xs
xsm
sm
md
lg

"แม้ว"วางมาดนักบุญ มุ่งพัฒนาเด็กเพื่อชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา10.00 น. วานนี้ (9 เม.ย.) ที่ห้องแกรนด์บอลรูมชั้น 2 โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานมูลนิธิไทยคม กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "อนาคตเด็กไทย อนาคตประเทศไทย" โดยมีนายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรชาย และบุตรสาว มาร่วมให้กำลังใจ และมีนักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยมาร่วมงาน รวมทั้ง นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม นายพงศกร อรรณนพพร รมช.ศึกษาธิการ ที่นำข้าราชการระดับสูงของกระทรวง เดินทางมารับฟังแนวทางจัดการด้านการศึกษา
นอกจากนี้ ยังมีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่อยู่ในบ้านเลขที่ 111 อาทิ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายเนวิน ชิดชอบ น.พ.สุชัย เจริญรัตกุล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นายประวิทย์ มาลีนนท์ ขณะที่เครือญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เดินทางมาอย่างหนาตาเช่นกัน อาทิ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ นางเยาวเรศ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะกรรมการมูลนิธิไทยคม นายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน
ทั้งนี้ผู้มาร่วมงานรวมทั้งสื่อมวลชน จะได้รับแจกหนังสือ "ทักษิณ ชินวัตร ปั้นเด็กไทยให้เรียนและรู้โลก คิดเป็นทำเป็น" โดยเนื้อหาเป็นการเรียบเรียงในลักษณะถามตอบ ซึ่งในหน้าที่ 35 มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองว่า "ท่านเคยบอกว่า คนรุ่นท่านมีหน้าที่จะต้องดูแลและบริหารบ้านเมืองให้แข็งแรงและสมบูรณ์ เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป วันนี้ท่านไม่ได้อยู่ในการเมืองแล้ว คิดว่าจะช่วยดูแลประเทศชาติเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปได้อย่างไร"
พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า"ผมรู้ว่ามีคนบางกลุ่ม บางคน ไม่ชอบวิธีคิดแบบผม เขาต้องการให้บ้านเมืองไปเรื่อยๆ การจะปรับจะเปลี่ยนบ้านเมือง บางคนอาจไม่เห็นด้วย ฉะนั้นวันนี้ผมก็ต้องถอยมา แล้วทำในส่วนที่จะพึงทำได้ เพราะการที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนทั้งประเทศมันไม่ง่าย แต่เราก็ทำตัวอย่างให้เห็น ถ้าใครเห็นดีเห็นงาม ก็ทำต่อไป"
ในหน้าที่ 36 มีคำถามว่า "ท่านประกาศวางมือทางการเมืองแล้วจะทุ่มเททำงานเรื่องสังคมและการศึกษา ท่านวางแผนที่จะทำเรื่องเหล่านี้อย่างไรบ้าง" โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า " ผมจะทำงานมูลนิธิ อย่างเช่นที่ผ่านมาก็ได้บริจาคเงินจำนวน 240 ล้านบาท ให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อก่อสร้างอาคารสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อใช้ในการต่อยอดเรื่องการเรียนการสอนตามนแนวทฤษฎีการเรียนรู้เพื่อการสร้างสรรค์ด้วยปัญญา นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังมีโครงการมอบทุนการศึกษา 2 โครงการ ได้แก่ โครงการต่อทุน หนุนฝัน และโคงการร้อยเรียงคำถวายพ่อ เพื่อต่อฝัน ให้กับเยาวชน ที่มีความสามารถทางด้านการแต่งกลอนสุภาพ
