ครป.อัด “พลังแม้ว” เห็นแก่ตัวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหวังนิรโทษให้ตัวเอง รู้ทันเล่ห์แค่ตัดตอนก่อนคดียุบพรรคจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ย้ำหากมีการแก้ไขต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมไม่ใช่ให้พรรคร่วมฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาสุมหัวกันดำเนินการ แฉเกมรื้อช่อง 11 เป็นแค่เอื้อประโยชน์ให้เครือข่าย “ระบอบทักษิณ” ด้าน “สุริยะใส” ย้ำพันธมิตรฯ ถก 28 มี.ค.ไม่ใช่ชุมนุม
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการรณณณงค์เพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชาชน เตรียมแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 237 เพื่อปลดล็อกการยุบพรรคก่อนที่เรื่องจะไปถึงตุลาการรัฐธรรมนูญว่า ที่ผ่านมา ครป.ได้ประกาศจุดยืนรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ด้วยเหตุผลที่เห็นว่า ในภาพรวมของรัฐธรรมนูญเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ และมีความก้าวในหลายๆประเด็น โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมกระบวนการตรวจสอบอำนาจรัฐที่เปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนมากขึ้นแม้ว่า จะมีบางเรื่องบางประเด็นที่ ครป.ไม่เห็นด้วย เช่น ที่มาของ ส.ว.ระบบเลือกตั้ง หรือบทบาทของตุลาการ อย่างไรก็ดี ครป.เห็นว่ายังความจำเป็นที่จะต้องใช้จังหวะเวลาและโอกาสมที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงและทบทวนในบางมาตรา
“การประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนสะท้อนความเห็นแก่ตัวยึดเอาประโยชน์ของนักการเมืองเป็นตัวตั้ง ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพยายามจะแก้ไขมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่ระบุความผิดถึงขั้นยุบพรรค ในกรณีที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นมีพฤติกรรมทุจริตเลือก ถือเป็นการนิรโทษกรรมล่วงหน้าใก้กับผู้ทุจริตเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ครป.คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้าปล่อยให้มีการแก้ไขโดยผู้มีส่วนได้เสียจะทำให้ไม่ได้รับการยอมรับ ในที่สุดอาจเกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤตรัฐธรรมนูญได้” เลขาธิการฯ ครป.กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องไม่ลืมว่า รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 มาจากกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายและในขั้นตอนสุดท้ายยังมีการลงประชามติจากประชาชนทั้งประเทศ หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องไม่ถือเอาเสียงข้างมากในสภาเท่านั้น ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาฯ กำลังตกเป็นผู้ต้องหาตามรัฐธรรมนูญ
“แนวคิดในการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาล และพรรคร่วม สะท้อนให้เห็นถึงการไม่เคารพกติกา ไม่รับผิดชอบต่อพฤติกรรมความผิดของตัวเอง โดยเฉพาะการที่กรรมการบริหารพรรคทุจริตเลือกตั้งนั้น หากข้อเท็จจริงเป็นการกระทำของบุคคลหรือเป็นเรื่องส่วนตัว พรรคการเมืองก็ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การฉวยโอกาสตัดตอนกระบวนการยุติธรรมด้วยการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนิรโทษกรรมให้ตัวเอง หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงการพยายามเขียนกติกาใหม่เพื่อให้นายสมัคร สุนทรเวช อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 ปี ตามที่ประกาศไว้เท่านั้น” นายสุริยะใส กล่าว
เลขาธิการ ครป.ย้ำว่า เสถียรภาพและความเชื่อมั่นของรัฐบาลนั้น ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ผลงานและพฤติกรรมการบริหารงานเป็นสำคัญ ดังนั้น รัฐบาลต้องพูดความจริงกับประชาชนว่า กำลังเผชิญกับวิฤติกี่เรื่อง โดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาข้าวยากหมากแพง เพื่อให้ประชาชนอยู่กับความจริง ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อรายวัน แต่ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ ซ้ำร้ายยังโยนบาปให้รัฐธรรมนูญ ถือเป็นวิธีคิดที่ไม่รับผิดชอบ
นอกจากนี้ นายสุริยะใส ในฐานะผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ในวันพุธที่ 26 มี.ค.นี้ พันธมิตรฯ จะประชุมหารือกันเป็นกรณีเร่งด่วนซึ่งมีเซอร์ไพรส์แน่นอน และจะจัดสัมมนาประชาชนในวันที่ 28 มี.ค.ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อกำหนดท่าทีต่อการรื้อรัฐธรรมนูญของรัฐบาล และเพียงเพื่อสื่อสารกับประชาชน ซึ่งในขณะนี้ลงตัวและพร้อมเต็มที่ โดยขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ใช่การชุมนุมกดดัน หรือเดินขบวนขับไล่รัฐบาล แต่ต้องการสะท้อนความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงานของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบเท่านั้น โดยจะเป็นการจัดกิจกรรมวันเดียวให้จบ ไม่ยืดเยื้อหรือมีวาระซ่อนเร้น หลัง 23.00 น.จะยุติประชุมอย่างแน่นอน
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดต้องการปฏิรูป สถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 ว่า ขณะนี้ ครป.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากพนักงานในช่อง 11 หลายคนถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงในสถานี ได้เกิดความไม่ชอบมาพากล แต่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูลเอกสารที่มีได้รับมา หากจำเป็นจะต้องเปิดเผย ก็จะต้องดำเนินการ ซึ่งข้อมูลเอกสาร ระบุว่า ได้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนในเครือข่ายระบอบทักษิณ มีนักหนังสือพิมพ์ระดับบิ๊กเนม 2-3 คนที่เคยเป็นกลุ่มสื่อที่สนับสนุนระบอบทักษิณ ได้ไปตั้งบริษัทเพื่อเตรียมรับการผลิตรายการให้กับช่อง 11 นอกจากนี้ยังมีความพยายามจะยึดเอาคลื่นวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์เพื่อไปให้กับกลุ่มบริษัทเอกชนอีกด้วย ซึ่งรัฐมนตรีที่รับผิดชอบควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่า ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร
“ครป.ไม่คัดค้านการปรับปรุงปฏิรูปช่อง 11 แต่เป้าหมายกระบวนการต้องโปร่งใส ชัดเจน ยึดกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่รวบรัดตัดตอน เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับพรรคพวก หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในอนาคตช่อง 11 ในลักษณะแบบเล่นการเมือง ต่อไปอาจถูกรื้อซ้ำซาก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองที่เปลี่ยนหน้าเข้ามา ทำให้การปฏิรูปไม่เป็นจริง เป็นได้แค่เพียงเวทีการหาประโยชน์ของฝ่ายการเมืองเท่านั้น” เลขาธิการฯ ครป.กล่าวและว่า ครป.จะติดตามการเปลี่ยนแปลงในช่อง 11 อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ช่อง 11 กลายเป็นสมบัติส่วนตัวของเอกชน เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข่าวสารของรัฐบาล พร้อมจะเปิดรับข้อมูลเพิ่มเติมจากพนักงานในช่อง 11 หากเห็นว่า มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
/0110