนชั่วช้ากว่ากัน
กำลังโหลดความคิดเห็น