พ.ต.ท.ทักษิณ ปาฐกถาพิเศษ ว่า มูลนิธิไทยคม แม้ครอบครัวตนจะเป็นผู้ก่อตั้ง แต่ก็อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม วันนี้เข้าใจว่ามีเงินบริจาคเข้ามูลนิธิ 20 ล้านบาท เงินจำนวนนี้ ส่วนหนึ่งจะจัดเป็นทุนการศึกษาโดยครอบครัวตนจะสมทบอีก 1 พันล้านบาท อีกส่วนหนึ่งจะทำโครงการถวายสมเด็จพระเทพฯในการช่วยเหลือเด็กหูหนวก
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงประเทศ เพราะโลกเปลี่ยนไปมาก ก็มาคิดว่าควรจะหาทางเตรียมอนาคตของประเทศว่าควรทำเช่นใด ก็เขียนหนังสือว่า ถ้าเราไม่ลงทุนกับเด็กในวันนี้ ก็เท่ากับเราไม่ลงทุนกับอนาคต เพราะคนรุ่นเรากำลังรีไทร์ ฉะนั้นการเตรียมสร้างชาติ ต้องเตรียมตัวสร่างเด็กรุ่นใหม่
ปัจจุบันเด็กยุคเจเนอเรชั่น X คือ อายุ 25-35 ปี และเจเนอเรชั่น Y คือ 15-25 ปีนั้น ยังคิดไม่เป็น 2 เจเนอเรชั่นนี้สำคัญที่จะบอกว่า ข้างหน้านั้นประเทศจะเป็นเช่นใด หากคนใน 2 เจเนอเรชั่นนี้ไม่มีคุณภาพ ประเทศก็ไม่มีคุณภาพ
" ฉะนั้นควรสร้างคนรุ่นใหม่ที่คุณภาพเหนือกว่าเราจะดีกว่าไหม และสังคมไทยนั้นยังคิดไม่เป็น สังคมเรากลายเป็นสังคมกระแส ฉะนั้นต้องเน้น การศึกษาอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้เรื่องนี้กำลังมีปัญหา ประเทศเรายังไม่ยอมหลุดออกจากยุคโลกกำลังพัฒนา เพราะสอนกันแค่ว่า คนนี้ขันน็อตก็ทำหน้านี้เท่านั้น ต่างคนต่างทำ มันติดในวัฒนธรรมที่แก้ไม่หาย และเรื่องการใช้อำนาจ ที่พ่อแม่ดุลูกมากกว่าคุยกัน และอธิบายแสดงความเห็น ครูก็สั่งมากกว่าให้เด็กแสดงออก เด็กก็ไม่กล้าให้เหตุผล ฉะนั้นต้องเริ่มแก้"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตรงนี้น่าห่วง ตนมีความคิดว่า แนวทางการศึกษาที่จะนำคอมพิวเตอร์มาใช้กับเด็กในทุกหลังคาเรือนนั้น เพื่อให้สะดวกในการค้นหาข้อมูล ก้าวทันโลก อยากให้เด็กไทยมีความคิดเป็นอินเตอร์ จึงขอฝากกระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนระบบการศึกษาให้บูรณาการมากขึ้น ใช้เทคโนโลยีให้มาก ให้เด็กกล้าคิดกล้าแสดงออก เน้นการฝึกครูให้เข้ารับการฝึกฝน และครูควรเรียนรู้ร่วมกับเด็ก
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หลังถูกรัฐประหาร ตนใช้เวลาคิดนั่น คิดนี่ พอดีว่าปลัดกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบันตอนนั้นเป็นทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี ก็มาพบตนตามหน้าที่ โดยถือหนังสือหนึ่งเล่มมาด้วย ตนก็เอาไปอ่าน แล้วก็ได้ความคิดจากหนังสือว่า ตกงานเรื่องเล็ก ทำใจให้สบาย ไปหางานใหม่ดีกว่า เพราะหนังสือเล่มนี้บอกว่า ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าแม่ตายแล้ว ฉะนั้นมันควรปล่อยวางกับเพื่อนร่วมงานในเวลาที่เครียด ควรมีอารมณ์ขัน มีแผนการทำงาน มียุทธศาสตร์ ตนก็นำแนวคิดนี้มาใช้และตนก็สบายๆ ลูกๆของตนก็บอกว่า ตนไม่เครียดเลย และเดินทางไปทั่วโลกดูแนวทางทำมาหากิน เพื่อคิดว่าไทยนั้นควรจะหากินอย่างไร
