ในบรรดาเทศกาลที่คนรู้จักทั่วโลกเห็นจะไม่มีที่ไหนเกินหน้าเกินตาที่เมืองรีโอเดจาเนโอ ในประเทศบราซิลละครับ
เทศกาลที่ว่านี้คืองาน Carnival ที่โด่งดังมาก ดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละหลายล้านคน
รีโอนั้นเคยเป็นนครหลวงของบราซิลมาก่อนนะครับ
เทศกาลนี้ผู้คนที่ร่วมขบวนใช้เวลาเตรียมการเตรียมงานกันนานครับ
และแน่นอนก็มีปี่กลองและการเต้นแซมบ้าเป็นเรื่องปกติ ประดับด้วยสาวๆ นุ่งน้อยห่มน้อย และแน่นอนครับเปลือยอกให้เห็นกันจนเป็นความธรรมดา และใครก็ว่าเป็นธรรมชาติของเทศกาลนี้
งานนี้มีการศึกษากันทางประวัติศาสตร์ถึงความเป็นมาด้วย
คนที่ศึกษาเป็นแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดของสงวนของผู้หญิงเสียด้วย ชื่อว่า ฮิราม อรัวโจ้ เวลานี้อายุอานามก็ 78 ปี แล้ว
เขาไม่ชอบงานปีนี้เลย บอกว่ามันจัดผิดเวลา และว่างานปีนี้จัดเร็วไปหน่อย
ความจริงแล้ว เทศกาลนี้จะจัด 50 วันก่อนวันอีสเตอร์ โดยจัดจากปฏิทินจันทรคติ ซึ่งปีนี้น่าจะตกในวันที่ 23 มีนาคม 2008 ที่เป็นวันใกล้เคียง และใกล้ที่สุดก่อนวันอีสเตอร์ นับตั้งแต่ ค.ศ.1913 โน่นละครับ
แต่อรัวโจ้ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการทางวัฒนธรรมของสำนักเต้นแซมบ้าในรีโอ บอกว่าการที่มาจัดงานเอาในช่วงฤดูร้อนเพื่อรับนักท่องเที่ยวมันเร็วไป
และจะส่งผลให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเทศกาลนั้น “พัง” เอาด้วย
เขาบอกว่าเดือน ก.พ. ไม่เหมาะ แต่ต้องเลื่อนไปจัดเอาต้นสัปดาห์ของเดือนมีนาคม
และว่าเป็นกฎของ “บราซิล” เป็นกฎระดับชาติเลยทีเดียวในการจัดเทศกาล และจะต้องดูเงื่อนไขด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของฤดูนักท่องเที่ยวให้รอบคอบเสียก่อน
การจัดเทศกาลก่อนเวลาอันควรนี้ ขัดกับประเพณีเก่าแก่นับพันปีเลยละครับ
แม้กระทั่งสำนักคริสเตียนคาทอลิก ยังค้านการจัดงานก่อนเวลา ว่าไม่เหมาะสม
ที่ประเทศญี่ปุ่น ชาวยุ่นกว่า 4 แสนคน เมื่อสิงหาคม ปี 1981 ออกมาดูพวกโรงเรียนแซมบ้า 11 แห่ง ไปจัดการเดินพาเหรดโดยบราซิลส่งไปแสดงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ในประเทศฟินแลนด์งานเทศกาลใหญ่ที่สุดจัดในเดือนมิถุนายน และที่นี่ก็มีโรงเรียนแซมบ้า และสมาคมแซมบ้าอยู่ด้วย
ในรอบ 10 ปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกี่ยวกับเทศกาลคานิวัลที่บราซิล จากเดิมที่เล่นกันแบบมั่วๆ ตามท้องถนน กลายมาเป็นการจัดขบวนเพื่อนักท่องเที่ยวและส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อหาเงินเข้าประเทศ
รายได้ก็จะถูกจัดเก็บโดยกรรมการจัดงานและส่งให้รัฐหลังแบ่งปันไปให้กับคณะต่างๆ ที่ร่วมงาน
แน่นอนว่าการจัดขบวนใหม่ๆ มีค่าใช้จ่าย
และการแสดงคานิวัลกลายเป็นงานเชิงพาณิชย์อย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีเงินมีทองเข้ามาเกี่ยวพันด้วย
ครับงานนี้ซึ่งผ่านไปก็คึกคักดี มีคนร่วมงานประมาณ 7-8 แสนคน
นักท่องเที่ยวเหล่านี้มาใช้เงินในรีโอ 2 หมื่นกว่าล้านบาท (ตัวเลขจากสำนักงานท่องเที่ยวในบราซิล)
แต่กระทรวงท่องเที่ยวก็อยากจะหาทางที่จะได้เงินมากกว่านี้อีกครับ
อรันโจ้ศึกษาความเป็นมาของเทศกาลนี้ เริ่มตั้งแต่เขาทำงานนี้เป็นงานอดิเรก เขาบอกว่า แนวดนตรีในงานไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยนับแต่ ค.ศ.1783 และงานเป็นงานจัดแบบวิทยาศาสตร์ มิใช่งาน “ปาร์ตี้ใหญ่ๆ” แบบเคยคิดกัน
ผู้ประสานงานคนหนึ่งสำหรับเทศกาลนี้ อยู่ในเมืองชายทะเลที่ Cabo Frio แหล่งท่องเที่ยวที่รู้จักกันดี โดยเฉพาะคนอเมริกัน เมืองนี้มีพลเมืองแค่แสนกว่าคน แต่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาปีละหนึ่งล้านคนในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยมาในช่วงฤดูร้อนของบราซิลคือในเดือนธันวาคมถึงมีนาคม
สำหรับคนบราซิลนั้นงาน Carnival เป็นงานสิ้นสุดของวันหยุดยาวในฤดูร้อนครับ
สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวของบราซิลทำสำรวจความคิดเห็นไว้กับประชาชนโดยสุ่มตัวอย่างจากคนทั่วไป
ร้อยละ 81 ระบุว่า งานจะขาดทุนเพราะจัดงานเร็วผิดปกติ
เวลานี้อรันโจ้บอกว่าต้องใช้วิถีทางการเมือง โดยเขาบอกว่าอาจต้องเสนอกฎหมาย Carnival Law ให้กับวุฒิสมาชิกจากรีโอเดจาเนโอ รวมทั้งต่อบาทหลวงผู้ทรงอิทธิพลของริโอด้วย
ทางโบสถ์คาทอลิกเป็นกลุ่มแรกที่ประกาศว่าไม่ขัดแย้งกับการจัดวันคานิวัลใหม่ และวันเทศกาลอาจมาก่อนก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาหลัง แถมยังบอกว่าจัดมันในเดือนมกราคมก็ยังไหว
ครับเทศกาล Carnival แห่ง รีโอ นั้นมีความหมายมาก สำหรับพลเมืองรีโอ และคนบราซิลทั้งประเทศ
เหมือนงานสงกรานต์บ้านเรา เพียงแต่เราไม่ได้จัดให้มันเป็นเรื่องเป็นราวเท่าเขาเท่านั้นแหละ.