ศูนย์ข่าวศรีราชา – ชี้แนวโน้มการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์และรถจักรยานยนต์จากไทยไปกัมพูชามีทิศทางสดใส หลังกัมพูชาพัฒนาระบบลอจิสติกส์เชื่อมต่อหลายจังหวัดของไทย ขณะที่ตัวเลขการส่งออกสินค้าจากไทยไปกัมพูชา ที่ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ ปี 2551 คาดจะเติบโตเพียง 4-5% จากผลของการพัฒนาเส้นทางสินค้าเชื่อมจังหวัดตราดและจันทบุรี ซึ่งจะทำให้ตัวเลขการส่ง ออกและนำเข้าสินค้าถูกแชร์ผ่านจุดผ่านแดนต่างๆ ที่มีอยู่โดยรอบ
นายสุภาพ บุญเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานการค้าต่างประเทศ เขต 4 (สระแก้ว) เผยถึงแนวโน้มการส่งออกและนำเข้าสินค้าจากไทยไปกัมพูชาในปี 2551ว่าจะเป็นไปในลักษณะการเติบโตแบบชะลอตัว หรืออาจมีตัวเลขการเติบโตจากปีก่อนเพียง 4-5% เท่านั้น สาเหตุสำคัญมาจากการขยายช่องทางการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีการพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้าร่วมกันในหลายจุด
ในภาคตะวันออกมีการพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้า ทั้งจากกัมพูชาไปยังจังหวัดตราด และจุดผ่านแดนในจังหวัดจันทบุรี ทำให้ตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในปีนี้จะถูกแชร์ไปยังจุดผ่านแดนต่างๆ อย่างไรก็ดีการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ในประเทศกัมพูชา จะส่งผลให้ภาพรวมการค้าชายแดนของไทยเติบโตสูงขึ้น จากความสะดวกด้านการขนส่ง
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พบว่ามีการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งรถบรรทุกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาซึ่งเกิดจากการพัฒนาเส้นทางขนส่ง และการลงทุนจากต่างชาติที่ทยอยเข้าไปในกัมพูชา
“ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาการขยายตัวด้านการส่งออกสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง และรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ก็คาดว่าความต้องการรถจักรยานยนต์จากไทยจะสูงขึ้นอีก เพราะถนนหนทางในกัมพูชามีการพัฒนาไปมาก เช่นเดียวกับความต้องการสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จะยังคงเติบโตเช่นกัน ”
นายสุภาพ ยังเผยถึงตัวเลขการค้าชายแดนด้านจังหวัดสระแก้วในปี 2549 ว่ามีจำนวน 1.88 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตัวเลขการค้าชายแดนในปี 2550 มีทั้งสิ้น 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณ 2% และคาดว่าในปี 2551 ตัวเลขการค้าจะเติบโตจากปี 2550 ประมาณ 4-5% จากความต้องการสินค้าอุปโภค-บริโภค และการส่งออกรถจักรยานยนต์ โดยปัจจัยทางการเมืองและการแข็งค่าของเงินบาท ในภาพรวมไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนของไทย เพราะนอกจากการค้าชายแดน เป็นระบบการค้าที่มีการพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การซื้อขายสินค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาแม้จะผูกติดกับค่าเงินสหรัฐ แต่เป็นการซื้อขายในราคาตายตัวไม่เปลี่ยนแปลงตามค่าเงินที่เปลี่ยนไป
“ตอนนี้หน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดสระแก้ว กำลังผลักดันให้รัฐบาลจัดการเรื่องคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง ที่ต้องเซ็นสัญญาร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาแบบปีต่อปี เพื่อส่งเสริมให้สินค้าเกษตรของไทยส่งไปจำหน่ายในกัมพูชาได้มากยิ่งขึ้น ” นายสุภาพ กล่าว
อะไหล่รถยนต์-รถจักรยานยนต์ ส่งออกเพียบ
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระแก้ว เผยถึงข้อมูลการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว ในเดือนมกราคม 2551ว่ามีมูลค่าการค้ารวมกว่า 2 พันล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 2,217.10 ล้านบาท พบว่าลดลง 141.34 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.37 ส่วนตัวเลขการค้าเกินดุลจำนวน 1,831.67 ล้านบาทโดยการส่งออกมีมูลค่า 1,953.72 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี มูลค่า 2,105.36 ล้านบาท พบว่าลดลง 151.64 ล้านบาทหรือร้อยละ 7.20
ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องยนต์ รถยนต์ อะไหล่รถจักรยานยนต์ ปูนซีเมนต์ รถจักรยานยนต์ ก๊าซปิโตรเลียม อาหารสัตว์ รถไถนาเดินตาม ผงชูรส น้ำตาลทราย ปุ๋ยยูเรีย น้ำมันหล่อลื่น เบียร์ ผ้าโสร่ง น้ำอัดลม ปลายข้าว ผ้าถัก เหล็กเส้น เหล็กแบน อื่นๆ เป็นต้น
ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญได้แก่ มันสำปะหลัง เศษเหล็ก เสื้อผ้าเก่าใช้แล้ว เสื้อผ้าสำเร็จรูป สัตว์น้ำเศษอะลูมิเนียม ข้าวโพดใช้เลี้ยงสัตว์ เศษทองแดง เศษกระดาษ หนังสัตว์ รถเครน(สุทธินำกลับ) เครื่องหนัง ผ้าค้างสต๊อก โครงเหล็ก(สุทธินำกลับ) หมวกผ้า รองเท้า พาเลตไม้(สุทธินำกลับ) กระเพาะปลา พืชผักและ อื่นๆ
ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์มูลค่าการค้ารวมมีจำนวน 2,224.53ล้านบาทเปรียบเทียบกับเดือนก่อนของปีก่อนที่มีมูลค่า 2,075.76 ล้านบาท พบว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้น 148.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.17 ส่วนดุลการค้าเกินดุลมีจำนวน 1,962.53 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกมีมูลค่า 2,093.53 ล้านบาท เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 1,953.72 ล้านบาท พบว่าเพิ่มขึ้น 139.81 ล้านบาทหรือร้อยละ 7.16 โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ เสาสัญญาณโทรคมนาคม อะไหล่รถจักรยานยนต์ อาหารสัตว์ ปูนซีเมนต์ รถยนต์ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว รถไถนาเดินตามรถบรรทุก(สุทธินำกลับ) ผ้าถัก ปุ๋ยเคมี เหล็กเส้น กระป๋องอลูมิเนียม ยางมะตอย ผ้าพิมพ์/ผ้าโสร่ง ปุ๋ยยูเรีย ผงชูรส เบียร์ อื่นๆ
สินค้านำเข้ามีมูลค่า 131.00 ล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนของปีก่อนซึ่งมีมูลค่า 122.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.95 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.33 โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เศษทองแดง เศษเหล็กเศษอลูมิเนียม เสื้อผ้าเก่าใช้แล้วเศษกระดาษ มันสำปะหลัง เสื้อผ้าสำเร็จรูป อุปกรณ์ถ่ายทำภาพยนตร์(สุทธินำกลับ) เครื่องตัดหญ้า (สุทธินำกลับ)ข้าวโพดใช้เลี้ยงสัตว์ สัตว์น้ำ ของทำด้วยพลาสติก พาเลตไม้(สุทธินำกลับ) เครื่องหนัง หมวกผ้า ท่อสำหรับบรรจุคลอรีน รองเท้า กระเพาะปลาตากแห้ง กรรไกรฯลฯ