"ขอชวนคนไทยบุกตลาดโลก เพราะปี 1997 เราหดตัวไปเยอะ แต่วันนี้เราแข็งแรงแล้ว ต้องบุกใหม่ ผมซื้อสโมสรแมนฯซิตี้นั้น ถูกมาก แต่ต้องรวมมูลค่านักฟุตบอลด้วย เพราะคือทรัพย์สิน วันนี้หากขายสโมสรไปก็ได้กำไรไม่น้อยกว่า 100 ล้านปอนด์ วันนี้ก็จะหาลู่ทางให้สินค้าไทยไปเผยแพร่ และเกิดประโยชน์จากสโมสร แต่ผมไม่ขาย ขอเรียนว่าลู่ทางการหากินในต่างประเทศนั้นมีเยอะ ขอให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนกัน"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนไปตีกอล์ฟกับสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ก็ทราบว่าเกาหลีจะมาสร้างตึก 57 ชั้นในพนมเปญ และเพื่อนตนไปลงทุนในเวียดนามเล่าให้ฟังว่า ลงทุนปี 2002 ตอนนี้ได้กำไรไม่มากในตลาดหุ้น และที่ดิน คือกว่าแสนล้านบาทเอง วันนี้ต้องรวมพลังอย่างสร้างสรรค์ เพราะทุกประเทศไปไกล ไม่ต้องเดินขบวน เพราะไม่มีประโยชน์ ควรนำความคิดที่สร้างสรรค์ไปบอกรัฐบาลว่า ให้ปรับนโยบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้หลายคนมาให้กำลังใจตน ที่ระหกระเหินในต่างประเทศ ยอมรับว่ามีชีวิตมีทั้งทุกข์ และสุข บางคนบอกว่าชีวิตของตนนั้นดีนะเพราะเห็นนรก และสวรรค์ในชาติเดียว ตอนไปต่างประเทศในช่วงเป็นนายกฯ บางประเทศมีพรมแดงปูต้อนรับ แต่ไปอีกครั้งกลับโดน ตม.สอบสวน ตนคิดว่า เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป ตนปล่อยวางแล้ว ล่าสุดตนกลับไปอังกฤษ ก็โดน ตม.สอบสวนกว่า 2 ชั่วโมงเพราะตอนนั้นทนายความของตน ให้ตนดัดแปลงขอลี้ภัยการเมือง เพราะทหารจะจับตนในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ตอนแรกตนบอกว่าไม่เอา ไม่สน ไม่กลัวเสียหาย ไม่ได้ทำผิด จะกลัวอะไร แต่ทนายความไม่ยอม จนตนต้องไปยื่นเอกสารขอลี้ภัย แต่ตอนหลังก็ไปถอนเรื่อง แต่เรื่องนี้มันค้างไว้ในคอมพิวเตอร์ เมื่อตนกลับไปก็สอบสวนตนว่าจะลี้ภัยการเมือง ตอนที่ตนไปญี่ปุ่น ก็โดนเรื่องนี้อีกโดยฝีมือของสถานทูตไทยในญี่ปุ่น สิ่งเหล่านี้ตนเจอมาก็ถือว่าเรียนรู้เยอะมาก และตนยังรู้ว่า ในแต่ละประเทศ การเมืองและการทำมาหากินนั้นทำอย่างไร แม้ตอนที่ตนไม่ได้เป็นนายกฯ ผู้นำหลายประเทศ ก็ต่อสายคุยกับตน
"ผมพูดแบบนี้ ก็ไม่คิดกลับไปเล่นการเมืองแล้ว ผมทำหน้าที่นี้ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อย่างน้อยทำหน้าที่นายกฯ มาหลายปี ตอนนั้นผมเหมือนลูกคนจนไปเรียนต่างประเทศ ไปแล้วกลับไม่ได้ ไปเรียนหลักสูตรปริญญาโท 17 เดือน ปิดเทอมไม่ได้กลับบ้าน หากได้เรียนปริญญาเอกนานกว่านั้นไม่ไหว ขอบคุณคนไทยที่ให้ผมได้กลับบ้าน"
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า วันนี้เงินมีเยอะมากในโลก แต่เราต้องรู้ช่องทางในการดึงเงินมา วันนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.คลังไปโรดโชว์ในต่างประเทศ ทั้งนี้เงินสดในโลกนี้เหลือเยอะมาก คนมีเงินสดเยอะก็กำลังหาที่ลง ซึ่งเงินพวกนี้ที่มาลงบ้านเรา ก็เป็นพวกอสังหาริมทรัพย์ ก็ขอให้ทำตรงนี้ให้ดี เพราะต่างชาติอยากมาซื้อมาก การดึงเงินเข้าประเทศไทยนั้นไม่ยากเลย ขอเพียงว่าอย่าส่งสัญญาณความขัดแย้งกันเองในประเทศต่อไป ถ้าใครรักบ้านเมือง รักชาติ ก็อย่าทำ อย่าทะเลาะกัน ไม่มีประโยชน์ ไม่กี่ปีก็ตายจากกันแล้ว เราควรส่งสัญญาณเชิงบวกออกไปให้ประเทศดูสงบ เงินจะเข้าประเทศเยอะมาก อย่างไรก็ดีช่วงนี้ถึงเวลาแล้วที่เราควรลงทุน เมกะโปรเจ็กต์ เพราะว่าวันนี้เงินบาทแข็งค่า ซึ่งหากไม่ลงทุนช่วงนี้จะเสียโอกาส อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ด้วย
"ที่ว่าผมรวยนั้น ผมมีแค่ 1 พันล้านปอนด์ แถมโดนอายัดด้วย หากไปเทียบกับคนอื่นๆที่อังกฤษนั้น ผมมีแค่นี้เอง (ทำมือยกนิ้วก้อย) เพราะคนเยอะ ผมชวนนายลักษมี มิตตาล มาวันนี้ก็รวยอันดับ 4 ของโลก และอันดับ 1ในอังกฤษมาวันนี้ก็เพื่อให้แนวคิดกับนักธุรกิจไทยในการลงทุนในตลาดโลก" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว และการไปดูไบนั้น ตนก็รู้และอยากบอกข่าวร้ายว่า น้ำมันจะถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะดอลลาร์ อ่อนตัว คนที่ขายน้ำมันก็คิดว่า ค่าเงินลดลง ฉะนั้นปรับราคาน้ำมันขึ้นแน่นอน
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขอบคุณ คมช. ไม่อย่างนั้นตนไม่มีโอกาสเดินทางและรู้อะไรแบบนี้ หากตนได้เงินคืนมา จะตั้งกองทุนลงทุนในเอเชีย แต่เน้นหนักที่ไทย เพื่อให้เงินเข้าไทยเยอะๆไม่อย่างนั้นจะไม่มีโอกาส เพราะมันเหมือนฝนที่ตกใหม่ๆไม่ทั่วฟ้า หากตกนานๆ จะทั่วฟ้า เราต้องพยายามให้ฝนตกนานๆ เพราะคนไทยมีศักยภาพแต่ต้องรวมพลังมากกว่านี้ ต้องเลิกขัดแย้งและทะเลาะกัน อย่าทิฐิใส่กัน เพราะเราเป็นลูกพระพุทธเจ้า ต้องมองโลกแง่บวก ช่วยเหลือ และให้กำลังใจกัน ทำในสิ่งดี ๆบ้านเมืองจะไปได้
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า ยอมรับว่าในเรื่องเศรษฐกิจ มีปัจจัยภายนอกมาก เช่น เรื่องราคาน้ำมัน วิกฤตซับไพรม์จากสหรัฐ และปัจจัยภายในก็พอมี รวมไปถึงการเจริญเติบโตของโลกลดลง และยังมีความเป็นห่วงเรื่องการส่งออก อาจจะมีการต่อสู้กันหนักหน่อย ที่สำคัญประเทศเราต้องรีบฟื้นฟูการท่องเที่ยว เนื่องจากช่วงการปฎิวัติทำให้การท่องเที่ยวตกไป
"ถ้าเรามีนโยบายที่ดี ก็จะสามารถดึงการลงทุนเข้ามาได้ ก็อยากจะฝากผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ ประเทศเราไปกลัวเรื่องเงินเฟ้อมากเกินไป ซึ่งผมคิดว่าไม่น่ากลัว สำหรับประเทศไทย เพราะเงินเฟ้อเกิดจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่มีต้นทุนที่สูง ถ้าหากเราจะเร่งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน โดยการให้เงินลงสู่ระบบให้มากก็น่าจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องการอัพเกรดขีดความสามารถเครื่องจักรต่างๆ และเรามีเงินสำรองเยอะ รวมทั้งค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นด้วย" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น